ปลาดุก
1. ปลาดุกผัดฉ่า
- เนื้อปลาดุกหั่นชิ้น
- พริกสด
- กระเทียม
- กระชาย
- พริกไทยสด
- ใบมะกรูด
- พริกชี้ฟ้า
- ใบกะเพรา
- น้ำปลา
- ผงปรุงรส (รสดี)
- น้ำตาลทราย
- น้ำปู หรือซีอิ๊วมาเลย์
- น้ำมันพืช
1. วิธีคลายเมือกปลาแบบง่าย ๆ คือเอาเกลือทาแล้วล้างออกสัก 3-4 น้ำ จับผิวดูไม่ลื่นเมือกเป็นใช้ได้ ทอดเนื้อปลาดุกด้วยไฟแรง ให้ผิวนอกกรอบ ผิวในก็จะยิ่งนุ่ม ตักขึ้นพักไว้
2. ตำพริกกับกระเทียม หรือจะสับแบบหยาบ ๆ ก็ดูสวยน่ากิน ผัดกับน้ำมันจนพริกหอม แล้วใส่หัวปลาลงไปก่อน เพราะไม่ได้ทอดเหมือนเนื้อปลา ใส่กระชายลงไปผัดพร้อมหัวปลาจนใกล้สุก
3. เมื่อหัวใกล้สุกก็ใส่เนื้อปลาที่ทอดแล้วลงไป เติมน้ำปลา รสดี ตัดน้ำตาล ใส่น้ำปูหรือซีอิ๊วมาเลย์ แล้วตามด้วยผักที่เตรียมไว้ เร่งไฟให้แรง เพื่อที่จะได้ผัดแบบไม่เจิ่งน้ำ มาแบบแห้ง ๆ รสชาติมาจัด ๆ
2. ผัดเผ็ดปลาดุก
และแล้วก็มาถึงเมนูปลาน้ำจืดจานโปรดนั่นคือ ผัดเผ็ดปลาดุก สูตรนี้ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดผัดกับปลาดุก เพิ่มเครื่องสมุนไพรกลิ่นหอม ที่ขาดไม่ได้เลยคือ ใบกะเพรากรอบ
- ปลาดุกสด (หั่นเป็นชิ้นหนา) 500 กรัม
- น้ำพริกแกงเผ็ด 100 กรัม
- กระชายซอย 300 กรัม
- พริกชี้ฟ้าแดงและเขียว (หั่นเฉียง)
- ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ (ฉีกก้านกลาง)
- พริกไทยอ่อน 2 ช่อ
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- ใบกะเพรา 1 ถ้วย
- น้ำมันพืช (สำหรับทอดและผัด)
1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ เปิดไฟแรง พอน้ำมันร้อนใส่ปลาดุกลงไปทอดจนสุก แล้วลดเป็นไฟกลาง ทอดจนปลาดุกกรอบทั้งสองด้าน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน เตรียมไว้
2. ใส่ใบกะเพราลงไปทอดในน้ำมัน ใช้ไฟปานกลางจนกรอบ ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
3. เทน้ำมันออกจากกระทะให้เหลือเพียงเล็กน้อย ใส่น้ำพริกแกงลงไปผัดจนหอมแล้วลดเป็นไฟอ่อน เติมน้ำปลา น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลปี๊บลงไปผัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
4. ใส่กระชาย พริกชี้ฟ้า ใบมะกรูด และพริกไทยอ่อนลงไปผัดให้เข้ากัน
5. ใส่ปลาดุกทอดและแบ่งใบกะเพรากรอบที่ลงไปผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน โรยกะเพรากรอบ พร้อมเสิร์ฟ
3. ผัดเผ็ดแกงปลาดุกกรอบ
- ใบกะเพรา 1 ถ้วย
- ปลาดุก 1 ตัว
- น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย
- แป้งทอดกรอบ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำพริกแกงเผ็ด 3 ช้อนโต๊ะ
- กระชายฝอย 3 ช้อนโต๊ะ
- พริกชี้ฟ้าหั่น 1/4 ถ้วย
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- น้ำมันพืช (สำหรับทอด) 2 ถ้วย
1. เด็ดใบกะเพราและล้างให้สะอาดแล้วผึ่งให้แห้ง นำไปทอดให้กรอบ
2. นำปลาดุกมาล้างด้วยเกลือ หรือแป้งมันให้หมดเลือด จะได้ไม่คาว หั่นเป็นชิ้นแล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำ หรือจะใช้กระดาษซับน้ำให้แห้ง ก่อนทอดนำไปคลุกกับแป้งทอดกรอบบาง ๆ
3. ตั้งกระทะ เติมน้ำมันลงไป เปิดไฟให้ร้อนแล้วนำปลาลงทอด (การเอาปลาคลุกแป้งทำให้ปลาไม่ติดกัน เวลาทอดจะกรอบเหลือง) ทอดให้กรอบเลย ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
