เมนูกับข้าวโบราณ อาหารไทยสมัยก่อนหากินยาก บางเมนูชื่อก็ไม่คุ้นหู ถ้าอยากลิ้มลองรสชาติระดับตำนาน มาลองทำกันได้เลย
เมนูกับข้าว อาหารไทยในปัจจุบันหลายคนแค่เห็นก็เบื่อ วันนี้เราชวนมาย้อนอดีตกับเมนูกับข้าวโบราณ สมัยบรรพบุรุษ เช่น ยำใหญ่ แกงระแวงเนื้อ แกงคั่วหัวตาล แกงสับนกปลา เป็นต้น แค่ชื่อก็น่าลองทำแล้วใช่ไหมทุกคน
1. ยำใหญ่

ยำใหญ่ หรือยำรวมมิตร เป็นอาหารชาววัง ปรากฏชื่อเมนูนี้ในกาพย์เห่เรือชมเครื่องคาวหวาน เป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 จุดเด่นคือใส่เครื่องเคราหลายชนิด ที่ขาดไม่ได้เลยคือแตงกวาและเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ส่วนน้ำยำจะใส่ถั่วคั่วและกระเทียมดอง
ส่วนผสม ยำใหญ่
-
เนื้อหมูต้มสุกหั่นชิ้น
-
ไข่ต้ม
-
ไก่ต้มฉีก
-
กุ้งต้ม
-
หนังหมูต้มซอย
-
หมูสามชั้นต้ม
-
วุ้นเส้นลวกสุก
-
เห็ดหูหนูดำลวก
-
ผักสลัดตามชอบ
-
แตงกวา หรือแตงร้าน
-
หอมใหญ่
-
แครอต
-
มะเขือเทศ
-
ขึ้นฉ่าย
-
ต้นหอม ผักชี
ส่วนผสม น้ำยำ
-
น้ำกระเทียมดอง
-
กระเทียมดอง
-
พริกขี้หนูซอย
-
รากผักชีโขลก (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
-
ถั่วคั่วบด หรือถั่วตัด
-
น้ำตาลมะพร้าว หรือน้ำตาลทราย
-
น้ำปลา
-
มะนาว
-
ไข่แดงสุก (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
วิธีทำยำใหญ่
-
ทำน้ำยำ โดยคนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน
-
ใส่เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ลงไป ตามด้วยผักต่าง ๆ คลุกเคล้าจนเข้ากัน ใส่ไข่ต้ม เคล้าจนเข้ากันอีกครั้ง ตักเสิร์ฟ
2. แกงระแวงเนื้อ

แกงระแวงเนื้อ เชื่อว่าได้รับอิทธิพลมาจากอินโดนีเซีย หน้าตาคล้ายแกงพะแนง แต่สีเหมือนแกงเขียวหวาน ใส่ขมิ้นและตะไคร้ลงไปเพิ่ม ในอดีตจะใช้เนื้อวัว แต่ปัจจุบันสามารถใช้เนื้อสัตว์อื่น ๆ ได้
ส่วนผสม แกงระแวงเนื้อ
-
เนื้อวัวส่วนตามชอบ (เช่น น่องลาย น่องแก้ว เนื้อแก้มวัว เป็นต้น) 150 กรัม
-
หางกะทิ 2 ถ้วย
-
ตะไคร้ทุบหั่นท่อน 2 ต้น
-
เกลือ 1/4 ช้อนชา
-
หัวกะทิ 1 ถ้วย
-
น้ำปลา
-
น้ำตาลปี๊บ
-
พริกชี้ฟ้า (สำหรับแต่ง)
-
ใบมะกรูดฉีก
ส่วนผสม พริกแกงระแวง
-
ลูกผักชีคั่ว
-
ยี่หร่าคั่ว
-
พริกไทยเม็ด
-
เกลือ
-
ผิวมะกรูด
-
กระเทียม
-
หอมแดง
-
พริกชี้ฟ้าเขียว
-
พริกขี้หนูเขียว
-
ตะไคร้ซอย
-
กะปิย่าง
-
ขมิ้นหั่นแว่น
วิธีทำแกงระแวง
-
