เมนูอาหารวันหยุด
1. จิ้มจุ่ม
ส่วนผสม น้ำซุปจิ้มจุ่ม
- น้ำเปล่า หรือน้ำซุปไก่ 1 ลิตร
- ข่าแก่ (หั่นแว่น) 1 แง่ง
- ตะไคร้ (หั่นท่อน) 2 ต้น
- ผงปรุงรส 1 ก้อน (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
- น้ำปลา 2-4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 1-2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ
- ปลายช้อน
- ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ
- พริกขี้หนูบุบ 5-10 เม็ด (ปริมาณตามชอบ)
- ใบโหระพา 1 ต้น
- ผักชีฝรั่ง (หั่นท่อน) 2 ต้น
ส่วนผสม หมูหมัก ไก่หมัก
- เนื้อหมู (หั่นบาง ๆ) หรือเนื้อไก่
- ตับหมู (หั่นบาง)
- น้ำมันหอย 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- ผงปรุงรส 1-2 ช้อนโต๊ะ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- แป้งมันสำปะหลัง 2-4 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม น้ำจิ้มแจ่วมะขามเปียก
- พริกป่น
- น้ำตาลทราย
- น้ำมะนาว
- น้ำมะขามเปียก
- น้ำปลา
- งาขาวคั่วบุบ
- ข้าวคั่ว
- ผักชีฝรั่ง
วิธีทำน้ำซุปจิ้มจุ่ม
- ต้มน้ำเปล่าในหม้อ ใส่ข่ากับตะไคร้ลงไป ต้มจนเดือดปรุงรสตามชอบ
- ใส่ใบมะกรูด พริกทุบใบโหระพา และผักชีฝรั่งลงไป รอเดือดสักครู่ ปิดไฟ เตรียมไว้
วิธีทำหมูหมัก ไก่หมัก
1. ใส่หมูลงอ่างผสม ตามด้วยเครื่องปรุงทั้งหมด คลุกเคล้าจนเข้ากัน
2. นำไปแช่เย็นประมาณ 30 นาที เตรียมไว้
วิธีทำน้ำจิ้มแจ่ว
1. ผสมพริกป่น น้ำตาลทราย น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียกและ น้ำปลา คนให้ละลายเข้าด้วยกัน ชิมรสชาติให้ได้ตามต้องการ
2. ใส่ข้าวคั่ว ผักชีฝรั่ง และงาขาวคั่วลงไป พร้อมเสิร์ฟ
2. ชุดปลาทับทิมย่างเกลือ น้ำพริกแจ่ว ผักต้ม
สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน
ปลาทับทิมย่างเกลือกับน้ำพริกแจ่วและผักต้ม
พลังงานที่ได้รับโดยประมาณ 310 กิโลแคลอรี
ส่วนผสม ปลาทับทิมย่างเกลือ (สำหรับ 3 ที่)
- ปลาทับทิม 1 ตัว
- เกลือป่นหยาบ 200 กรัม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ
- ข่าหั่นแว่น 3 แว่น
- ตะไคร้ บุบพอแตก 4 ต้น
- ใบมะกรูด 5-7 ใบ
ส่วนผสม เครื่องเคียง
- ไข่ไก่ต้ม 3 ฟอง
- ผักกาดขาวแกะเป็นใบ ๆ ต้มสุก 1 หัว
- กะหล่ำปลีต้มสุก 1/2 หัว
- แครอทหั่นเป็นแท่ง ต้มสุก 1/2 หัว
- ถั่วฝักยาวหั่นท่อน ต้มสุก 12 ฝัก
- มะเขือเปราะ ต้มสุก 3-4 ลูก
วิธีทำปลาทับทิมย่างเกลือ
2. ผสมเกลือป่นกับแป้งสาลีให้เข้ากันแล้วไปพอกตัวปลา พักไว้ 15-20 นาที เพื่อให้เกลือและแป้งติดบนตัวปลา
3. นำปลาทับทิมไปย่างบนเตาถ่านให้สุกทีละด้าน (ห้ามกลับไปกลับมาเพราะเกลือจะหลุด) ย่างประมาณ 25-23 นาทีจนสุกทั้ง 2 ด้าน จัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง และน้ำพริกแจ่ว
ส่วนผสม น้ำพริกแจ่ว