4. นำน้ำพริกแกงเผ็ดลงไปผัดกับน้ำมันเล็กน้อยให้หอม ถ้าแห้งเติมน้ำนิดหน่อย จากนั้นใส่พริกชี้ฟ้าและกระชายซอยฝอยลงผัดให้หอม
5. ฉีกใบมะกรูดลงไปเพื่อเพิ่มความหอม ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำตาลทราย ชิมรสให้ถูกใจ
6. นำปลาดุกทอดกรอบที่พักไว้ลงผัดให้เข้ากัน โรยด้วยใบกะเพรากรอบ
4. แกงเขียวหวานปลาดุก
แกงเขียวหวานปลากรายก็ทำบ่อยจนเบื่อ ลองเปลี่ยนมาทำแกงเขียวหวานปลาดุกสักหม้อดีไหม สูตรนี้มาพร้อมวิธีทำน้ำพริกแกงเขียวหวาน กินกับขนมจีนยิ่งฟิน
- ปลาดุก
- กะทิ
- พริกชี้ฟ้า
- ผิวมะกรูด 1/2 ลูก
- ใบพริก
- พริกไทยดำ
- หอมแดง
- ข่า
- ตะไคร้
- กระชาย
- มะเขือเปราะ
- มะเขือพวง
- น้ำปลา
- น้ำตาลทราย
1. เอาพริก ผิวมะกรูด พริกไทยดำ หอมแดง ข่า ตะไคร้ และใบพริกลงไปปั่นจนละเอียด
2. ตั้งหม้อใส่กะทิ พอหัวกะทิเดือดก็ใส่เครื่องแกง ตามด้วยปลาดุก พอปลาเริ่มจะสุกก็ใส่กระชาย มะเขือพวง และผักอื่น ๆ ปรุงรสด้วยน้ำปลากับน้ำตาลทรายเท่านั้น
5. แกงป่าปลาดุก
- ปลาดุก (หั่นชิ้น) 500 กรัม
- น้ำพริกแกงป่า 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย
- น้ำเปล่า 2 ถ้วย
- กระชายซอย 100 กรัม
- มะเขือเปราะ (หั่นชิ้น) 200 กรัม
- น้ำปลา
- น้ำตาลปี๊บ
- พริกชี้ฟ้า
- ใบกะเพรา
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันร้อนใส่น้ำพริกแกงป่าลงไปผัดจนหอม ตามด้วยปลาดุก ผัดให้สุก
2. เติมน้ำเปล่า รอจนเดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลากับน้ำตาลปี๊บ
3. ใส่กระชายกับมะเขือเปราะ รอจนเดือดอีกครั้ง ใส่พริกชี้ฟ้ากับใบกะเพรา ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ
6. ปลาดุกฟู
ย่างปลาดุกสักตัวสองตัว แล้วเอามาทำเมนูปลาดุกฟูทอดกรอบราดน้ำยำรสแซ่บกันเถอะ สูตรนี้ไม่ใส่แป้งหรือเกล็ดขนมปัง ดังนั้นมั่นใจว่าได้กินเนื้อปลาล้วน ๆ แน่นอนจ้า
- ปลาดุกย่าง 1 ตัว
- น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
- พริกขี้หนู
- กระเทียม
- น้ำปลา
- น้ำมะนาว
- น้ำตาลปี๊บ
- มะม่วงเปรี้ยวขูดหรือสับ 1 ลูก
- หอมแดงซอย
- ถั่วลิสงคั่ว (โรยหน้า)
- พริกซอย (โรยหน้า)
- ใบสะระแหน่ (โรยหน้า)
1. แกะเนื้อปลาดุกย่าง เอาก้างและหนังออก นำไปโขลกจนละเอียด เติมน้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย (เพื่อช่วยให้เนื้อปลาฟู) โขลกให้ละเอียดเข้ากัน จากนั้นผึ่งเนื้อปลาที่โขลกแล้วให้แห้งก่อนนำไปทอด
2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟแรง ค่อย ๆ โรยเนื้อปลาลงทอดจนจับตัวเป็นแพ ทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน เตรียมไว้
3. ทำน้ำยำ โดยโขลกพริกและกระเทียมเข้าด้วยกัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลปี๊บ ชิมรสตามชอบ
4. จัดเนื้อปลาดุกฟูใส่จาน ตามด้วยมะม่วงเปรี้ยวขูดและหอมแดง โรยถั่วลิสง พริกซอย และใบสะระแหน่ เสิร์ฟพร้อมน้ำยำที่เตรียมไว้
ปลาช่อน
7. ต้มยำปลาช่อนฝักมะขามอ่อน
ต้มยำปลาช่อนใบมะขามอ่อนเพิ่งทำไปเมื่อวาน วันนี้ขอเปลี่ยนเป็นเมนูต้มยำปลาช่อนฝักมะขามอ่อนบ้าง จับเครื่องต้มยำต้มกับฝักมะขามอ่อนจนเปื่อยได้รสเปรี้ยวตามชอบ และตักฝักมะขามอ่อนทิ้ง จากนั้นก็ใส่ปลาและปรุงรสตามชอบ
- น้ำเปล่า (ประมาณ) 3 ถ้วยตวง
