x close

14 เมนูบลูเบอร์รี ทั้งขนมและเครื่องดื่มทำง่ายอร่อยปัง

           ถ้าชอบลองทำดูกับเมนูบลูเบอร์รี สูตรขนมอบและไม่อบ มาพร้อมไอศกรีมและเครื่องดื่ม วันหยุดนี้จัดไป !
          ถ้ากินบลูเบอร์รี ผลไม้เปล่า ๆ อาจเปรี้ยวไปหน่อย ลองจับมาทำขนม หรือทำเค้กวันเกิด กันบ้างดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำเมนูบลูเบอร์รี เช่น บลูเบอร์รีชีสพาย บลูเบอร์รีชีสเค้ก เค้กบลูเบอร์รี นมบลูเบอร์รี เป็นต้น ก่อนเข้าครัวเรามาดูประโยชน์ของบลูเบอร์รีกันหน่อยดีกว่าจ้า
ประโยชน์ของบลูเบอร์รี
  • อุดมไปด้วยวิตามินซี ป้องกันโรคหวัด ลดการเป็นโรคเลือดออกตามไรฟัน 

  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดริ้วรอยและขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไป ทำให้ผิวสดใสกว่าเดิม

  • ช่วยลดความดันโลหิตและลดการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง มีสารไนตริกออกไซด์ช่วยขยายหลอดเลือดหรือเส้นเลือดจนทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น

  • มีไฟเบอร์สูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ป้องกันอาการท้องผูก และลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้

  • ช่วยบำรุงสมอง ทำให้เซลล์สมองสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ 

  • ช่วยบำรุงสายตา ทำให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด ช่วยป้องกันโรคต้อกระจก ต้อหิน ต้อลม ช่วยลดความดันในลูกตา และลดความเจ็บปวดจากการบวมในลูกตา 

จบไปแล้วสำหรับประโยชน์ของบลูเบอร์รี เอาล่ะ… คราวนี้เปิดครัวพร้อมทำเมนูบลูเบอร์รีกันเลยค่ะ

1. เค้กกล้วยหอมบลูเบอร์รี

เค้กกล้วยหอมบลูเบอร์รี

ภาพจาก คุณ Panda-chan สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          เริ่มกันที่เมนูบลูเบอร์รีที่คุ้นเคย อย่างเค้กกล้วยหอมบลูเบอร์รี สูตรจาก คุณ Panda-chan สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ตัวเค้กใส่กล้วยหอมบดกับบลูเบอร์รี หยอดใส่พิมพ์มัฟฟินน่ารัก

ส่วนผสม เค้กกล้วยหอมบลูเบอร์รี

  • กล้วยหอมสุก 200 กรัม
  • โยเกิร์ต 40 กรัม
  • นม 60 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • น้ำมันพืช 120 กรัม
  • ไข่ 2 ฟอง (ใช้เบอร์ 1 หรือ 0)
  • เนยจืดละลาย 30 กรัม
  • แป้งบัวแดง 180 กรัม
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา 3/4 ช้อนชา
  • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 150 กรัม (ถ้าบลูเบอร์รีไม่เปรี้ยวมากสามารถลดน้ำตาลได้อีกประมาณ 10-20 กรัม)
  • บลูเบอร์รี 180 กรัม

วิธีทำเค้กกล้วยหอมบลูเบอร์รี

     1. บดกล้วยสุกให้ละเอียด ใส่โยเกิร์ต นม กลิ่นวานิลลา น้ำมัน ไข่ และเนยละลาย จากนั้นผสมให้เข้ากัน พักไว้

     2. ร่อนแป้ง เกลือ เบกกิ้งโซดา และผงฟู ลงในอ่างผสม ใส่น้ำตาลทราย ผสมให้เข้ากัน

     3. ล้างบลูเบอร์รีให้สะอาดและซับน้ำให้แห้ง จากนั้นนำส่วนผสมแห้งสัก 1-2 ช้อนโต๊ะ มาคลุกให้เคลือบผิวบลูเบอร์รี เพื่อไม่ให้บลูเบอร์รีจมใต้ก้นถ้วยเวลาอบ

     4. เทส่วนผสมเปียกลงในชามที่มีส่วนผสมแห้ง คนผสมให้เข้ากันจนไม่เห็นแป้งขาว ๆ อย่าคนเพลินเดี๋ยวเนื้อเค้กกล้วยหอมจะไม่อร่อย จากนั้นให้เทบลูเบอร์รีลงไป คนนิดหน่อยให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที เพื่อให้ผงฟูทำงาน ถ้าใครอยากจะเอาไปอบเลยก็ได้ แต่ถ้าชอบเค้กหน้าแตกแบบฟู ๆ ควรพักแป้ง

     5. เทใส่แม่พิมพ์ให้เรียบร้อย นำไปอบในเตาอบที่วอร์มแล้วที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส ประมาณ 10 นาที เพื่อให้เค้กฟูหน้าแตก จากนั้นลดอุณหภูมิเหลือ 180 องศาเซลเซียส แล้วอบต่อประมาณ 15 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง ไม่เปิดพัดลม ถ้าไม่ได้ใช้กระดาษไขอบ แนะนำว่าควรรอให้เค้กเย็นสนิทก่อนแล้วค่อยแกะกิน ไม่เช่นนั้นตัวเค้กจะติดกับกระดาษตอนยังร้อน ๆ อยู่
 