- พริกขี้หนูแดง 15 เม็ด
- หอมแดง 7 หัว
- มะเขือเทศสีดา 5 ลูก
- กระเทียมกลีบใหญ่ 6 กลีบ
- น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- น้ำปลาร้าต้มสุก 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำน้ำพริกแจ่ว
1. คั่วพริกขี้หนู หอมแดง มะเขือเทศสีดา และกระเทียมในกระทะให้เกรียมเล็กน้อย ตักขึ้นพักให้เย็น นำไปปั่นให้ละเอียด
2. เติมน้ำปลาร้าต้มสุก น้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และเกลือป่นลงในโถปั่น ปั่นให้เข้ากัน ตักน้ำพริกใส่ถ้วย เตรียมไว้
ดูวิธีทำ ชุดปลาทับทิมย่างเกลือ น้ำพริกแจ่ว ผักต้ม เพิ่มเติมคลิก
3. ชาบู
น้ำซุปสุกียากี้
ส่วนผสม น้ำซุปสุกียากี้
- ปลาโอแห้ง (ปลาคัตสึโอะ Katsuo Bushi)
- สาหร่ายคอมบุ (หรือเห็ดหอมแห้ง)
- เหล้าสาเก
- เหล้ามิริน
- น้ำตาลทรายแดงป่น
- ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น (คิคโคแมน)
- น้ำเปล่า
วิธีทำน้ำซุปสุกียากี้
2. ใส่เนื้อปลาโอแห้งลงไป ต้มต่อ 2 นาทีจนเริ่มเดือดแล้วตักเนื้อปลาออก
3. ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่นและน้ำตาลทรายแดงป่น คนให้เข้ากัน จากนั้นเติมเหล้าสาเกและมิรินลงไปคนให้เข้ากันอีกครั้ง ชิมรสให้ออกหวานและเค็มตามชอบ เตรียมไว้
น้ำซุปสาหร่ายคอมบุ
ส่วนผสม น้ำซุปสาหร่ายคอมบุ
- สาหร่ายคอมบุ ขนาดประมาณ 3x3 นิ้ว 4 แผ่น
- น้ำเปล่า
วิธีทำน้ำซุปสาหร่ายคอมบุ
2. เปิดเตาต้มน้ำซุปประมาณ 10 นาที พอน้ำเริ่มเดือดก็เอาสาหร่ายคอมบุออก เตรียมไว้
ซอสงา
ส่วนผสม ซอสงา
- สาเก 3 ช้อนโต๊ะ
- งาขาวบด 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสพอนสึ 1 ช้อนโต๊ะ
- มิโสะ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันงา 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- มิริน 1 ช้อนชา
- น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว 1 ช้อนชา
- กระเทียมสับ
วิธีทำซอสงา
- นำส่วนผสมทุกอย่างมาผสมเข้าด้วยกัน ตักใส่ถ้วย เตรียมไว้
น้ำจิ้มพอนสึ
ส่วนผสม น้ำจิ้มพอนสึ
- ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุปดาชิ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว 1/2 ช้อนโต๊ะ
- เหล้ามิริน 1 ช้อนชา
วิธีทำน้ำจิ้มพอนสึ
- นำส่วนผสมทุกอย่างมาผสมเข้าด้วยกัน ตักใส่ถ้วย เตรียมไว้
ชาบูหม้อไฟ
ส่วนผสม ชาบูหม้อไฟ
- ผักกาดขาว (หั่นเป็นท่อน ๆ)
- ผักปวยเล้ง (เด็ดเป็นใบ)
- ขึ้นฉ่าย (หั่นเป็นท่อน)
- เห็ดเข็มทอง (หั่นเป็นท่อน)
- เห็ดหอมสด (เอาก้านกลางออก) 8-10 ดอก
- แครอท (หั่นแว่น)
- ข้าวโพดดิบ (หั่นท่อน)
- เห็ดชิเมจิ (หั่นเป็นท่อน)
- เต้าหู้ (หั่นเต๋า)
- ต้นหอมญี่ปุ่น (หั่นเป็นท่อน)
- เนื้อสัตว์สไลซ์ (เลือกตามชอบ) เช่น เนื้อวัว,เนื้อหมู
- เส้นอุด้ง หรือเส้นบุก
- ไข่ไก่
- หมูบด หรือไก่บด