- ข่ากึ่งแก่กึ่งอ่อน 1 แง่ง
- ใบมะกรูด 10 ใบ
- ตะไคร้ 3-4 ต้นกลาง
- หอมแดงทุบ 10 หัว
- มะขามอ่อนฝักใหญ่ 5 ฝัก
- ปลาช่อนสด 1 ชิ้น
- เห็ดฟางผ่าครึ่ง 1 ถ้วยใหญ่
- มะเขือเทศ (ปริมาณตามชอบ)
- ผงปรุงรสหมู 2 ช้อนส้อม
- ผงชูรส 1 ช้อนชาพูน (ถ้าไม่ชอบก็ใช้น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา)
- น้ำปลา 2 ช้อนส้อม
- เกลือสมุทร 1 ช้อนชา
- ใบกะเพราแดง 1 ถ้วยใหญ่
- พริกแห้งทอด
- มะนาว 1 ซีก (บีบลงไปเพื่อความหอม)
- ผักชีฝรั่ง (สำหรับโรยหน้า)
1. ต้มน้ำเปล่าประมาณ 3 ถ้วย หรือกะปริมาณตามจำนวนปลาและวัตถุดิบที่ใส่ลงไป จากนั้นใส่ข่า ใบมะกรูด ตะไคร้ หอมแดงทุบ ฝักมะขามอ่อนทุบลงไป
2. ต้มจนฝักมะขามอ่อนเปื่อย หรือลองชิมรสดูให้ได้รสเปรี้ยวตามต้องการแล้วก็ตักฝักมะขามออก ขั้นตอนนี้ต้องคอยดูเรื่อย ๆ เพราะฝักมะขามจะเปื่อยเร็วมากหากเปื่อยยุ่ยมากเกินไปหรือต้มนานเกินไป น้ำซุปจะเปรี้ยวเกิน
3. จากนั้นรอให้เดือดอีกครั้งแล้วหย่อนชิ้นปลาช่อนลงไปทีละชิ้นในขณะน้ำยังเดือดอยู่ (เคล็ดลับ : อย่าเทพรวดลงไปทีเดียวเพราะปลาช่อนมีเมือกเยอะจะทำให้ต้มยำเราคาวมาก) เมื่อหย่อนปลาช่อนลงไปจนหมดแล้วรอให้น้ำเดือดจนปลาสุกในระดับหนึ่งก็ใส่เห็ดฟาง ตามด้วยมะเขือเทศ
4. ปรุงรสด้วยผงปรุงรสหมู ผงชูรส น้ำปลา และเกลือสมุทร จากนั้นรอจนปลาเริ่มสุกเปื่อยได้ที่ก็ใส่ใบกะเพราแดงลงไป
5. ตามด้วยพริกทอด ขยำพอแตกนิดหนึ่งจะได้หอม ๆ
6. บีบมะนาวลงไปซีกหนึ่งเพื่อเพิ่มความหอม ตักใส่ชาม โรยใบผักชีฝรั่ง พร้อมเสิร์ฟ
8. ผัดเผ็ดปลาช่อน
จากที่เคยทำเมนูผัดเผ็ดปลาดุก ขอลองเปลี่ยนมาทำผัดเผ็ดปลาช่อนสักมื้อดีกว่า เริ่มจากจับปลาช่อนและใบกะเพราไปทอดจนกรอบ แล้วเอาไปผัดกับน้ำพริกแกงเผ็ดจนทั่ว
- ปลาช่อน (หั่นเป็นชิ้น) 500 กรัม
- ใบกะเพรา 1 ถ้วย
- น้ำพริกแกงเผ็ด 100 กรัม
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 2-3 ช้อนโต๊ะ
- กระชายซอย 300 กรัม
- พริกชี้ฟ้าแดงและเขียว ประมาณ 4-5 เม็ด (หั่นเฉียง)
- พริกไทยอ่อน 3 ช่อ
- ใบมะกรูด 10 ใบ
- น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
1. ทอดปลาช่อนและใบกะเพราให้กรอบ พักไว้
2. ผัดน้ำพริกแกงกับน้ำมันพืชให้พอหอม ลดไฟ เติมน้ำปลา น้ำมันหอย และน้ำตาลปี๊บลงไป คนให้เข้ากัน ใส่กระชาย พริกชี้ฟ้า และพริกไทยอ่อน ผัดให้เข้ากัน
3. ใส่ปลาช่อนทอด ใบมะกรูด และแบ่งใบกะเพราทอดลงไป ผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน โรยกะเพรากรอบ
9. แกงกะทิปลาช่อนใบยี่หร่า
แอบเบื่อแกงปลาช่อนใบยอเพราะทำบ่อย ลองเปลี่ยนมาทำแกงกะทิปลาช่อนใบยี่หร่าสิคะ สูตรนี้มาพร้อมวิธีทำน้ำพริกแกงโฮมเมด เอาไปผัดกับกะทิ และใส่ปลาช่อน สุดท้ายใส่ใบยี่หร่า
- น้ำพริกแกง
- ปลาช่อน (หั่นชิ้นพอดีคำ) 500 กรัม
- กะทิ 500 มิลลิลิตร (หรือกะทิสำเร็จรูป 1 กล่อง)
- ใบยี่หร่า 100 กรัม (หั่นพอหยาบ)
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา (ปรุงรส)
- ข่า 5 แว่น
- ตะไคร้ 3 ต้น
- กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูสด 100 กรัม
- พริกแห้ง 1 กำมือ
- กระชาย 5 ราก
- ขมิ้นหัวเล็ก 4 ชิ้น
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ
1. โขลกส่วนผสมเครื่องพริกแกงทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด เตรียมไว้