ดูวิธีทำ เค้กกล้วยหอมบลูเบอร์รี เพิ่มเติมคลิก

2. มัฟฟินบลูเบอร์รี

มัฟฟินบลูเบอร์รี

ภาพจาก Easy food good health by Andy

           ใครมีเตาอบอยากให้ลองทำมัฟฟินบลูเบอร์รี สูตรจาก Easy food good health by Andy ตัวเค้กทำจากแป้ง น้ำตาล และเนย ท็อปด้วยฟิลลิ่งบลูเบอร์รีกระป๋องสุดง่าย

ส่วนผสม มัฟฟินบลูเบอร์รี

  • เนยจืด 62 กรัม
  • น้ำตาลทราย 70 กรัม (1/3 ถ้วย)
  • ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 1 ฟอง
  • นมจืด 63 กรัม (1/3 ถ้วย)
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • แป้งสาลี ตราว่าว 127 กรัม (1 ถ้วย)
  • บลูเบอร์รีกระป๋อง 118 กรัม (1/2 ถ้วย)

วิธีทำมัฟฟินบลูเบอร์รี

      1. ผสมเนยจืดที่อุณหภูมิห้อง ตามด้วยน้ำตาลทราย คนจนน้ำตาลทรายละลาย 

      2. ใส่ไข่ไก่ลงไป ตามด้วยนมจืด คนให้เข้ากัน 

      3. ร่อนแป้งและผงฟูลงไป ตะล่อมแค่พอเข้ากัน นำบลูเบอร์รีกระป๋องใส่ลงไป คนให้เข้ากัน

      4. ตักใส่พิมพ์ นำเข้าเตาอบที่วอร์มไว้แล้ว อบไฟบน-ล่างที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 30 นาที

      5. นำออกจากเตาอบ ตั้งพักไว้ให้คลายร้อน นำบลูเบอร์รีมาราดด้านบนตามชอบ กรณีแช่ตู้เย็นเก็บไว้ขนมจะแข็งตัว ให้ตั้งไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 10-15 นาที ขนมจะนุ่มเหมือนเดิม สามารถใช้น้ำมันพืชแทนเนยได้ในอัตราส่วนประมาณ 30 มิลลิลิตร เวลาแช่ตู้เย็นจะแข็งตัวน้อยกว่าใช้เนย แต่อาจต้องใช้กลิ่นวานิลลาหรือเนยช่วยให้กลิ่นหอมน่ากินขึ้น
 

ดูวิธีทำ มัฟฟินบลูเบอร์รี เพิ่มเติมคลิก

3. บลูเบอร์รีชีสเค้ก

บลูเบอร์รีชีสเค้ก

ภาพจาก Easy food good health by Andy

          ใครไม่มีเตาอบลองมาทำบลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรจาก Easy food good health by Andy สูตรอบเค้กด้วยกระทะ แต่งหน้าด้วยครีมชีสและบลูเบอร์รีฟิลลิ่ง

ส่วนผสม บลูเบอร์รีชีสเค้ก

  • เนยจืด 30 กรัม
  • น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย หรือ 50 กรัม
  • กลิ่นเนยวานิลลา 1/2 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • นมจืด 1/3 ถ้วย หรือ 70 กรัม
  • แป้งเค้กพัดโบก 1/2 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ หรือ 77 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา

ส่วนผสม ครีมชีส สำหรับแต่งหน้า

  • ครีมชีส 250 กรัม
  • นมข้นหวาน 1/2 ถ้วย
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
  • บลูเบอร์รีฟิลลิ่งตามชอบ

วิธีทำบลูเบอร์รีชีสเค้ก

     1. ทำเค้กโดยละลายเนยในกระทะด้วยไฟอ่อน ยกลงพักไว้ให้คลายร้อน ใช้น้ำมันพืชแทนได้ เติมน้ำตาลทราย คนจนละลาย ตามด้วยกลิ่นเนยวานิลลาหรือกลิ่นอื่น ๆ ตามชอบ 

     2. ตีไข่ไก่ให้แตกก่อนนำลงไปผสม คนอย่างเร็ว ตามด้วยนมจืด คนให้เข้ากัน ร่อนแป้งกับผงฟูลงไป ตะล่อมและคนจนแป้งละลาย ปาดขอบกระทะ ใช้ตะเกียบคนไล่ฟองอากาศ

     3. นำไปตั้งไฟใช้ไฟอ่อนประมาณ 10 นาที เช็กความสุกด้วย

     4. ทำครีมชีส โดยตีครีมชีสกับนมข้นหวานจนเนียน บีบมะนาวลงไป ตักราดบนตัวเค้ก นำเข้าตู้เย็นจนเซตตัว ประมาณ 1 ชั่วโมง นำออกจากตู้เย็น ตักบลูเบอร์รีฟิลลิ่งราดทับ แช่เย็นเก็บไว้กิน
 