- น้ำจิ้มงาบด
- น้ำจิ้มพอนสึ
- ต้นหอมซอย (ใส่น้ำจิ้ม)
- ไช้เท้าขูด (ใส่น้ำจิ้ม)
- พริกสับ (ปรุงรสน้ำจิ้ม)
- กระเทียมสับ (ปรุงรสน้ำจิ้ม)
4. กุ้งย่าง กุ้งเผา น้ำจิ้มซีฟู้ด
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กุ้งก้ามกราม
- กรรไกร
วิธีทำกุ้งย่าง กุ้งเผา
- ล้างกุ้งก้ามกรามให้สะอาด ตัดหนวดออก ใช้กรรไกรตัดเปลือกกุ้ง เริ่มจากตัวกุ้ง โดยจับหัวกุ้งหันเข้าหาตัว ใช้กรรไกรตัดเลาะเฉพาะเปลือกกุ้งตั้งแต่บริเวณกลางลำตัวเลาะเป็นแนวตรงไปจนถึงส่วนหางของกุ้ง
- พอมาถึงส่วนหัวให้หันส่วนหางกุ้งเข้าหาตัวจากนั้นใช้กรรไกรตัดเลาะเปลือกส่วนหัวของกุ้งบริเวณกึ่งกลาง ตัดเลาะยาวเป็นแนวตรงไปจนสุดหัวของกุ้ง ใช้มีดคม ๆ ผ่าเนื้อกุ้งตามแนวกรรไกรที่เราตัดเปลือกกุ้งเอาไว้ แล้วดึงเส้นดำกลางลำตัวออก
- ในส่วนหัวกุ้ง เมื่อใช้กรรไกรตัดเปลือกแล้ว ให้แงะดูจะเห็นเยื้อหุ้มมันกุ้งและขี้กุ้ง ให้ใช้กรรไกรตัดเยื่อหุ้มนั้นออก เพื่อให้เห็นขี้กุ้งชัดเจน และดึงส่วนขี้กุ้งออก (ลักษณะขี้กุ้ง จะเป็นถุงดำ ๆ หรือน้ำตาลเข้ม จับดูจะสาก ๆ) ให้ดึงออกมาทิ้ง ในกรณีที่ดึงขี้กุ้งออกมาแล้ว เกิดถุงแตก ไม่ต้องตกใจ ให้เอาขี้กุ้งส่วนใหญ่ทิ้งไปก่อน จากนั้นที่เหลือติดกับมันกุ้ง ให้นำไปเปิดน้ำไหลผ่านส่วนนั้นเบา ๆ ให้ขี้กุ้งหลุดออกไป โดยมันกุ้งจะไม่เสียหายเลยค่ะ
ส่วนผสม น้ำจิ้มซีฟู้ด
- น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1/3 ถ้วย
- กระเทียมสับ 1/3 ถ้วย
- รากผักชีสับ 1/4 ถ้วย
- พริกขี้หนูเขียวแดง 3 ช้อนโต๊ะ (หรือตามชอบ)
- โหระพาซอย 1/4 ถ้วย
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำจิ้มซีฟู้ด
1. ทำน้ำเชื่อมโดยนำน้ำและน้ำตาลทราย ตั้งไฟคนให้ละลายจนเหนียวนิด ๆ
2. นำกระเทียม รากผักชี พริกขี้หนู โหระพา และน้ำเชื่อม ใส่เครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียด ตักใส่ถ้วย เติมน้ำปลาและน้ำมะนาว
5. กุ้งถัง
ส่วนผสม กุ้งถัง
- กุ้งแชบ๊วย
- หอยตลับ
- หอยเชลล์
- ปลาหมึก
- ข้าวโพด
- เห็ด
ส่วนผสม เครื่องปรุงกุ้งถัง
- กระเทียบตำหยาบ ๆ
- น้ำพริกเผา
- พริกปาปริก้า
- ออริกาโน่
- ใบไทม์
- น้ำตาลทราย
- เกลือ
- ซอสปรุงรส หรือน้ำมันหอย (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
- นมข้นจืด หรือกะทิ
- เนยเค็ม หรือเนยจืด
วิธีทำกุ้งถัง
1. ผัดซอสสำหรับคลุกโดยใส่น้ำมันลงในกระทะ นำกระเทียมลงไปเจียว ใส่น้ำพริกเผาลงไปผัดให้หอม (ระวังน้ำพริกเผาบางเจ้ามีรสหวานมาก อาจต้องลดน้ำตาล)
2. เทเครื่องปรุง ได้แก่ ปาปริก้า ออริกาโน่ ไทม์ น้ำตาลทราย และเกลือลงไป ขั้นตอนนี้ใครจะใส่ซอสปรุงรส หรือน้ำมันหอยไม่ว่ากัน ได้รสไทย ๆ ไปอีกแบบ ผัดให้เข้ากันจนเดือดปุด ๆ เพิ่มความนัวด้วยการใส่นมข้นจืด หรือกะทิ ผัดให้เดือดพล่าน เคี่ยวจนน้ำซอสงวดเคลือบติดตะหลิว เวลายกแล้วหยดติ๋ง ๆ