2. ใส่หัวกะทิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟกลาง รอจนเดือด ใส่น้ำพริกแกงลงไป รอเดือดอีกครั้ง ปรุงรสตามชอบ จากนั้นใส่ปลาช่อนลงไป (ไม่ต้องคน)
3. รอให้เดือดอีกครั้ง ประมาณ 5-7 นาที แล้วใส่ใบยี่หร่าตามลงไป คนให้เข้ากัน ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
10. ปลาช่อนแป๊ะซะ
ติดใจเมนูปลาช่อนแป๊ะซะจากร้านปากซอย เท่าที่เห็นหน้าตาก็ไม่น่าทำยากเท่าไร วันหยุดเลยขอจัดสักตัว สูตรนี้ใช้น้ำพริกแกงส้มสำเร็จรูป เพิ่มกระชายลงไปด้วย ปรุงรสตามชอบ ใส่ผักกระเฉด เสร็จแล้วราดบนปลาทอด
- ปลาช่อน 1 ตัว
- น้ำพริกแกงส้ม 3+1/2 ช้อนโต๊ะ
- กระชาย 2 ชิ้น
- น้ำซุป 4 ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ 1+1/4 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 2+1/2 ช้อนชา
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 5 ช้อนโต๊ะ
- ผักกระเฉด หั่นท่อน
- ผักสดอื่น ๆ ตามชอบ เช่น ถั่วฝักยาว ข้าวโพดอ่อน ดอกแค เป็นต้น
- น้ำมันพืช (สำหรับทอดปลา)
1. ทำความสะอาดปลา ขอดเกล็ด และควักไส้ออก ล้างให้สะอาดอีกครั้ง พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. โขลกหรือตำน้ำพริกแกงส้มกับกระชายจนละเอียด พักไว้
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันร้อนใส่ปลาลงไปทอดจนสุกเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน นำปลาทอดวางใส่หม้อไฟแป๊ะซะ พักไว้
4. ตั้งหม้อใส่น้ำซุป ใช้ไฟร้อนปานกลาง พอเดือดตักน้ำซุปขึ้นมาเล็กน้อยนำไปละลายน้ำพริกแกงส้ม แล้วเทส่วนผสมน้ำพริกแกงส้มลงไปในหม้อ ต้มจนเดือด ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ เกลือป่น น้ำปลา และน้ำมะขามเปียก
5. พอเดือดอีกครั้งก็ใส่ผักลงไป คนให้เข้ากัน ต้มต่ออีกสักพักจนผักสุก ปิดไฟ ตักราดลงบนปลาทอดที่เตรียมไว้
11. ปลาช่อนราดพริก
ใครมีปลาช่อนเหลือ ๆ จับมาทำเมนูปลาช่อนราดพริกกันเถอะ เริ่มจากหมักปลาช่อนด้วยเกลือและพริกไทย จากนั้นเอาไปทอดจนสุกกรอบ ต่อมาก็ทำน้ำราดสามรสให้เสร็จแล้วตักราดบนตัวปลา
- ปลาช่อน 1 ตัว
- เกลือ เล็กน้อย
- พริกไทย เล็กน้อย
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับผัด)
- กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกสีแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 4 ช้อนชา
- น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช (สำหรับทอดปลา)
1. ล้างทำความสะอาดปลา ขอดเกล็ด ควักไส้และเครื่องในปลาออก นำไปล้างทำความสะอาดอีกครั้ง จากนั้นบั้งเนื้อปลา หรือผ่าครึ่งตัวปลาตามชอบ พักให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นโรยเกลือและพริกไทยลงไป ทาให้ทั่วตัวปลาทั้ง 2 ด้าน หมักไว้สักครู่
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไป ใช้ไฟปานกลาง รอให้น้ำมันร้อนจัดแล้วใส่ปลาลงทอดให้สุกเหลืองแล้วพลิกกลับด้าน ทอดต่อจนสุกเหลืองทั้งสองด้าน จากนั้นเร่งเป็นไฟแรงสุดเพื่อรีดน้ำมันออก จากนั้นตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน เตรียมไว้
3. ทำน้ำราดสามรส ผัดกระเทียมและพริกสับในน้ำมันพืชพอหอม ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ เติมน้ำเปล่า คนให้เข้ากัน เคี่ยวจนส่วนผสมข้นเหนียวตามชอบ