ตั้งหม้อใช้ไฟกลาง เติมหางกะทิลงไปต้มพอเดือด ใส่ตะไคร้ เกลือ และเนื้อวัว เคี่ยวจนสุก ตักฟองออก ปิดฝา เคี่ยวประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจนเนื้อนุ่ม
-
ทำพริกแกงระแวง โดยโขลกลูกผักชี ยี่หร่า พริกไทยเม็ด และเกลือ จนละเอียด ใส่ผิวมะกรูด กระเทียม หอมแดง และพริก โขลกให้ละเอียด ใส่กะปิ ตะไคร้ และขมิ้น โขลกให้ละเอียด ตักใส่ถ้วย เตรียมไว้
-
ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง เติมหัวกะทิเล็กน้อย เคี่ยวจนแตกมัน ใส่น้ำพริกแกงลงผัดจนหอม ใส่หัวกะทิกับเนื้อวัวที่เคี่ยวลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลากับน้ำตาลปี๊บ พอเดือดอีกครั้งใส่พริกชี้ฟ้ากับใบมะกรูดฉีกลงไป เคี่ยวจนน้ำขลุกขลิก ปิดไฟ
3. แกงคั่วหัวตาล

แกงคั่วหัวตาล แกงไทยพื้นบ้านของเพชรบุรี หากินยาก ทำเฉพาะในงานบุญ ส่วนผสมหลัก ๆ จะมีหัวตาลอ่อน ใส่ปลาย่าง แกงกับกะทิและพริกแกงเผ็ด จะมีรสขมนิด ๆ กับความเผ็ดหวานกลมกล่อม
ส่วนผสม แกงคั่วหัวตาล
-
หัวตาลอ่อน 1 หัว
-
เนื้อปลาทูย่างแกะก้างออก 1-2 ตัว
-
กุ้งสด 10 ตัว (หรือตามชอบ)
-
น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
-
กระชายซอยบาง 1 ช้อนโต๊ะ
-
หัวกะทิ 1/2 ถ้วย
-
หางกะทิ 2 ถ้วยตวง
-
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
-
ใบมะกรูดฉีก 4-5 ใบ
วิธีทำแกงคั่วหัวตาล
-
เอาหัวตาลฝานบางแล้วแช่น้ำมะขามเปียก หรือต้มกับน้ำเกลือจนเดือด พอเย็นแล้วให้ขยำเทน้ำทิ้ง นำไปผึ่งจนกระทั่งแห้งแล้วล้างน้ำให้สะอาด
-
นำพริกแกงเผ็ดและกระชายมาโขลกรวมกันจนละเอียด
-
ตั้งหม้อด้วยไฟกลาง แล้วใส่หัวกะทิและเติมหางกะทิลงไปเล็กน้อย จากนั้นให้ใส่พริกแกงเผ็ดลงไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนแตกมันเพียงเล็กน้อย เติมน้ำเปล่า 1 ถ้วย ต้มไปสักครู่จนเดือด
-
ใส่หัวตาลลงไปต้มต่อจนน้ำเดือดอีกครั้ง ใส่เนื้อปลาทูย่าง ปรุงรสด้วยน้ำปลาหรือน้ำปลาร้าและน้ำตาลปี๊บ รอจนเดือดและหัวตาลนุ่ม ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยใบมะกรูดฝอย
4. แกงสับนกปลา

ภาพจาก : คุณมอแกนน้อย
แกงสับนกปลา สูตรจาก คุณมอแกนน้อย เมนูแกงไทยโบราณ เหตุที่ชื่อแกงสับนก เพราะสมัยก่อนมีการนำนกมาสับจริง ๆ ตอนหลังไม่ได้กินนกกันแล้วแต่ก็ยังติดปากเป็นแกงสับนกเหมือนเดิม สูตรนี้เป็นแกงสับนกปลาหลายชนิดนำมาโขลกและทำเป็นแกงกะทิ
ส่วนผสม แกงสับนกปลา
-
เนื้อปลาสับละเอียด
-
น้ำแข็ง
-
เกลือกะทิ
-
น้ำพริกแกง