3. ขั้นตอนสำคัญของความเข้มข้นนี้คือ ปิดไฟ (ถ้าเดือดพล่านเนยจะละลายจนใส) ใส่เนย (อุณหภูมิห้อง)
4. ลวกเนื้อสัตว์ ลวกปลาหมึกก่อนเพราะกลิ่นไม่แรงมาก ลวกน้ำเดือด ๆ แค่พอสะดุ้ง ลวกกุ้งก็เหมือนกันอย่าลวกนาน เอาให้เด้ง ๆ ของทะเลอย่าให้ผ่านความร้อนมากไปจะหมดอร่อย หอยเชลล์กับหอยตลับลวกเป็นอย่างสุดท้ายเลยเพราะกลิ่นแรงและคาวสุด ตักขึ้นมาพักไว้ สะเด็ดน้ำออกให้หมด
5. มาต่อด้วยการลวกข้าวโพดกับลวกเห็ด ข้าวโพดนี้ถ้าได้มาใหม่ ๆ ต้องรีบกินรีบลวกเลย ประมาณว่าเช้าเก็บจากต้น เย็นก็มาลวกเลย มันจะหวาน กรอบ อร่อยมาก ๆ เห็ดก็ลวกเร็ว ๆ พอสุก ตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำ เทใส่กะละมัง ราดซอสลงไป คลุกให้นัว (แทนการเขย่าในถุง) ถ้านัวไม่พอใส่เนยลงไปเพิ่ม (ความร้อนของอาหารจะละลายเนยช้า ๆ จนนัวเป็นซอสข้น ๆ) ตักใส่ชาม
6. ทะเลถุง
ส่วนผสม ทะเลถุง
- กุ้งสด
- ปูม้า
- หอยตลับ
- ปลาหมึก (หั่นแว่น)
- ข้าวโพดดิบ (ล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นท่อนตามขนาดที่ต้องการ)
- น้ำสำหรับต้ม
- เกลือป่น 2 ช้อนชา
- เนยจืด
- มันกุ้งเสวย
- กระเทียมสับ
- น้ำพริกเผา
วิธีทำกุ้งถัง ทะเลถุง
1. ต้มน้ำให้เดือด ใส่เกลือป่น 1 ช้อนชา นำข้าวโพดที่เตรียมไว้ลงไปต้ม พอต้มสุกแล้วนำข้าวโพดไปคลุกกับเนยโรยเกลือป่นที่เหลือ 1 ช้อนชา
2. น้ำยังเดือดอยู่ให้นำของทะเลลงไปลวกให้สุก เริ่มต้นด้วยปลาหมึกสุกยากใส่ลงไปก่อน ตามด้วยปู กุ้ง และหอย
3. ระหว่างรออาหารทะเลสุก คั่นเวลาด้วยการนำส่วนผสมเครื่องปรุงทั้งหมด ได้แก่ มันกุ้งเสวย กระเทียมสับ และน้ำพริกเผามาผสมรวมกันในภาชนะที่ผสมข้าวโพด โดยเอาข้าวโพดออกไปก่อน เหลือเนยที่ยังไม่ละลายทิ้งไว้ จัดการคนให้เข้ากัน นำอาหารทะเลที่ลวกแล้วไปสะเด็ดน้ำ เอาอาหารทะเลลงไปคลุกกับซอสในภาชนะ แล้วชิมดูว่ามีรสชาติตามที่ต้องการหรือเปล่า ถ้าจะเพิ่มใบโหระพาก็น่าลอง
4. ใส่ข้าวโพดที่คลุกเนยตอนแรกลงไป เททุกอย่างใส่ในถุง แล้วเขย่าคลุก ๆพักทิ้งไว้สักครู่ให้น้ำซอสซึมเข้าไปในเนื้ออาหารทะเล เพื่ออนามัยที่ดีก็ไปล้างมือแล้วจกได้เลย
7. คอหมูย่างหม่าล่า
เมนูคอหมูย่างน้ำตกคงต้องชิดซ้ายให้กับเมนูคอหมูย่างหม่าล่าแล้ว เพราะด้วยพริกหม่าล่ากลิ่นหอมเฉพาะตัว หลังเอาไปหมักก็ทำสุกด้วยวิธีทำอบแสนง่าย หัวไม่เหม็น ไร้ควัน ใครเห็นก็อยากลองทำ
ส่วนผสม คอหมูย่างผงหม่าล่า
- คอหมู
- เครื่องปรุงสำหรับหมักตามชอบ
- ผงหม่าล่า
วิธีทำคอหมูย่างผงหม่าล่า
1. หมักคอหมูย่างรสชาติตามชอบใส่ตู้เย็นไว้ 2 ชั่วโมง
2. ย่างคอหมูด้วยหม้ออบลมร้อน ประมาณ 20-25 นาที (หม้อที่ใช้เป็น หม้ออบกลมแบบลมร้อนฮาโลเจน)
3. โรยผงหม่าล่าใส่คอหมูย่างที่ย่างสุกแล้ว
8. ปลาเผา
ส่วนผสม ปลาเผา
- ปลาช่อน 1 ตัว
- ข่าหั่นแว่น 3 แว่น
- ตะไคร้ทุบ 4 ต้น