4. ตักน้ำสามรสราดบนปลาที่ทอดเตรียมไว้ แต่งจานให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
12. ปลาช่อนทอดน้ำปลา
อร่อยยกนิ้ว ! พบกับเมนูปลาช่อนทอดน้ำปลา จับปลาช่อนหมักกับซอสและคลุกแป้งก่อนทอดจนสุกกรอบ เสร็จแล้วราดน้ำปลาลงไปจนทั่ว เสิร์ฟกับน้ำยำรสจัดจ้าน
- ปลาช่อน 1 ตัว
- ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
- แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช (สำหรับทอดปลา)
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
- มะม่วงเปรี้ยวสับ หรือขูด (โรยหน้า)
- ขึ้นฉ่าย (หั่นเป็นท่อน)
- ถั่วลิสงคั่ว (โรยหน้า)
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูทุบพอแตก (ตามชอบ)
- มะเขือเทศ (หั่นเป็นชิ้นเล็ก) 1/2 ลูก
- หอมแดงซอยบาง 1 หัว
- กระเทียม (ฝานบาง) 1 ช้อนโต๊ะ
- ผักชี (โรยหน้า)
- ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน คนจนน้ำตาลทรายละลาย โรยหน้าด้วยผักชี ตักใส่ถ้วย เตรียมไว้
1. ทำความสะอาดปลาช่อน ผ่าครึ่งจากด้านบนตัวปลา (โดยให้ท้องติดกัน) เตรียมไว้
2. ผสมซอสหอยนางรม และซอสปรุงรสเข้าด้วยกัน นำปลาลงคลุกให้ทั่ว จากนั้นนำไปคลุกในแป้งข้าวโพดให้ทั่ว เตรียมไว้
3. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ (ให้ท่วมตัวปลา) ใช้ไฟแรงรอจนน้ำมันร้อนจัด ใส่ปลาช่อนลงทอดจนด้านนอกเหลืองกรอบ (อย่านานเกินไปอาจจะไหม้ได้) ลดไฟเบาลง ทอดต่อจนเนื้อปลาสุก และกรอบทั่วทั้งตัว ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน เตรียมไว้
4. ใส่น้ำมันเล็กน้อยลงในกระทะ ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ และน้ำปลา คนผสมให้เข้ากันจนเดือด ตักราดลงบนตัวปลาให้ทั่ว เสิร์ฟคู่กับน้ำยำ โรยด้วยมะม่วงเปรี้ยว ขึ้นฉ่าย และถั่วลิสง
13. ปลาช่อนย่างเกลือ
สาว ๆ ที่กลัวอ้วนคงเมินเมนูปลาน้ำจืดทอดแน่นอน ถ้าเช่นนั้นลองเปลี่ยนมาทำเมนูปลาย่างกันดีไหม พบกับเมนูปลาช่อนย่างเกลือ จับปลาช่อนยัดเครื่องสมุนไพรและพอกเกลือด้านนอก เสร็จแล้วเอาไปย่างจนสุก เสิร์ฟพร้อมน้ำพริกแจ่วและเครื่องเคียง
- ปลาช่อน 1 ตัว
- ข่าหั่นแว่น 3 แว่น
- ตะไคร้ทุบ 4 ต้น
- ใบมะกรูด 5 ใบ
- เกลือป่นหยาบ 200 กรัม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูแดง 15 เม็ด
- หอมแดง 7 หัว
- มะเขือเทศสีดา 5 ลูก
- กระเทียมกลีบใหญ่ 6 กลีบ
- น้ำปลาร้าต้มสุก 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา
- ไข่ไก่ต้ม 3 ฟอง
- ผักกาดขาวต้มสุก 1 หัว
- กะหล่ำปลีต้มสุก 1/2 หัว
- แครอตต้มสุก 1/2 หัว
- ถั่วฝักยาวลวกสุก 12 ฝัก
1. คั่วพริกขี้หนู หอมแดง มะเขือเทศ และกระเทียมให้หอม พักไว้จนเย็น
2. นำเครื่องที่คั่วไว้ไปปั่นกับน้ำปลาร้าต้มสุก น้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และเกลือป่นลงไป ปั่นให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย
1. ผ่าท้องปลาช่อน ควักไส้ออก ใส่ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด เข้าไปในท้องปลา
2. ผสมเกลือป่นกับแป้งสาลีให้เข้ากันแล้วไปพอกตัวปลา พักไว้ 15-20 นาที เพื่อให้เกลือและแป้งติดบนตัวปลา