ดูวิธีทำ บลูเบอร์รีชีสเค้ก เพิ่มเติมคลิก

4. เยลลี่บลูเบอร์รี

เยลลี่บลูเบอร์รี

ภาพจาก คุณ Little Pastry Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

            เตรียมทำเป็นขนมคลายร้อนกันเลยสำหรับเยลลี่บลูเบอร์รี สูตรจาก คุณ Little Pastry Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ใส่เจลาตินกับน้ำผึ้ง เติมบลูเบอร์รีลงไปตามชอบ

ส่วนผสม เยลลี่บลูเบอร์รี

  • บลูเบอร์รี หรือผลไม้ชนิดอื่น 150 กรัม
  • แผ่นเจลาติน 4 กรัม                          
  • น้ำผึ้ง 40 กรัม                                            
  • น้ำ (ส่วนที่ 1) 50 กรัม                                
  • น้ำ (ส่วนที่ 2) 100 กรัม

วิธีทำเยลลี่บลูเบอร์รี

     1. ล้างบลูเบอร์รีให้สะอาด แล้วเช็ดให้แห้ง

     2. นำแผ่นเจลาตินไปแช่ในน้ำเย็น ประมาณ 5 นาที เตรียมไว้

     3. ใส่น้ำผึ้งและน้ำส่วนที่ 1 ในถ้วย แล้วนำไปเข้าไมโครเวฟ ประมาณ 40 วินาที หรือจนน้ำผึ้งร้อน

     4. บีบน้ำออกจากแผ่นเจลาติน ใส่ลงไปในน้ำผึ้งที่ร้อน คนให้แผ่นเจลาตินละลาย ใส่น้ำผึ้งลงไปในน้ำส่วนที่ 2 คนให้เข้ากัน

     5. ใส่บลูเบอร์รี 1/3 ส่วนลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วเทน้ำเชื่อม (น้ำผึ้ง) ประมาณ 1/3 ส่วนลงไป แล้วนำพิมพ์ไปแช่เย็นประมาณ 30 นาที หรือจนเยลลี่เริ่มเซตตัว

     6. พอครบเวลาใส่บลูเบอร์รีที่เหลือลงในพิมพ์เยลลี่ให้หมด เทน้ำเชื่อมลงไปประมาณ 3/4 ส่วนของน้ำเชื่อมที่เหลือ นำไปแช่เย็นต่ออีกประมาณ 30 นาที

     7. ใส่น้ำเชื่อมที่เหลือให้หมด และนำไปแช่ในตู้เย็นต่ออีกประมาณ 2 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย เมื่อเยลลี่เซตตัวแล้วให้นำพิมพ์เยลลี่มาแช่ในน้ำอุ่นประมาณ 1 นาที เพื่อจะถอดเยลลี่ออกจากพิมพ์ได้ จัดเสิร์ฟ
 

ดูวิธีทำ เยลลี่บลูเบอร์รี เพิ่มเติมคลิก

5. บลูเบอร์รีชีสพายโอรีโอ้

บลูเบอร์รีชีสพายโอรีโอ้

ภาพจาก คุณ sandy_sine สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          เมนูบลูเบอร์รีทำง่าย ๆ เอาไว้เซอร์ไพรส์คนพิเศษ นั่นคือ บลูเบอร์รีชีสพายโอรีโอ้ สูตรจาก คุณ sandy_sine สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ด้านล่างสุดเป็นโอรีโอ้บด ถัดมาเป็นครีมชีส และชั้นบนสุดเป็นบลูเบอร์รี

ส่วนผสม บลูเบอร์รีชีสพายโอรีโอ้

  • โอรีโอ้ 15 ชิ้น
  • เนยเค็มละลาย 2 ช้อนโต๊ะ
  • ครีมชีส 110 กรัม
  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ช้อนโต๊ะ
  • นมข้นหวาน 1 ช้อนโต๊ะ
  • บลูเบอร์รีสำเร็จรูป
  • สตรอว์เบอร์รีสด

วิธีทำบลูเบอร์รีชีสพายโอรีโอ้

     1. ปั่นโอรีโอ้ให้ละเอียด ใส่เนยละลายลงไปผสมรวมกัน ตักใส่ภาชนะที่เตรียมไว้และนำไปแช่เย็น 30 นาที

     2. ทำครีมชีส โดยตีครีมชีสให้เนียนและใส่โยเกิร์ตลงไป ตามด้วยนมข้นหวาน ตีให้เข้ากันจนเนียน ใส่ครีมชีสลงไปต่อจากชั้นของโอรีโอ้ และนำไปแช่เย็นให้เซตตัวอีก 30 นาที

     3. เมื่อเซตตัวแล้วนำมาราดด้วยบลูเบอร์รีสำเร็จรูปและตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รี เป็นอันเสร็จ
 

ดูวิธีทำ บลูเบอร์รีชีสพายโอรีโอ้ เพิ่มเติมคลิก

6. เค้กบลูเบอร์รีงาดำ

เค้กบลูเบอร์รีงาดำ

ภาพจาก ครัวป้ามารายห์

            และแล้วก็เจอวิธีทำเค้กเก๋ ๆ นี่ไงเค้กบลูเบอร์รีงาดำ สูตรจาก ครัวป้ามารายห์ ตัวเค้กใส่งาดำเพิ่มคุณค่า แต่งหน้าด้วยบลูเบอร์รีแน่น ๆ และไอซิ่ง