-
น้ำปลา
-
น้ำตาลปี๊บ
-
มะเขือพวง
-
กระชาย
-
พริกสด
-
ใบมะกรูด
-
ใบโหระพา
ส่วนผสม น้ำพริกแกง
-
หัวกระชาย
-
พริกไทยดำ
-
ผิวมะกรูด
-
หางกะทิ
วิธีทำน้ำพริกแกง
-
ปั่นหัวกระชาย พริกไทยดำ ผิวมะกรูด และหางกะทิ เข้าด้วยกัน
วิธีทำแกงสับนกปลา
-
เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมันก่อน เมื่อแตกมันได้ที่ สังเกตริมกระทะจะมัน ๆ เยิ้ม ๆ ค่อยใส่พริกแกงลงไปแล้วเคี่ยวให้หอม พอเดือดปล่อยไว้ 15-20 นาที พริกแกงถึงจะสุกและส่งกลิ่นหอม
-
นำเนื้อปลามาแล่เนื้อ ปลิดหนังออกแล้วสับจนก้างราวท้องละเอียด จากนั้นนำลงไปโขลกในครกหิน ใส่น้ำแข็งสักหน่อย ใส่เกลือสักนิด การใส่น้ำแข็งลงในเนื้อปลาเพื่อให้เนื้อปลาคลายความกระด้างลง ถ้าเป็นเนื้อปลาล้วน ๆ จะกระด้าง กินแล้วสาก ๆ ไม่นุ่ม จึงต้องใส่น้ำแข็งลงไป น้ำแข็งละลายเป็นน้ำเพิ่มความชื้นให้เนื้อปลานุ่มขึ้น ส่วนเกลือเพื่อเพิ่มรสชาติ
-
โขลกเนื้อปลาจนเป็นเนื้อเดียวกัน เนื้อปลาจะเหนียว ยกสากขึ้นได้ยาก ให้ปั้นก้อนแล้วใส่ลงในกะทิเครื่องแกง เพื่อทดสอบรสสัมผัสของเนื้อปลา ถ้าไม่เหนียวก็โขลกต่อ ถ้าจืดก็ปรับเพิ่มเกลือ ถ้ามีเครื่องปั่นจะช่วยให้ขั้นตอนการโขลกเนื้อปลารวดเร็วขึ้น
-
เมื่อปลาได้ที่ก็ปั้นใส่ลงในกระทะ ปรับชิมรสชาติแกง เติมน้ำปลากับน้ำตาลปี๊บเท่านั้น ใส่มะเขือพวง กระชาย พริก ใบมะกรูด และโหระพา
5. แกงรัญจวน

ภาพจาก : นิตยสาร Foodstylist
แกงรัญจวน สูตรจาก นิตยสาร Foodstylist เป็นอาหารตำรับชาววังโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็นการนำน้ำพริกกะปิเหลือ ๆ ต้มรวมกับเนื้อสัตว์และสมุนไพรไทย ปิดท้ายด้วยใบโหระพา เป็นแกงที่กลิ่นหอมมากตามชื่อ
ส่วนผสม แกงรัญจวน
-
น้ำพริกกะปิ 3-4 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำซุปกระดูกหมู 2-3 ถ้วย
-
หอมแดงแขกทุบ 3 หัว
-
ตะไคร้ทุบและหั่น 4 ชิ้น
-
กระทียมทุบ 3 กลีบ
-
ใบโหระพา 1 กำมือ
-
น้ำมะนาว 1 ลูก
-
เนื้อหมูสันคอหั่นชิ้นบาง เนื้ออกไก่ หั่นเส้นยาว และกุ้งสด น้ำหนักรวมกัน 250 กรัม
วิธีทำแกงรัญจวน
-
เทน้ำซุปลงหม้อ ตั้งไฟปานกลาง พอน้ำเริ่มเดือดใส่น้ำพริกกะปิลงไปละลายให้เข้ากัน จากนั้นใส่หอมแดง ตะไคร้ กระเทียม และพริกขี้หนูสวน ต้มประมาณ 3-5 นาที
-
พอส่วนผสมเริ่มส่งกลิ่นหอม ให้ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว ใส่เกลือตามชอบ จากนั้นนำเนื้อหมู เนื้อไก่ ที่เตรียมไว้ใส่ลงไปต้ม กุ้งสดให้ใส่ท้ายสุด เพราะสุกเร็ว