- ใบมะกรูด 5 ใบ
- เกลือป่นหยาบ 200 กรัม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม น้ำพริกแจ่ว
- พริกขี้หนูแดง 15 เม็ด
- หอมแดง 7 หัว
- มะเขือเทศสีดา 5 ลูก
- กระเทียมกลีบใหญ่ 6 กลีบ
- น้ำปลาร้าต้มสุก 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา
ส่วนผสม เครื่องเคียง
- ไข่ไก่ต้ม 3 ฟอง
- ผักกาดขาวต้มสุก 1 หัว
- กะหล่ำปลีต้มสุก 1/2 หัว
- แครอทต้มสุก 1/2 หัว
- ถั่วฝักยาวลวกสุก 12 ฝัก
วิธีทำน้ำพริกแจ่ว
2. นำเครื่องที่คั่วไว้ไปปั่นกับน้ำปลาร้าต้มสุก น้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และเกลือป่นลงไป ปั่นให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย
วิธีทำปลาช่อนย่างเกลือ
1. ผ่าท้องปลาช่อน ควักไส้ออก ใส่ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด เข้าไปในท้องปลา
2. ผสมเกลือป่นกับแป้งสาลีให้เข้ากันแล้วไปพอกตัวปลา พักไว้ 15-20 นาที เพื่อให้เกลือและแป้งติดบนตัวปลา
3. นำปลาช่อนไปย่างบนเตาถ่านให้สุกทีละด้าน (ห้ามกลับไปกลับมาเพราะเกลือจะหลุด) ย่างประมาณ 25-30 นาที หรือจนสุกทั้ง 2 ด้าน จัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง และน้ำพริกแจ่ว
9. กุ้งอบวุ้นเส้น
ส่วนผสม กุ้งอบวุ้นเส้น
- วุ้นเส้น
- ขิง
- รากผักชี
- พริกไทยดำเม็ด
- ซีอิ๊วดำ
- ซีอิ๊วขาว
- ซีอิ๊วญี่ปุ่น
- ผงปรุงรส
- น้ำตาลทราย
- นมสด
- น้ำมันพืช
- กุ้งสด
- ผักชี
วิธีทำกุ้งอบวุ้นเส้น
1. เอาวุ้นเส้นไปแช่น้ำสัก 3-5 นาที และฝานขิง เตรียมรากผักชีกับพริกไทยเม็ด หรือจะใช้ตำหยาบก็ได้ ใส่ลงไปในกระทะคั่ว บางคนใช้มันหมูแข็งหรือเบคอนรองพื้นกระทะกันไหม้
2. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วดำ ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วญี่ปุ่น ผงปรุงรส น้ำตาลทราย และนมสด เหยาะน้ำมันพืชสักช้อน แตะนิ้วลองชิมดูให้ออกเข้มสักหน่อย ใส่วุ้นเส้นแช่ลงไปแล้วทิ้งไว้สักพัก
3. กระทะรองพื้นด้วยขิงกับรากผักชี เปิดไฟให้กระทะร้อน วางกุ้งลงไป ตามด้วยวุ้นเส้น ปิดฝา ใช้ไฟอ่อนปานกลาง ประมาณ 7 นาที เปิดฝาดู ใช้ส้อมเกลี่ยพลิกวุ้นเส้นให้สุกทั่ว ถ้ามีน้ำปรุงเหลือให้ราดลงไปบนวุ้นเส้น โปะผักชี เร่งไฟให้น้ำแห้ง กลิ่นรากผักชีและขิงโชยพร้อมกลิ่นก้นกระทะตักใส่จาน
10. หอยเชลล์ย่าง
ส่วนผสม หอยเชลล์ย่าง
- หอยเชลล์สด 1 กิโลกรัม
- แครอท
- ต้นหอม
- น้ำมันหอย
- เนยสด
วิธีทำหอยเชลล์ย่าง
1. แกะเนื้อหอยเชลล์สดออกจากฝา (เก็บฝาหอยเอาไว้ด้วย) ล้างทำความสะอาดเนื้อหอยเชลล์ให้สะอาด ตัดส่วนที่ดำ ๆ ทิ้งไป และเอาไปลวกในน้ำร้อนให้พอสุก ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ พักไว้
2. ล้างฝาหอยเชลล์ให้สะอาดแล้วพักไว้ให้แห้ง
3. หั่นแครอทเป็นชิ้นเล็ก ๆ และซอยต้นหอม เตรียมไว้