ส่วนผสม บลูเบอร์รีสำหรับแต่งหน้าเค้ก

(พิมพ์ทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 18 เซนติเมตร)

  • บลูเบอร์รี 150 กรัม
  • น้ำตาลป่น 15 กรัม
  • แป้งเค้ก 5 กรัม

ส่วนผสม แป้งเค้ก

  • เนยสดรสเค็ม 100 กรัม
  • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 90 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • โยเกิร์ต 70 กรัม
  • ผิวมะนาว 1 ลูก
  • แป้งเค้ก 135 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม ไอซิ่งสำหรับแต่งหน้าเค้ก

  • ไอซิ่ง 150 กรัม
  • นม 15 มิลลิลิตร

วิธีทำเค้กบลูเบอร์รีงาดำ

     1. ทำหน้าบลูเบอร์รี โดยผสมน้ำตาลป่น แป้งเค้ก และบลูเบอร์รี คนให้เข้ากัน

     2. ทำแป้งเค้ก โดยตีเนยสด เกลือป่น น้ำตาลทราย (ป้านำไปปั่น) และกลิ่นวานิลลา ตีจนเนยขึ้นฟูเล็กน้อย จากนั้นใส่ไข่ไก่ โยเกิร์ต และผิวมะนาว ลงไปในชามผสม ตีจนเข้ากัน

     3. ร่อนแป้งเค้กกับผงฟูลงไปในส่วนผสมเนย ตะล่อมแป้งหรือตีจนเข้ากัน ใส่งาดำลงไป ตะล่อมจนเข้ากัน เทส่วนผสมแป้งลงไปในพิมพ์

     4. ตักบลูเบอร์รีลงไปตรงกลาง อบด้วยอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เป็นเวลา 35-40 นาที

     5. ทำส่วนผสมสำหรับราดหน้า โดยผสมนมกับน้ำตาลไอซิ่ง คนจนละลายเข้ากัน วาดตกแต่งบนเค้ก
 

ดูวิธีทำ เค้กบลูเบอร์รีงาดำ เพิ่มเติมคลิก

7. บลูเบอร์รีชีสเค้ก

บลูเบอร์รีชีสเค้ก

ภาพจาก คุณ Little Pastry Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

           ถ้าชอบก็ลองทำกันกับเมนูบลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรจาก คุณ Little Pastry Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ตัวเค้กทำจากครีมชีส มาพร้อมฐานกรุบกรอบ แต่งด้วยซอสบลูเบอร์รี

ส่วนผสม ฐานชีสเค้ก

  • เนยจืด 35 กรัม
  • บิสกิตไดเจสทีฟ 70 กรัม

ส่วนผสม ชีสเค้ก

  • แผ่นเจลาติน 6 กรัม
  • ครีมชีส 300 กรัม
  • น้ำตาลทราย 46 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • วิปปิ้งครีม 300 กรัม
  • นม 46 กรัม

ส่วนผสม ซอสบลูเบอร์รีโฮมเมด

  • บลูเบอร์รี 100 กรัม
  • น้ำตาลทราย 45 กรัม
  • น้ำส้ม 85 กรัม
  • แป้งข้าวโพด 10 กรัม
  • น้ำ 20 กรัม
  • น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำบลูเบอร์รีชีสเค้ก

     1. ทำฐานชีสเค้ก โดยนำเนยใส่ในชามทนความร้อนแล้วเอาไปวางลงในหม้อที่มีน้ำร้อน รอให้เนยละลาย

     2. นำบิสกิตมาบดให้ละเอียด เทเนยละลายลงไปผสมให้เข้ากัน

     3. นำตัวบิสกิตเข้าไปกรุในตัวพิมพ์เค้กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 14 เซนติเมตร กดให้แน่น เสร็จแล้วแช่เย็นในตู้เย็น 30 นาที

     4. ทำชีสเค้ก โดยนำแผ่นเจลาตินไปแช่ในน้ำเย็นจัด หรือน้ำผสมน้ำแข็งประมาณ 10 นาที

     5. นำครีมชีส น้ำตาลทราย และวานิลลา ใส่ลงไปในอ่างผสม คนให้เข้ากัน ใส่วิปปิ้งครีมลงไปผสมกับครีมชีส ตีให้ขึ้นยอดอ่อน

     6. เอานมเข้าไมโครเวฟประมาณ 20 วินาที และรีดนํ้าออกจากเจลาติน แล้วนำไปใส่ในนมที่ร้อน ผสมให้เข้ากัน นำเจลาตินที่ละลายแล้วลงไปผสมในครีมชีส คนให้เข้ากัน นำครีมชีสใส่ลงในพิมพ์ที่กรุฐานด้วยบิสกิตที่เตรียมไว้ ปาดให้หน้าชีสเค้กเรียบ แช่ไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 2-4 ชั่วโมง

     7. ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นพันรอบพิมพ์เค้กเพื่อถอดพิมพ์เค้กออกจากชีสเค้ก นำซอสบลูเบอร์รีโฮมเมดมาตกแต่ง จัดเสิร์ฟ