-
สุดท้ายบีบมะนาวลงไปเล็กน้อย ใส่ใบโหระพาตามลงไป ตักใส่ชาม ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยตะไคร้
6. เต้าเจี้ยวหลน

ภาพจาก : คุณเนรัญชลา
เต้าเจี้ยวหลน สูตรจาก คุณเนรัญชลา อาหารไทยโบราณตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวด ส่วนใหญ่จะเป็นเต้าเจี้ยวหลนหมูสับ แต่สูตรนี้ใส่กุ้งลงไปด้วยเพิ่มความเคี้ยวเด้ง เติมกะทิเพิ่มความหอมมัน แกล้มกับผักสด
ส่วนผสม เต้าเจี้ยวหลน
-
เต้าเจี้ยวขาว 300 กรัม
-
หางกะทิ 3 ถ้วยตวง
-
หมูสับ 200 กรัม
-
กุ้งสับ 100 กรัม
-
พริกชี้ฟ้าเขียวและสีแดงหั่น 120 กรัม
-
หอมแดงซอย 250 กรัม
-
มะขามเปียก (คั้นเอาแต่น้ำ)
-
น้ำตาลปี๊บ
-
เกลือป่น
-
ไข่ไก่ หรือไข่เป็ด 1 ฟอง
-
หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
วิธีทำเต้าเจี้ยวหลน
-
นำเต้าเจี้ยวไปล้างน้ำทำความสะอาด 2 ครั้ง เสร็จแล้วกรองด้วยกระชอนให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นจึงนำไปโขลกจนละเอียด
-
นำหางกะทิใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟ พอเดือดจึงเอาเต้าเจี้ยวโขลกลงละลาย
-
พอเดือดใส่หมูสับและกุ้งสับลงไป ตามด้วยพริกชี้ฟ้าและหอมแดง
-
ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ และเกลือป่น ชิมรสให้ออกเค็มหวานพอดี มีรสเปรี้ยวตัดเล็กน้อย
-
ตีไข่ไก่พอแตกแล้วเทลงไปในหม้อ คนเร็ว ๆ พอเดือด จากนั้นจึงใส่หัวกะทิส่วนที่เหลือลงไป รอเดือดอีกครั้งก็ใช้ได้
7. น้ำพริกลงเรือ

น้ำพริกลงเรือ เมนูเครื่องจิ้มโบราณสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นอาหารชาววังที่มีการโขลกกระเทียมและกะปิ ใส่มะดันและมะอึก มีครบทุกรส มีเครื่องเคียงคือ หมูหวาน ปลาดุกฟู และไข่เค็ม
ส่วนผสม น้ำพริกลงเรือ
-
กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
-
กะปิเผาจนหอม 1 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
-
เนื้อมะดันซอยบาง 2 ลูก
-
เนื้อมะอึกหั่นบาง 2 ลูก
-
พริกขี้หนูสวน 10-20 เม็ด
-
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
-
กุ้งแห้งโขลกละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
-
หมูหวาน (กินคู่)
-
ปลาดุกฟู (กินคู่)
-
ไข่เค็มต้ม หรือไข่ต้ม (กินคู่)
-
ผักสดตามชอบ
ส่วนผสม หมูหวาน
-
หอมแดงสับละเอียด 2 หัว
-
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