3. นำปลาช่อนไปย่างบนเตาถ่านให้สุกทีละด้าน (ห้ามกลับไปกลับมาเพราะเกลือจะหลุด) ย่างประมาณ 25-30 นาที หรือจนสุกทั้ง 2 ด้าน จัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง และน้ำพริกแจ่ว
ปลานิล
14. ต้มยำปลานิล
มาต่อกันที่เมนูปลาน้ำจืดแซ่บ ๆ พบกับเมนูต้มยำปลานิล นอกจากเครื่องต้มยำแล้วยังใส่เห็ดตามชอบ ปรุงรสเปรี้ยวเผ็ดตามสไตล์ พอเสร็จปุ๊บก็ซดร้อน ๆ กินกับข้าวสวยเลยจ้า
- ปลานิล
- เห็ด
- ข่า
- ตะไคร้
- ใบมะกรูด
- เกลือ
- น้ำมะนาว
- พริกขี้หนู
1. ต้มน้ำให้เดือด ใส่เห็ด ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูดลงไป
2. ปรุงรสด้วยเกลือและพริกขี้หนู
3. พอเดือดอีกครั้งใส่เนื้อปลาลงไป สุดท้ายบีบมะนาว ตักใส่ภาชนะ
15. ปลานิลนึ่งซีอิ๊ว (ปลาทอด)
ว้าว ! ในที่สุดก็เจอวิธีทำเมนูปลานึ่งซีอิ๊วสุดโปรด สูตรนี้เพิ่มความหอมจากพริกไทยเม็ด รากผักชี และขิงแก่ทุบ ใส่กระเทียมดองและเต้าเจี้ยวปรุงรส ที่สำคัญอย่าลืมใส่ซีอิ๊วขาวลงไปด้วยนะคะ ส่วนปลานิลจะทอดหรือต้มก็ตามชอบค่ะ
- ปลานิล 1 ตัว
- น้ำมันพืช (สำหรับทอดปลา)
- น้ำเปล่า
- ซีอิ๊วขาว
- กระเทียมดอง
- พริกไทยเม็ด
- รากผักชี 2 ราก
- ขิงแก่ทุบ
- เต้าเจี้ยว (ทั้งน้ำและเนื้อ)
- มันหมูแข็ง (หั่นแผ่นบาง)
- ขิงซอยฝอย
- พริกชี้ฟ้าแดง (หั่นเป็นเส้น)
- ต้นหอมหั่นท่อน 2-3 ต้น
- ผักชีซอย
1. ขอดเกล็ดปลานิล ควักเหงือกและไส้ออก ล้างให้สะอาด บั้งตัวปลาทั้ง 2 ด้าน เตรียมไว้
2. นำปลานิลลงไปทอดในน้ำมันร้อน แค่พอกรอบด้านนอก (ทอดหรือไม่ทอดก็ได้) ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน เตรียมไว้
3. ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ ตามด้วยซีอิ๊วขาว กระเทียมดอง พริกไทยเม็ด รากผักชี และขิงแก่ทุบ นำขึ้นตั้งไฟต้มจนเดือด
4. ใส่เต้าเจี้ยวและมันหมูลงไปต้มสักครู่ จากนั้นใส่ปลานิลลงไป (ถ้าเป็นปลานิลสด ไม่ได้ทอด ให้ต้มแค่พอปลาสุก เพื่อรักษาความหวานของปลาไว้)
5. ตักปลาใส่จานแป๊ะซะ หรือแบ่งครึ่งตัวปลาแล้วใส่จานก้นลึก โรยหน้าด้วยขิงซอยฝอย พริกชี้ฟ้า ต้นหอม และผักชี พร้อมเสิร์ฟ
16. ปลานิลราดพริก
หน้าตาเผ็ดแซ่บจนน้ำลายสอ สำหรับเมนูปลานิลราดพริก จับปลาไปทอดจนสุกแล้วราดน้ำสามรสลงไป กินกับข้าวสวยอร่อยเหาะเลยค่ะ
- ปลานิลสด 1 ตัว
- เกลือป่น เล็กน้อย
- พริกไทย เล็กน้อย
- กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกสีแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 4 ช้อนชา
- น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมัน (สำหรับทอดปลาและผัดน้ำราด)
1. ล้างทำความสะอาดปลานิล ขอดเกล็ด ควักไส้และเครื่องในปลาออก นำไปล้างทำความสะอาดอีกครั้ง จากนั้นบั้งเนื้อปลาตามชอบ พักให้สะเด็ดน้ำแล้วโรยเกลือและพริกไทยลงไป ทาให้ทั่วตัวปลาทั้ง 2 ด้าน เตรียมไว้
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไป ใช้ไฟปานกลาง รอให้น้ำมันร้อน ใส่ปลานิลลงทอดให้สุกเหลืองแล้วพลิกกลับด้าน ทอดต่อจนสุกเหลืองทั้งสองด้าน จากนั้นเร่งเป็นไฟแรงสุดเพื่อรีดน้ำมันออก จากนั้นตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน เตรียมไว้
3. ทำน้ำราดสามรส ผัดกระเทียมและพริกสับในน้ำมันพืชพอหอม ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ เติมน้ำเปล่า คนให้เข้ากัน เคี่ยวจนส่วนผสมข้นเหนียวตามชอบ