วิธีทำซอสบลูเบอร์รี

     1. นำบลูเบอร์รี น้ำส้ม และน้ำตาลทราย ใส่ลงไปในหม้อแล้วนำไปต้ม โดยใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน เมื่อบลูเบอร์รีที่ต้มไว้เดือด ปิดไฟ

     2. ใส่น้ำลงไปในแป้งข้าวโพดที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากัน เทลงไปในหม้อต้มบลูเบอร์รี คนให้เข้ากันดี แล้วเปิดไฟกลางค่อนไปทางอ่อนต้มซอสบลูเบอร์รีต่อจนเดือดอีกรอบแล้วยกลงจากเตา ใส่น้ำมะนาวที่เตรียมไว้ลงไป คนให้เข้ากัน พักให้เย็น แล้วใส่กล่องเอาไปแช่เย็น
 

ดูวิธีทำ บลูเบอร์รีชีสเค้ก เพิ่มเติมคลิก

8. มัฟฟินบลูเบอร์รี

มัฟฟินบลูเบอร์รี

ภาพจาก คุณ Little Pastry Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

           จะวันเกิดคนพิเศษแล้วขอทำขนมให้หน่อย กับมัฟฟินบลูเบอร์รี สูตรจาก คุณ Little Pastry Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับทุกอย่างผสมให้เข้ากัน หยอดใส่พิมพ์มัฟฟิน หรือพิมพ์เค้กอื่น ๆ ตามชอบเลยจ้า

ส่วนผสม มัฟฟินบลูเบอร์รี (ประมาณ 6 ชิ้น)

  • แป้งอเนกประสงค์ 145 กรัม
  • น้ำตาลทราย 75 กรัม
  • ผงฟู 5 กรัม
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 1 ฟอง
  • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
  • เนยจืดละลาย 25 กรัม
  • นม 110 กรัม
  • บลูเบอร์รี 80 กรัม

วิธีทำมัฟฟินบลูเบอร์รี

      1. นำแป้งอเนกประสงค์ น้ำตาลทราย ผงฟู และเกลือ ใส่ลงในชามผสม คนให้เข้ากัน เตรียมไว้

      2. นำไข่ไก่ กลิ่นวานิลลา นมจืด และเนยละลาย มาผสมกัน ตีให้เข้ากันดี

      3. ใส่ส่วนผสมของเหลว (ส่วนของไข่และนม) ลงในชามผสมแป้ง ตีให้เข้ากัน ใส่บลูเบอร์รีลงไปในชามผสม คนให้พอเข้ากัน

      4. ตักแป้งมัฟฟินลงในพิมพ์มัฟฟินที่รองด้วยกระดาษมัฟฟิน จะได้ 6 ถ้วย

      5. นำไปอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส ประมาณ 20-22 นาที นำออกมาพักไว้ประมาณ 5 นาที จัดเสิร์ฟ
 

ดูวิธีทำ มัฟฟินบลูเบอร์รี เพิ่มเติมคลิก

9. บลูเบอร์รีชีสพาย

บลูเบอร์รีชีสพาย

ภาพจาก คุณแม่นกกะอันนา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

           มาต่ออีกสูตรเค้กหน้าตาดีอย่างเมนูบลูเบอร์รีชีสพาย สูตรจาก คุณแม่นกกะอันนา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ฐานเค้กทำจากบิสกิตและเนยละลาย พร้อมกับครีมชีสหลากสีสัน และราดด้วยซอสบลูเบอร์รี

ส่วนผสม ฐานชีสเค้ก (ส่วนที่ 1)

  • บิสกิตเนยรสหวาน 180 กรัม
  • เนยรสจืด 60 กรัม เข้าไมโครเวฟ 30 วินาที

ส่วนผสม ครีมชีส (ส่วนที่ 2)

  • เจลาติน (1) 4 แผ่น หรือ 6.4 กรัม
  • ครีมชีส (อุณหภูมิห้อง) 200 กรัม
  • มาสคาร์โปนชีส (อุณหภูมิห้อง) 250 กรัม
  • น้ำตาลทราย (1) 60 กรัม
  • วิปปิ้งครีม (1) 90 มิลลิลิตร
  • เกลือเล็กน้อย (ประมาณปลายช้อนชา)
  • น้ำเปล่า (อุณหภูมิห้อง สำหรับแช่เจลาติน)

ส่วนผสม ซอสบลูเบอร์รี (ส่วนที่ 3)

  • บลูเบอร์รีสด 250 กรัม 
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย (2) 60 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • เจลาติน 1 แผ่น หรือ 1.6 กรัม (2)
  • น้ำเปล่า (อุณหภูมิห้อง สำหรับแช่เจลาติน)

ส่วนผสม วิปปิ้งครีม (ส่วนที่ 4)

  • วิปปิ้งครีม (แช่ตู้เย็น) 300 มิลลิลิตร

ส่วนผสม ซอสราดหน้าชีสเค้ก (ส่วนที่ 5)

  • บลูเบอร์รีสด 200 กรัม
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 60 กรัม