-
เนื้อหมูสามชั้นหั่นชิ้นเล็ก 200 กรัม
-
น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
ส่วนผสม ปลาดุกฟู
-
ปลาดุกย่าง 1 ตัว
-
น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
วิธีทำน้ำพริกลงเรือ
-
ทำหมูหวาน โดยใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางพอร้อน ใส่หอมแดงลงเจียวจนหอม ใส่น้ำตาลปี๊บและน้ำปลาลงคนผสมให้เข้ากัน ใส่เนื้อหมูลงผัดจนสุกและเนื้อหมูเงาสวย ชิมรสตามชอบ แบ่งเป็น 2 ส่วน เตรียมไว้
-
ทำปลาดุกฟู โดยแกะเนื้อปลาดุกออกเอาเฉพาะเนื้อ จากนั้นใช้ส้อมยีให้ละเอียด
-
ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางพอร้อน ใส่เนื้อปลาดุกลงทอดจนฟูเหลืองรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน
-
ทำน้ำพริกลงเรือ โดยโขลกกระเทียมกับกะปิและน้ำตาลปี๊บจนละเอียดเข้ากันดี ใส่เนื้อมะดัน เนื้อมะอึก และพริกขี้หนู โขลกผสมจนเข้ากันอีกครั้ง ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ เตรียมไว้
-
ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางพอร้อน ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงผัดจนหอม ใส่หมูหวานและกุ้งแห้งลงผัดจนเข้ากัน ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟคู่กับหมูหวาน ปลาดุกฟูกรอบ และไข่เค็ม
8. ต้มกะทิสายบัว

ต้มกะทิสายบัว เมนูกับข้าวโบราณ จับสายบัวไปลวกก่อนแล้วใส่ลงไปแกงกับกะทิ หอมแดง และปลาทู ปรุงรสเปรี้ยว เค็ม หวาน
ส่วนผสม ต้มกะทิสายบัว
-
กะทิ 2 ถ้วย
-
หอมแดง 6 หัว
-
ปลาทูนึ่ง 3 ตัว
-
สายบัวลอกเปลือก หั่นท่อน ลวกสุก 500 กรัม
-
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำมะขามเปียก 1/4 ถ้วย
วิธีทำต้มกะทิสายบัว
-
ตั้งกะทิพอเดือดอย่าให้แตกมัน ใส่หอมแดง ปลาทู และสายบัว
-
ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ เคี่ยวต่อสักครู่ด้วยไฟอ่อนประมาณ 5 นาที หรือจนสายบัวนิ่ม
9. ผัดสามเหม็น

ภาพจาก : นิตยสาร Gourmet & Cuisine
ผัดสามเหม็น ผัดสามหอม สูตรจาก นิตยสาร Gourmet & Cuisine อาหารไทยโบราณที่นำอาหารกลิ่นฉุน 3 ชนิดมาผัดรวมกัน ได้แก่ สะตอ กระเทียมดอง และชะอม โดยมีการเติมส่วนผสมอื่น ๆ ตามชอบ
ส่วนผสม ผัดสามหอม
-
น้ำพริกกะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำมันหมู 1 ช้อนโต๊ะ
-
กากหมูเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
-
ไข่เป็ด 1 ฟอง