4. ใส่น้ำมันหอยลงไปในเนื้อหอยเชลล์ลวก (ปริมาณมากน้อยตามชอบ) ตามด้วยแครอทและต้นหอมซอย คลุกเคล้าผสมให้เข้ากัน
5. จุดไฟในเตาถ่านให้ไฟร้อน จากนั้นตักเนยทาลงไปบนฝาหอยแล้วนำฝาไปวางบนตะแกรง พอเนยละลายแล้วตักหอยเชลล์ที่ปรุงรสใส่ลงไปบนฝาหอย โรยหน้าด้วยผักเยอะ ๆ รอจนผักสุก พร้อมเสิร์ฟ
11. หอยแมลงภู่อบใบโหระพา
ส่วนผสม หอยแมลงภู่อบใบโหระพา
- หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ (หรือหอยแมลงภู่ไทย)
- ตะไคร้ทุบ
- ใบโหระพา
- น้ำเปล่า
วิธีทำหอยแมลงภู่อบใบโหระพา
2. ปิดท้ายด้วยใส่โหระพาลงไปทั้งก้าน ใส่น้ำลงไปเล็กน้อย
3. ปิดฝาหม้อแล้วนำไปตั้งไฟ อบไว้ประมาณ 5 นาที หรือจนหอยสุก
4. จัดใส่จานกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด
ส่วนผสม น้ำจิ้มซีฟู้ด
- พริกขี้หนูสวน
- กระเทียม
- รากผักชี
- น้ำตาลปี๊บ
- เกลือ
- น้ำมะนาว
- น้ำต้มสุก
วิธีทำน้ำจิ้มซีฟู้ด
1. โขลกพริกขี้หนูสวน กระเทียม รากผักชี น้ำตาลปี๊บ และเกลือ ให้ละเอียด
2. ใส่น้ำมะนาวและน้ำต้มเล็กน้อย คนให้เข้ากัน
12. หอยทอด
ส่วนผสม หอยทอด
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย
- แป้งข้าวโพด 1/2 ถ้วย
- แป้งทอดกรอบ 1/2 ถ้วย
- น้ำเย็นจัด 1+1/2 ถ้วย (ปริมาณมากน้อยขึ้นอยู่กับชนิดของแป้งที่นำมาผสม)
- หอยแมลงภู่ดิบ
- ไข่ไก่
- ถั่วงอกดิบ
- ต้นหอม
- ผักชี
- พริกไทยป่น
- น้ำจิ้มหอยทอด (ซอสพริกศรีราชาผสมน้ำจิ้มไก่)
วิธีทำหอยทอด
1. ซอยต้นหอม หั่นผักชี ล้างถั่วงอกให้สะอาด เตรียมไว้
2. ทำแป้งหอยทอด โดยผสมแป้งข้าวโพด แป้งทอดกรอบ แป้งสาลีอเนกประสงค์ และน้ำเย็นจัด คนให้เข้ากัน หมั่นคนแป้งเรื่อย ๆ ไม่ให้นองก้น
3. เทน้ำมันลงกระทะพอประมาณ ตั้งไฟรอ ระหว่างนั้น ตักแป้งแบ่งมาทีละน้อยใส่หอยแมลงภู่ และต้นหอม คนผสมให้เข้ากัน
4. เตรียมตะหลิวไว้สองอัน ใช้ตัดแบ่งและช่วยพลิกกลับด้าน รอให้น้ำมันร้อน จากนั้นเทส่วนผสมลงกระทะ กระจายให้ทั่ว ๆ ตอกไข่ไก่ใส่ตามไปติด ๆ ยีให้กระจายทั่วทั้งแผ่น
5. ทอดจนเริ่มเซตตัว และเริ่มกรอบ พอใกล้จะไหม้ให้พลิกด้าน (ทำหลาย ๆ แผ่นเข้าจะเริ่มโปร สามารถกำหนดระดับ ความหนา-บาง กรอบมาก-กรอบน้อยได้) เสร็จแล้วตักขึ้นมาพัก ซับน้ำมันหน่อย
6. ใส่ถั่วงอกดิบมาผัดกับน้ำมันที่เหลือติดกระทะ อย่าให้นานจนเกินไป (จะได้กรอบนิด ๆ)
7. ทำน้ำจิ้มหอยทอด โดยผสมซอสพริกศรีราชากับน้ำจิ้มไก่ ชิมรสตามชอบ ตักหอยทอดวางบนถั่วงอกผัด โรยพริกไทยป่น ตามด้วยต้นหอม และผักชี แต่งด้วยถั่วงอกดิบ
13. หมูลวกจิ้ม
ส่วนผสม หมูลวกจิ้ม
- เนื้อหมู 300 กรัม
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนชา
- แป้งข้าวโพด 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช (สำหรับหมักหมู)
- พริกไทยป่นเล็กน้อย (สำหรับหมักหมู)
- ลูกชิ้นหมู
- หมูยอ
- ผักบุ้ง (หั่นเป็นท่อนสั้น ๆ)