 หมายเหตุ : ใครชอบหวานมากหวานน้อย สามารถลดหรือเพิ่มน้ำตาลได้นะคะ

อุปกรณ์

  • ฟอร์มทรงกลมกว้าง 18 เซนติเมตร
  • กระดาษไข ใช้รองก้นฟอร์มและขอบฟอร์ม เพื่อจะได้ง่ายเมื่อต้องนำชีสเค้กออกจากฟอร์ม

วิธีทำบลูเบอร์รีชีสเค้ก

     1. ทำฐานชีสเค้ก โดยนำบิสกิตใส่ถุงทุบให้ละเอียดพอประมาณ เสร็จแล้วผสมกับเนยและเทลงไปในฟอร์ม ใช้อะไรก็ได้กด ๆ ให้ฐานชีสเค้กแน่น ๆ พักไว้ในตู้เย็นก่อนค่ะ

     2. ทำครีมชีส โดยนำเจลาตินแช่น้ำทิ้งไว้ก่อน และนำครีมชีส มาสคาร์โปนชีส วิปปิ้งครีม น้ำตาลทราย และเกลือ ใส่ลงในชามผสมตั้งบนไอน้ำร้อน ระวังไม่ให้ก้นชามโดนน้ำนะ เดี๋ยวจะร้อนจนเกินไป คนทุกอย่างให้เข้าใจ แล้วใส่เจลาตินลงไป คนให้เจลาตินละลาย ปิดไฟ พักไว้ก่อนค่ะ

     3. ทำซอสบลูเบอร์รี โดยตั้งไฟให้ร้อน เติมบลูเบอร์รี น้ำมะนาว น้ำตาลทราย กลิ่นวานิลลา และเจลาติน คนให้ทุกอย่างเข้ากัน พักไว้ก่อน

     4. ทำวิปปิ้งครีม โดยตีวิปปิ้งครีมใช้ความเร็วปานกลางค่อนข้างสูง ตีจนกว่าครีมจะตั้งยอดคล้าย ๆ ขนมอาลัว

     5. นำครีมชีสมากรองเพื่อให้เนื้อครีมชีสละเอียดยิ่งขึ้น แล้วนำครีมชีสมาผสมกับวิปปิ้งครีม แบ่งเป็น 3 ส่วน ค่อย ๆ คนเบา ๆ ให้เนื้อครีมเข้ากันอย่างละเอียด แบ่งครีมชีสออกเป็น 3 ส่วน ส่วนละ 265 กรัม

  • ชามที่ 1 พักไว้ (ครีมชีสสีขาว)
  • ชามที่ 2 ใส่ผลบลูเบอร์รีทั้งหมดที่มีพร้อมน้ำบลูเบอร์รีครึ่งหนึ่งที่มี ผสมให้เข้ากัน
  • ชามที่ 3 ใส่น้ำบลูเบอร์รีที่เหลือผสมลงไปให้หมด ผสมให้เข้ากัน
  • นำครีมชีสที่มีผลบลูเบอร์รี (ชามที่ 2) เทลงไปในฟอร์มที่เตรียมไว้ แล้วนำไปพักไว้ในตู้เย็น 30 นาที

     6. เมื่อครบ 30 นาทีนำฟอร์มออกมาจากตู้เย็น เทครีมชีสที่ผสมน้ำบลูเบอร์รี (ชามที่ 3) ลงไป พักในตู้เย็นอีก 30 นาที

     7. เมื่อครบ 30 นาที นำฟอร์มออกจากตู้เย็น เทครีมชีสสีขาว (ชามที่ 1) ลงไป พักไว้ในตู้เย็น 5-6 ชั่วโมง หรือข้ามคืน เสร็จเรียบร้อยแล้วก่อนเสิร์ฟแต่งด้วยผลบลูเบอร์รีสด ๆ ตัดเสิร์ฟราดด้วยซอสบลูเบอร์รี
 

ดูวิธีทำ บลูเบอร์รีชีสพาย เพิ่มเติมคลิก

10. บลูเบอร์รีชีสพาย

บลูเบอร์รีชีสพาย

ภาพจาก คุณ Poppy farm สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

           วันหยุดมาเตรียมทำบลูเบอร์รีชีสพาย สูตรจาก คุณ Poppy farm สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรครีมชีสใส่ไข่แดง พอเททุกอย่างใส่พิมพ์แล้วก็เอาไปแช่เย็นจนเซตตัว

ส่วนผสม ฐานพาย

  • แครกเกอร์ 90 กรัม
  • เนยเค็มละลาย 60 กรัม

ส่วนผสม ชีสเค้ก

  • เจลาตินแบบแผ่น (แผ่นละ 5 กรัม) 1 แผ่น
  • น้ำตาลทรายขาว 40 กรัม
  • น้ำ 15 กรัม
  • ไข่แดง 2 ฟอง
  • ครีมชีส 125 กรัม
  • น้ำมะนาว 20 กรัม
  • วิปปิ้งครีม 100 กรัม
  • แยมบลูเบอร์รี

วิธีทำบลูเบอร์รีชีสพาย

     1. บดแครกเกอร์ให้ละเอียด ใครมีเครื่องบดใช้ได้เลย ใครไม่มีก็เอาใส่ถุงทุบให้ละเอียดมากที่สุด ถ้าหยาบมากไปตอนกินฐานจะแตก ใส่เนยละลายลงในแครกเกอร์บด ผสมให้เข้ากัน 