-
หมูสับลวก 1/4 ถ้วย
-
กุ้ง 4 ตัว
-
ปลาหมึกกล้วยหั่นแว่น 4-6 ชิ้น
-
วุ้นเส้นแช่น้ำ 1/2 ถ้วย
-
กระเทียมโทนดอง 10 เม็ด
-
น้ำกระเทียมดอง เล็กน้อย
-
น้ำตาลปี๊บ
-
น้ำปลา
-
สะตอฝานเป็นชิ้นยาว
-
ชะอม
-
หอมแดงเจียว
-
เบคอนกรอบ
วิธีทำผัดสามหอม
-
ใส่น้ำมันหมูในกระทะ ใส่น้ำพริกกะปิลงผัดให้หอม ใส่กากหมูลงผัดพอเข้ากัน ใส่ไข่ ผัดให้ทั่ว ใส่หมูสับลวก กุ้ง และปลาหมึก ผัดพอสุก
-
ใส่วุ้นเส้น กระเทียมโทนดอง และน้ำกระเทียมดอง ปรุงด้วยน้ำปลากับน้ำตาลปี๊บ ใส่สะตอและชะอมแล้วปิดไฟทันที ตักใส่จาน โรยหอมแดงเจียวและเบคอนกรอบ
10. เนื้อต้มจิ๋ว

ภาพจาก : นิตยสารแม่บ้าน
เนื้อต้มจิ๋ว สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน เมนูกับข้าวชาววังสมัยรัชกาลที่ 5 จับเนื้อตุ๋นลงไปต้มกับมันเทศและมะม่วงดิบ ปรุงรสเผ็ด เค็ม เปรี้ยว ตามชอบ ใส่สมุนไพรไทยเพิ่มความหอม
ส่วนผสม เนื้อน่องลายตุ๋น
-
เนื้อวัวส่วนน่องลาย 500 กรัม
-
น้ำเปล่า 6 ถ้วยตวง
ส่วนผสม เนื้อต้มจิ๋ว
-
เนื้อน่องลายหั่นเต๋าตุ๋นจนเปื่อย 150 กรัม
-
น้ำซุปเนื้อ 3 ถ้วยตวง
-
มะม่วงดิบหั่นเต๋า 150 กรัม
-
มันเทศหั่นเต๋า 150 กรัม
-
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
-
หอมแดงซอย 1/2 ถ้วยตวง
-
ใบกะเพรา 20 กรัม
-
ใบโหระพา 20 กรัม
-
พริกขี้หนูบุบพอแตก 10-15 เม็ด
วิธีทำเนื้อน่องลายตุ๋น
-
นำเนื้อวัวใส่หม้อ เติมน้ำเปล่า ยกขึ้นตั้งไฟต้มพอเดือด ช้อนฟองออกให้หมด เบาไฟลง เคี่ยวจนเนื้อวัวนุ่ม (ถ้าน้ำแห้งให้เติมน้ำเปล่าลงไปเพิ่ม) จากนั้นตักขึ้นพักให้เย็นสนิทจึงหั่นป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า เตรียมไว้
วิธีทำเนื้อต้มจิ๋ว
-
ใส่น้ำซุปเนื้อและเนื้อวัวลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟต้มพอเดือด
-
ใส่มันเทศและมะม่วงดิบลงไป ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียกและน้ำปลา ต้มต่อพอเดือดสักครู่
-
ใส่หอมแดง ใบกะเพรา และใบโหระพา คนพอเข้ากัน รอเดือดอีกครั้งแล้วปิดไฟ ใส่พริกขี้หนู ตักใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟ
11. แกงจืดลูกรอก

ภาพจาก : คุณ Love is like food
แกงจืดลูกรอก สูตรจาก คุณ Love is like food แกงจืดไทยโบราณหากินยาก ลูกรอกทำจากไข่ไก่ เพิ่มเนื้อสัตว์อย่างหมู ไก่ และกุ้งสด โรยกระเทียมเจียวและพริกไทยป่น
ส่วนผสม แกงจืดลูกรอก
-
เนื้อไก่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 150 กรัม