- ถั่วงอก
- กระเทียมเจียวกรอบ
ส่วนผสม น้ำจิ้ม
- พริกขี้หนูสวน
- กระเทียม
- รากผักชี
- น้ำตาลปี๊บ
- เกลือ
- ถั่วตัด
- น้ำมะนาว
- น้ำต้มสุก
วิธีทำหมูลวกจิ้ม
2. นำหมูไปลวกพอสุก ตามด้วยลูกชิ้น ผักบุ้ง และถั่วงอก สะเด็ดน้ำ
3. จัดใส่จาน โรยกระเทียมเจียว เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มตามชอบ
วิธีทำน้ำจิ้ม
1. นำพริกขี้หนูสวน กระเทียม รากผักชี น้ำตาลปี๊บ และเกลือโขลกให้ละเอียด
2. ใส่ถั่วตัด โขลกพอแหลก ตามด้วยน้ำมะนาว และน้ำต้มสุกเล็กน้อย คนให้เข้ากัน
14. ขนมครก
ส่วนผสม แป้งขนมครก
- แป้งข้าวเจ้า 1+1/4 ถ้วย
- ข้าวสุก 1/3 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/8 ถ้วย
- เกลือสมุทร 1 ช้อนชา
- น้ำปูนใส 1/4 ถ้วย
- หัวกะทิ 1 ถ้วย
- หางกะทิ 1/2 ถ้วย
ส่วนผสม หน้ากะทิ
- หัวกะทิ 3/4 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/8 ถ้วย
- เกลือสมุทร 1/4 ช้อนชา
- แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม หน้าขนมครก
- ต้นหอมซอย
- เผือกหั่นเต๋าเล็ก ๆ
- เม็ดข้าวโพด
- น้ำมันพืช (สำหรับทาหลุมขนมครก)
วิธีทำแป้งขนมครก
- นำส่วนผสมตัวแป้ง (แป้งข้าวเจ้า ข้าวสุก น้ำตาลทราย เกลือสมุทร น้ำปูนใส หัวกะทิ และหางกะทิ) ไปปั่นด้วยเครื่องปั่นจนละเอียดเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
- เทส่วนผสมใส่ภาชนะแล้ววางพักทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที
วิธีทำหน้ากะทิขนมครก
- ผสมหัวกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือสมุทรเข้าด้วยกัน คนผสมจนน้ำตาลทรายละลาย
- ค่อย ๆ ใส่แป้งข้าวเจ้าลงไป คนผสมให้ละลายเข้ากันดี เตรียมไว้
วิธีทำขนมครก
1. นำเบ้าขนมครกขึ้นตั้งไฟให้ร้อน ใช้ไฟกลาง ทาน้ำมันให้ทั่วหลุมแล้วตักแป้งหยอดแลงไปลงไปประมาณ 3/4 ของหลุม
2. พอแป้งเริ่มเซตตัว ตักส่วนผสมหน้ากะทิหยอดทับลงไปให้เต็ม ปิดฝาขนมครกแล้วรอให้แป้งเริ่มสุก
3. พอขนมเริ่มสุก เปิดฝาโรยหน้าด้วยเผือก ข้าวโพด และต้นหอมซอย (สูตรนี้ใช้วิธีโรยรวม ๆ กัน 3 in 1 ในเบ้าเดียวกัน)
4. เมื่อขนมสุกใช้ช้อนแคะขนมออกจากเบ้า จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ (ในสูตรนำเบ้าขนมครกไปบ่มน้ำมันล่วงหน้า 2 วันแล้ว ขนมก็ยังติดเบ้าแคะยากมาก)
15. ขนมครกใบเตย
ส่วนผสม ขนมครกใบเตย ขนมครกสิงคโปร์ (สำหรับ 18-20 ชิ้น)
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ
- แป้งมัน 1/4 ถ้วย
- ผงฟู 1ช้อนชา
- เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/3 ถ้วย
- กะทิ 1/4 ถ้วย
- น้ำมันพืช สำหรับทาพิมพ์
อุปกรณ์
- เตาขนมครกสิงคโปร์ (หรือใช้พิมพ์รูปอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปดอกไม้)
- ผ้าสำหรับชุบน้ำมันทาเตา
วิธีทำขนมครกใบเตย ขนมครกสิงคโปร์
1. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ แป้งมัน และผงฟูเข้าด้วยกัน ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนผสมเข้าด้วยกัน
2. ใส่ไข่ไก่ลงไปตีผสมให้เข้ากัน
3. เทกะทิลงไปตีผสมให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำใบเตย คนผสมให้เข้ากันอีกครั้งจนเป็นเนื้อเนียนละเอียด พักแป้งไว้ 10 นาที
4. นำเตาขนมครกวางบนเตาแก๊ส ใช้ไฟอ่อนที่สุด แล้วใช้ผ้าชุบน้ำมันทาเตาบาง ๆ จากนั้นตักแป้งหยอดลงในเตาไม่ต้องเต็ม (เพราะเดี๋ยวขนมจะฟูขึ้นมาเอง) ปิดฝา (เพื่อให้ขนมสุกเร็วขึ้น)
5. เมื่อขนมสุกแล้วใช้ไม้ปลายแหลมหรือไม้จิ้มฟันแซะขึ้นมาจากพิมพ์ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
16. ลูกชุบ
ส่วนผสม ลูกชุบ
- ผงวุ้น 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำ 500 กรัม
- น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
- สีผสมอาหารสีเหลือง สีแดง สีเขียว สีส้ม และสีม่วง (ใช้สีแดง 10 หยด+สีน้ำเงิน 2 หยด)
หมายเหตุ : สัดส่วนการผสมสีใช้น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ ต่อสี 10-15 หยด
ส่วนผสม ถั่วกวน
- ถั่วเขียวเราะเปลือก 500 กรัม
- น้ำตาลทราย 450 กรัม
- น้ำมันพืช หรือกะทิ 1 ถ้วยตวง
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำลูกชุบ
1. ล้างถั่วเขียวเราะเปลือกให้สะอาด ล้างหลาย ๆ รอบจนน้ำใส หลังจากนั้นแช่น้ำทิ้งไว้อย่างต่ำ 5 ชั่วโมง หรือใครจะเอาไปแช่ตู้เย็นเลยก็ได้ค่ะ บ้านเราอากาศค่อนข้างร้อน ถั่วอาจจะเสียง่าย หลังจากนั้นนำถั่วมาล้างอีกสักรอบแล้วนำไปนึ่ง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที พอนึ่งเสร็จแล้วก็พักให้เย็น
2. นำถั่วที่เย็นแล้วมาปั่นกับน้ำพอประมาณ แต่อย่าน้อยเกินไปนะคะ เดี๋ยวถั่วหนืดไปเครื่องปั่นจะทำงานหนักและไหม้ พอปั่นเสร็จหมดแล้วก็เทใส่หม้อทองเหลืองหรือกระทะเทฟลอน ใส่น้ำตาลทราย น้ำมันพืชหรือกะทิ และเกลือ คนให้พอเข้ากันแล้วนำไปตั้งไฟค่ะ กวนด้วยไฟอ่อนจนถั่วร่อนไม่ติดกระทะ พอกวนเสร็จก็พักไว้ใช้ผ้าคลุมไว้เพื่อไม่ให้ถั่วแห้ง
3. พอถั่วเย็นแล้วก็เอามาใส่ถุงแล้วนวดอีกครั้งเพื่อให้ถั่วเนียนและสีใสไม่ขุ่น ปั้นเป็นผลไม้หรือสัตว์ต่าง ๆ ตามชอบเลย
4. นำถั่วกวนไปจุ่มสี และทาสี แล้วพักให้สีแห้งสนิท
5. ผสมน้ำกับผงวุ้นพักไว้ 10 นาที พอครบเวลาก็นำมาต้มจนเดือด และผงวุ้นละลายหมด เติมน้ำตาลทรายลงไปต้มจนน้ำตาลทรายละลาย ปิดเตา พักพออุ่นหน่อยก่อนนำลูกชุบไปชุบ ไม่เช่นนั้นสีอาจจะหลุดเลอะเทอะ
6. พอน้ำวุ้นอุ่นลงบ้างแล้วก็นำลูกชุบไปชุบ ชุบเสร็จก็พักไว้ให้เซตตัวแล้วนำมาชุบซ้ำ 3-4 ครั้ง แล้วแต่ชอบความหนาบางของวุ้นเลย แต่ถ้าวุ้นในชามเริ่มแข็งก็นำไปอุ่นได้ ชุบเสร็จหมดแล้วก็พักจนเซตตัว ตกแต่งโดยการใส่ใบแก้ว หรือใบมะยม