     2. นำพิมพ์แบบที่ถอดก้นได้ ทาด้วยเนยบาง ๆ ถ้าใครจะใส่แบบกระทงฟอยล์ข้ามขั้นนี้ไปเลย

     3. นำฐานแครกเกอร์บดกรุลงในพิมพ์หนาประมาณ 1 เซนติเมตร แล้วกดให้แน่น ไม่งั้นฐานจะแตก เสร็จแล้วก็เอาไปแช่ช่องแข็ง 30 นาที

     4. แช่เจลาตินแบบแผ่นในน้ำเย็น เพื่อให้เจลาตินพองตัว ประมาณ 20-30 นาที

     5. ทำน้ำเชื่อม โดยละลายน้ำกับน้ำตาลทราย ตั้งไฟให้เดือดแล้วยกลง

     6. แยกไข่แดง 2 ฟอง ใส่น้ำเชื่อมที่เดือดแล้วลงในไข่แดงทันที อย่าทิ้งไว้นาน แล้วตีไข่แดงไปตลอดช่วงใส่น้ำเชื่อม ขั้นตอนนี้จะทำให้ไข่ค่อย ๆ สุก การที่ค่อย ๆ ใส่จะทำให้ไข่ไม่เป็นลิ่ม ถ้าน้ำเชื่อมไม่เดือดไข่แดงจะคาว

     7. ตีจนไข่แดงกลายเป็นสีเหลืองนวลแล้วใส่ครีมชีสลงไป ตีให้เข้ากัน

     8. ตีวิปปิ้งครีมในอ่างผสมอีกใบ ตีจนตั้งยอดอ่อนแล้วพักไว้

     9. นำเจลาตินที่อิ่มน้ำแล้วเข้าไมโครเวฟ 30 วินาที หาอะไรปิดภาชนะด้วย ไม่อย่างนั้นเจลาตินจะแห้งติดภาชนะเลย

     10. ผสมส่วนผสมไข่แดงกับส่วนผสมวิปปิ้งครีม ค่อย ๆ ตะล่อมให้เข้ากัน ใส่เจลาตินที่ละลายแล้วคนให้เข้ากัน ใส่น้ำมะนาว (ถ้าใครใช้น้ำเลมอนสามารถเพิ่มปริมาตรได้ถึง 30 กรัม) 

     11. เทครีมชีสลงในพิมพ์ที่กรุไว้แล้ว เกลี่ยหน้าให้เรียบ เคาะพิมพ์เล็กน้อย นำไปแช่เย็นช่องธรรมดา 2-3 ชั่วโมง เมื่อขนมเซตตัวแล้วค่อย ๆ ถอดออกจากพิมพ์ โดยวางพิมพ์บนแก้วน้ำแล้วค่อย ๆ ดึงพิมพ์ลง แต่งหน้าด้วยแยมบลูเบอร์รี
 

ดูวิธีทำ บลูเบอร์รีชีสพาย เพิ่มเติมคลิก

11. นมบลูเบอร์รี

นมบลูเบอร์รี

ภาพจาก นิตยสารแม่บ้าน

           เติมแคลเซียมกันด้วยนมบลูเบอร์รี สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน จับนมสดผสมซอสบลูเบอร์รี กลิ่นหอม สีม่วงสวยงามเลยล่ะ

ส่วนผสม นมบลูเบอร์รี

  • บลูเบอร์รีแช่แข็ง 1 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง
  • น้ำเปล่า 2/3 ถ้วยตวง
  • นมสดแช่เย็น 2 ถ้วยตวง

วิธีทำนมบลูเบอร์รี

     1. นำน้ำเปล่า น้ำตาลทราย และบลูเบอร์รี ใส่ในกระทะ เคี่ยวด้วยไฟกลางจนเดือด คนต่อไปเรื่อย ๆ ประมาณ 10-15 นาที จนส่วนผสมข้น ยกลงกรองด้วยกระชอน พักไว้ให้เย็น

     2. เทนมสดใส่แก้ว เติมส่วนผสมในข้อที่ 1 ลงไป คนให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟ
 

ดูวิธีทำ นมบลูเบอร์รี เพิ่มเติมคลิก

12. ไอศกรีมบลูเบอร์รีโยเกิร์ตป๊อป

ไอศกรีมบลูเบอร์รีโยเกิร์ตป๊อป

          ไอศกรีมบลูเบอร์รีโยเกิร์ตป๊อปน่าจะถูกใจช่วงหน้าร้อนแน่นอน จุดเด่นคือใส่โยเกิร์ตรสบลูเบอร์รีปั่นกับวิปปิ้งครีมและบลูเบอร์รีแช่แข็ง

ส่วนผสม ไอศกรีมบลูเบอร์รีโยเกิร์ตป๊อป

  • โยเกิร์ตรสบลูเบอร์รี 2 ถ้วย
  • วิปปิ้งครีม 1/4 ถ้วย
  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1/4 ถ้วย
  • บลูเบอร์รีแช่แข็ง 1/2 ถ้วย