-
เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 150 กรัม
-
กุ้งสด (ล้างกุ้ง ปอกเปลือกเหลือหางไว้ ผ่าหลังดึงไส้ดำออก) 300 กรัม
-
แครอต 10 กรัม
-
หัวไชเท้า 10 กรัม
-
กระเทียมสับ 4 กรัม
-
น้ำปลา 5 กรัม
-
น้ำซุป 350 กรัม
-
ต้นหอม
-
กระเทียมเจียว 50 กรัม
-
พริกไทยป่น 5 กรัม
-
ผักชี
ส่วนผสม ลูกรอก
-
ไข่เป็ด หรือไข่ไก่ (ล้างให้สะอาด) 50 กรัม
-
ไส้หมูยาว 150 กรัม
-
แป้งมัน
-
เกลือ
ส่วนผสม น้ำสต๊อกไก่
-
น้ำเปล่า 1,500 กรัม
-
กระดูกหมู หรือโครงไก่ 1,000 กรัม
-
แครอต 30 กรัม
-
หัวไชเท้า 120 กรัม
-
หอมใหญ่ 40 กรัม
-
รากผักชี
-
เม็ดพริกไทย
วิธีทำน้ำสต๊อกไก่
-
ล้างโครงไก่ให้สะอาด เอาหนังและมันออก
-
ต้มน้ำให้เดือด ใส่รากผักชี เม็ดพริกไทย เกลือ และโครงไก่ พอไก่สุกลดไฟอ่อน ใส่ส่วนผสมทั้งหมด เคี่ยวไฟอ่อน ๆ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง คอยช้อนฟองออกและยกลงกรอง
วิธีทำลูกรอก
-
นำไส้หมูไปล้างให้สะอาด รูดเอาสิ่งสกปรกออกให้หมด จากนั้นกรอกน้ำลงไปแล้วรูดอีกครั้งหนึ่ง ระวังอย่าให้สิ่งสกปรกเปื้อนไส้ด้านนอก
-
กลับไส้ด้านในออก ขยำกับเกลือจนเมือกออกหรือจนหายลื่น นำไปล้างน้ำและขยำกับเกลืออีกครั้ง จากนั้นล้างน้ำขยำกับแป้งมัน ล้างให้สะอาด กลับไส้ไว้อย่างเดิม
-
ล้างอีก 2-3 ครั้ง หรือจะใช้วิธีการขูดเบา ๆ จะทำให้ไส้สะอาดและขาวมากขึ้น
-
ล้างเปลือกไข่ให้สะอาด ต่อยไข่ใส่ชามตีพอเข้ากัน กรองด้วยผ้าขาวบาง 1 ครั้ง ใช้เชือกผูกปลายไส้ด้านหนึ่ง เทไข่ใส่กรวยลงในไส้อย่าให้เต็มเกินไป ผูกปลายอีกด้านหนึ่ง
-
ต้มน้ำจนเดือด ลดไฟลงจนน้ำไม่เดือด (น้ำนิ่ง) ใส่ไส้ที่กรอกไข่เรียบร้อยแล้วลงไปต้ม ถ้าน้ำเดือดคอยเติมน้ำ ขณะต้มให้ใช้เข็มแทงไส้ให้ลมออกบ้าง ต้มจนสุกแข็งตักขึ้น ทิ้งไว้ให้เย็น
-
เวลาจะแกงตัดเป็นท่อน ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ใช้มีดบากให้เป็นรอยกากบาททั้ง 2 ข้าง ระวังอย่าให้ขาดมาก (ตัดท่อนแล้วจะไม่บากก็ได้) อันนี้เพื่อความสวยงาม
วิธีทำแกงจืดลูกรอก
-
ตั้งหม้อน้ำซุปให้เดือด ใส่หมูและไก่ลงไปต้มให้สุกแล้วตักออก
-
ปรุงรสด้วยน้ำปลา ใส่แครอต หัวไชเท้า จากนั้นใส่ลูกรอก หมู ไก่ และกุ้งสด โรยต้นหอม ยกลง ตักใส่ชาม โรยกระเทียมเจียวกับพริกไทยป่น แต่งหน้าด้วยผักชี
ใครเบื่อกับข้าวยุคนี้ ลองย้อนไปทำเมนูกับข้าวโบราณกันดีไหม ลิสต์เมนูที่อยากลองแล้วไปหาซื้อวัตถุดิบกัน