4. ตักน้ำสามรสราดบนปลาที่ทอดเตรียมไว้ แต่งจานให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
17. ปลานิลนึ่งมะนาว
นี่แหละเมนูกับแกล้มที่รอคอย ใครอยากทำเมนูปลาน้ำจืดนึ่งมะนาว ขอยกตัวอย่างเมนูปลานิลนึ่งมะนาว จับปลาไปนึ่งจนสุก เสร็จแล้วราดน้ำยำลงไป แต่งด้วยมะนาวฝานและผักชี
- ปลานิล 1 ตัว
- น้ำปลา 3+1/2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- น้ำเปล่า หรือน้ำซุป 1/4 ถ้วย
- กระเทียมจีน 10 กลีบ
- พริกขี้หนูสีแดงสับ 5 เม็ด (หรือตามชอบ)
- มะนาวฝานเป็นแผ่นบาง
- ผักชีซอย
1. ขอดเกล็ดปลานิล ควักเหงือกและไส้ออก ล้างให้สะอาด บั้งตัวปลาทั้ง 2 ด้าน เตรียมไว้
2. นำปลาใส่ภาชนะสำหรับนึ่งแล้วนำใส่ชุดนึ่งที่มีน้ำเดือดพล่านด้วยไฟแรง ประมาณ 20 นาที หรือจนสุก
3. ผสมน้ำปลา ซีอิ๊วขาว น้ำมะนาว น้ำตาลทราย และน้ำเปล่าลงในถ้วย คนให้เข้ากัน ชิมรสชาติตามชอบ สุดท้ายใส่กระเทียมและพริกขี้หนู คนให้พอเข้ากัน เตรียมไว้
4. วางปลานึ่งลงในจาน ราดน้ำยำลงไป แต่งด้วยมะนาวฝาน และผักชีให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
18. ปลานิลทอดกระเทียม
เอาใจคนพิเศษด้วยเมนูปลานิลทอดกระเทียม จับปลาหมักกับกระเทียมและพริกไทย เสร็จแล้วเอาไปคลุกแป้งก่อนทอด ก่อนเสิร์ฟโรยกระเทียมเจียว
- ปลานิล 1 ตัว
- กระเทียมสับ 1/2 ถ้วย
- พริกไทยดำเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- แป้งทอดกรอบ หรือแป้งข้าวโพด
1. ขอดเกล็ดปลานิล ควักเหงือกและไส้ออก ล้างให้สะอาด บั้งตัวปลาทั้ง 2 ด้าน เตรียมไว้
2. โขลกกระเทียม (แบ่งไว้สำหรับทำกระเทียมเจียวประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ) กับพริกไทยดำเม็ดเข้าด้วยกันพอหยาบ ๆ ตักใส่อ่างผสม เติมเกลือกับซีอิ๊วขาวลงไป คนผสมจนเกลือละลาย
3. ใส่ปลานิลลงไปคลุกเคล้ากับเครื่องที่โขลกให้ทั่ว หมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที พอครบเวลาเอาเครื่องหมักออกจากตัวปลาให้หมด
4. นำกระเทียมที่แบ่งไว้ลงไปเจียวในน้ำมันจนเหลืองกรอบ เตรียมไว้
5. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ (กะให้พอท่วมตัวปลา) เปิดไฟกลาง พอน้ำมันร้อนใส่ปลานิลลงไปคลุกกับแป้งทอดกรอบให้ทั่ว แล้วนำลงไปทอดจนสุกทั้ง 2 ด้าน ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
6. จัดวางปลานิลทอดใส่จาน โรยกระเทียมเจียวกรอบ จัดเสิร์ฟ
19. ปลานิลต้มกระชาย
เกิดมาก็อยากลองสักครั้งสำหรับเมนูปลานิลต้มกระชาย เริ่มจากปรุงรสน้ำซุปด้วยเกลือกับน้ำปลา และใส่กระชายทุบลงไป สุดท้ายใส่เนื้อปลาลงไปต้มจนสุก
- ปลานิล ปลาทับทิม ปลาช่อน หรือเนื้อไก่ เลือกตามชอบ
- กระชายทุบ
- เกลือป่น
- น้ำปลา
- ผงปรุงรสนิดหน่อย
1. ต้มน้ำให้เดือด ใส่เกลือ น้ำปลา และผงปรุงรส ชิมรสตามชอบ (ไม่ต้องเค็มมาก)
2. พอน้ำเดือด ใส่กระชายทุบลงไป
3. พอเดือดอีกครั้งใส่เนื้อปลาลงไปเบา ๆ ทีละชิ้น (ในขั้นตอนนี้ห้ามคนเด็ดขาดจนกว่าปลาจะสุก)
เทคนิคไม่ให้ปลาในอาหารประเภทต้มมีกลิ่นคาว คือ
1. ต้มน้ำให้เดือดก่อนจึงใส่ปลา และห้ามคนจนกว่าจะสุก
2. ในขั้นตอนสุดท้ายบีบมะนาวลงไปนิดหน่อยเพื่อให้เนื้อปลาแข็งตัว จะช่วยลดกลิ่นคาวด้วย
20. ข้าวผัดปลานิล (ข้าวไรซ์เบอร์รี)