อุปกรณ์

  • พิมพ์ไอศกรีมแบบแท่ง

วิธีทำไอศกรีมบลูเบอร์รีโยเกิร์ตป๊อป

     1. ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในเครื่องปั่น ปั่นผสมจนเข้ากันดี

     2. เทใส่พิมพ์ นำเข้าแช่แข็งอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
 

ดูวิธีทำ ไอศกรีมบลูเบอร์รีโยเกิร์ตป๊อป เพิ่มเติมคลิก

13. ซอสบลูเบอร์รี

ซอสบลูเบอร์รี

ภาพจาก คุณแขมร อินเตอร์ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          มาแล้ว ๆ วิธีทำซอสบลูเบอร์รี สูตรจาก คุณแขมร อินเตอร์ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เอาไว้ราดเบเกอรี่ ทั้งเค้ก มัฟฟิน หรือแพนเค้ก ได้ตามชอบเลยจ้า

ส่วนผสม ซอสบลูเบอร์รี

  • บลูเบอร์รี 300 กรัม
  • น้ำตาลทราย 200 กรัม
  • น้ำเปล่า (1) 200 กรัม
  • แป้งข้าวโพด 40 กรัม
  • น้ำเปล่า (2) 80 กรัม
  • น้ำมะนาว (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำซอสบลูเบอร์รี

     1. เริ่มต้นด้วยการใส่น้ำเปล่า (1) และน้ำตาลทราย คนให้เข้ากันดีก่อนที่จะเปิดไฟ เคี่ยวให้น้ำตาลละลายหมดและน้ำเชื่อมเดือด

     2. เทน้ำเชื่อมใส่บลูเบอร์รีที่เตรียมไว้ และแช่ไว้ 1 ชั่วโมง จากนั้นค่อยนำมากรองเอาแต่น้ำ

     3. มาเตรียมแป้งข้าวโพดผสมน้ำ (2) รอ จากนั้นนำน้ำเชื่อมไปตั้งไฟ เคี่ยวให้เดือดค่อยเติมแป้งข้าวโพด

     4. หลังจากใส่แป้งข้าวโพดต้องคนตลอดเวลา จนกระทั่งเหนียวได้ที่ให้ปิดไฟ แล้วค่อยเติมบลูเบอร์รีตามลงไป เสร็จแล้วยกลงจากเตาและเติมน้ำมะนาวรสชาติตามชอบ เก็บได้ประมาณ 2 วัน แนะนำว่าทำแค่พอใช้
 

ดูวิธีทำ ซอสบลูเบอร์รี เพิ่มเติมคลิก

14. ซอสบลูเบอร์รี

ซอสบลูเบอร์รี

ภาพจาก คุณ Little Pastry Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          ปิดท้ายกันด้วยวิธีทำซอสบลูเบอร์รี สูตรจาก คุณ Little Pastry Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้ใส่น้ำส้มเพิ่มความกลมกล่อม เอาไปทำเค้กหรือทาขนมปังก็อร่อยจ้า

ส่วนผสม ซอสบลูเบอร์รี

  • บลูเบอร์รีสดหรือแช่แข็ง 100 กรัม
  • น้ำส้ม 85 กรัม
  • น้ำตาลทราย 45 กรัม
  • แป้งข้าวโพด 10 กรัม
  • น้ำ 20 กรัม
  • น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำซอสบลูเบอร์รี

     1. นำบลูเบอร์รี น้ำส้ม และน้ำตาลทราย ใส่ลงไปในหม้อแล้วนำไปต้ม โดยใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน ต้มไปเรื่อย ๆ 

     2. ใส่น้ำลงไปในแป้งข้าวโพดที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากัน พักไว้

     3. เมื่อบลูเบอร์รีที่ต้มไว้เดือดแล้ว บดบลูเบอร์รีให้แตกบางส่วน ปิดไฟ

     4. นำแป้งข้าวโพดที่เตรียมไว้เทลงไปในหม้อต้มบลูเบอร์รี คนให้เข้ากันดี แล้วเปิดไฟกลางค่อนไปทางอ่อน ต้มบลูเบอร์รีต่อจนเดือดอีกรอบแล้วยกลงจากเตา

     5. นำน้ำมะนาวที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในซอสบลูเบอร์รีแล้วคนให้เข้ากัน พักให้เย็นแล้วใส่กล่องแช่เย็น
 

ดูวิธีทำ ซอสบลูเบอร์รี เพิ่มเติมคลิก

           ถ้าเอียนกับเมนูบลูเบอร์รีชีสเค้กหรือมัฟฟิน ลองมาทำไอศกรีมบลูเบอร์รีก็แปลกดีเหมือนกัน ลองทำตามดูไม่ยากอย่างที่คิดแน่นอนจ้า

แนะนำเมนูบลูเบอร์รีอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ใครสนใจทำเมนูไหนคลิกเลยจ้า

ขอบคุณข้อมูลจาก
medthai.com, pobpad.com

 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
14 เมนูบลูเบอร์รี ทั้งขนมและเครื่องดื่มทำง่ายอร่อยปัง อัปเดตล่าสุด 16 พฤศจิกายน 2566 เวลา 12:55:23 15,959 อ่าน
TOP