เบื่อเมนูกับข้าวก็จัดอาหารจานเดียวเลยสิคะ พบกับเมนูข้าวผัดปลานิล สูตรนี้ใช้ข้าวไรซ์เบอร์รีเพื่อสุขภาพผัดกับปลานิลทอด เพิ่มสีสันและคุณค่าจากแครอต บรอกโคลี และฟักทอง
- ปลานิลหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 100 กรัม
- เกลือป่นหยาบ เล็กน้อย
- พริกไทยป่น เล็กน้อย
- แป้งทอดกรอบสำเร็จรูป
- น้ำมันพืช สำหรับทอด
- กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
- น้ำมันมะกอก 1+1/2 ช้อนชา
- แครอต หั่นเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
- บรอกโคลี หั่นเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
- ฟักทอง หั่นเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวไรซ์เบอร์รีหุงสุก 3/4 ถ้วยตวง
- ซอสเห็ดหอม 2 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา
- เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด 6-7 เม็ด
- เมล็ดทานตะวันอบกรอบ 1 ช้อนชา
- น้ำปลาผสมน้ำมะนาวและพริกขี้หนู
1. โรยเกลือป่นและพริกไทยป่นบนเนื้อปลานิลแล้วคลุกลงในแป้งทอดกรอบพอทั่ว ใส่ลงทอดในน้ำมันพืชใช้ไฟปานกลาง ทอดจนสุกเหลือง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน เตรียมไว้
2. เจียวกระเทียมกับน้ำมันมะกอกพอเหลืองหอม ใส่แครอต บรอกโคลี ฟักทอง และข้าวไรซ์เบอร์รีลงไปผัดเบา ๆ ให้เข้ากัน
3. ปรุงรสด้วยซอสเห็ดหอม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย เกลือป่นและพริกไทยป่น ผัดให้เข้ากัน
4. ใส่ปลาทอดลงไปตะล่อมเบา ๆ ให้เข้ากัน ตักใส่จานสำหรับเสิร์ฟ โรยเมล็ดมะม่วงหิมพานต์และเมล็ดทานตะวัน เสิร์ฟพร้อมน้ำปลาผสมน้ำมะนาวและพริกขี้หนู
ปลาตะเพียน
21. ปลาตะเพียนต้มเต้าเจี้ยว
แม้ปลาตะเพียนก้างจะเยอะ แต่ก็น่าลองทำสำหรับเมนูปลาตะเพียนต้มเต้าเจี้ยว น้ำเต้าเจี้ยวใส่กระเทียมดอง พริกไทยเม็ด รากผักชี และขิงแก่ทุบ พอต้มจนปลาสุกนิ่มก็เสิร์ฟได้แล้วค่ะ
- ปลาตะเพียน 2 ตัว (น้ำหนักรวม 1 กิโลกรัม)
- ซีอิ๊วขาว
- กระเทียมดอง
- พริกไทยเม็ด
- รากผักชี
- ขิงแก่ทุบ
- เต้าเจี้ยว
- มันหมูแข็ง
- ขิงซอยฝอย (โรยหน้า)
- พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเป็นเส้น (โรยหน้า)
- ต้นหอมหั่นท่อน (โรยหน้า)
- ผักชี (โรยหน้า)
1. ล้างปลาตะเพียนให้สะอาด สะเด็ดน้ำ เตรียมไว้
2. ใส่น้ำลงในหม้อ ตามด้วยซีอิ๊วขาว กระเทียมดอง พริกไทยเม็ด รากผักชี และขิงแก่ทุบ นำขึ้นตั้งไฟต้มจนเดือด ใส่เต้าเจี้ยวลงในอ่างผสมทั้งน้ำและเนื้อ (ไม่ต้องบด)
3. ซอยมันหมูเป็นแผ่นบาง ๆ เตรียมไว้
4. พอน้ำที่ต้มไว้เดือด ใส่เต้าเจี้ยวและมันหมูลงต้มสักครู่ จากนั้นใส่ปลาตะเพียนลงต้มแค่พอปลาสุก (เพื่อรักษาความหวานของปลาไว้)
5. ตักปลาใส่จานปลาแป๊ะซะ (ถ้าเป็นชามธรรมดาตัวปลาจะยาวกว่า อาจจะต้องแบ่งครึ่งตัวปลา) โรยหน้าด้วยขิงซอยฝอย พริกชี้ฟ้า ต้นหอม และผักชี เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปที่ต้มไว้
ลองส่องเมนูปลาน้ำจืดแล้วลิสต์รายชื่อเมนูปลาที่อยากกินออกมานี่ไม่ต่ำกว่าสิบอย่าง จากนี้ขอไปเลือกเมนูสำหรับทำมื้อเย็นนี้ก่อนนะคะ ส่วนพรุ่งนี้ค่อยเลือกกันใหม่ รับรองทำครบทุกเมนูแน่นอนค่ะ
สนใจให้ Kapook.com แนะนำการทำอาหารด้วยเครื่องปรุง ของใช้ในครัว หรืออื่น ๆ รับทำการตลาดด้วย Social Network, Content Marketing