สูตรขนมไทยจากแป้งข้าวเหนียว
1. ขนมเทียน
ส่วนผสม แป้งขนมเทียน
- แป้งข้าวเหนียว 500 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 200-300 กรัม (ปรับความหวานได้ตามชอบ)
- น้ำเปล่า 350 มิลลิลิตร
- หญ้าชิวคัก 30 กรัม
ส่วนผสม ไส้ขนมเทียน (ไส้เค็ม)
- ถั่วเขียวซีกเราะเปลือก 1 กิโลกรัม
- กระเทียม
- พริกไทย
- น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
- เกลือป่น (สำหรับปรุงรส)
- น้ำตาลทราย (สำหรับปรุงรส)
วิธีทำแป้งขนมเทียน
1. ล้างหญ้าชิวคักให้สะอาด จากนั้นนำไปแช่น้ำประมาณ 30 นาที จนหญ้านิ่ม ล้างอีกครั้งแล้วบีบให้แห้ง นำไปปั่นจนละเอียด เตรียมไว้
2. ใส่หญ้าสับลงในแป้งข้าวเหนียว ใส่น้ำตาลปี๊บลงไป ค่อย ๆ เทน้ำลงไปทีละนิดแล้วนวดจนส่วนผสมเข้ากันดี (ระวังไม่เหลวและไม่หนืดจนเกินไป) พักแป้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง
วิธีทำไส้ขนมเทียนเค็ม
1. ล้างถั่วเขียวซีกเราะเปลือกให้สะอาด แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือข้ามคืน จากนั้นนำไปนึ่งจนสุก พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
2. โขลกกระเทียมกับพริกไทยเข้าด้วยกันจนละเอียด ใส่ถั่วเขียวนึ่งลงโขลกพอหยาบ
3. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่ส่วนผสมไส้ลงผัดจนหอม ปรุงรสด้วยเกลือป่นและน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ให้มีรสหวาน เค็ม เผ็ด ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น ปั้นเป็นก้อนกลม เตรียมไว้
วิธีห่อขนมเทียน
2. จับใบตองให้เป็นทรงกรวย ใส่ไส้ที่ปั้นไว้ลงไป ตักส่วนผสมแป้งใส่ จากนั้นห่อให้สวยงาม เรียงลงในชุดนึ่ง
3. นำขนมไปนึ่งด้วยไฟแรงที่มีน้ำเดือดพล่าน นึ่งนานประมาณ 30 นาที จนขนมสุก ปิดไฟ นำออกจากชุดนึ่ง
2. บัวลอยเผือก
ส่วนผสม บัวลอยเผือก
- แป้งข้าวเหนียว 150 กรัม
- แป้งมัน 50 กรัม
- เผือกนึ่งสุก 250 กรัม
- หัวกะทิ 50 กรัม
- น้ำเย็นจัดเล็กน้อย
ส่วนผสม กะทิ
- หัวกะทิ 1 ลิตร
- น้ำมะพร้าวหรือหางกะทิ 500 กรัม
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- ใบเตย
- น้ำตาลทราย 125 กรัม
- มะพร้าวอ่อนหั่นเส้น 200 กรัม
วิธีทำบัวลอยเผือก
2. ทำกะทิโดยใส่หัวกะทิ น้ำมะพร้าวหรือหางกะทิ เติมเกลือลงในหม้อ ใช้ไฟอ่อน คนจนเกลือละลาย พอร้อนช้อนหัวกะทิลอยหน้าออก 1 ถ้วย ใส่ใบเตยลงไป พอกะทิเริ่มเดือดใส่แป้งบัวลอย พอเดือดอีกครั้งใส่น้ำตาลทราย ใส่หัวกะทิที่ตักแยกไว้ ตามด้วยมะพร้าวอ่อน คนพอเข้ากัน ตักเสิร์ฟ
3. ขนมเหนียว
ส่วนผสม น้ำเชื่อม
- น้ำตาลปี๊บ 200 กรัม
- น้ำเปล่า 100 กรัม
ส่วนผสม ขนมเหนียว
- แป้งข้าวเหนียว 250 กรัม
- น้ำเปล่า 300 กรัม
- สีผสมอาหารตามชอบ
- น้ำเปล่า
- ใบเตย
- ข้าวพอง
ส่วนผสม สำหรับคลุกแป้ง
- มะพร้าวขูดขาว
- เกลือนิดหน่อย
วิธีทำขนมเหนียว
2. ทำแป้งขนมโดยนำแป้งผสมกับน้ำเปล่า นวดผสมกันให้แป้งนิ่มไม่ติดมือ ใส่สีผสมอาหารตามชอบ คลึงให้เป็นเส้นยาว แล้วตัดเป็นชิ้นยาวพอดีคำ
3. นำมะพร้าวขูดขาวไปนึ่งประมาณ 5-10 นาที หลังจากนั้นยกลงใส่ถาดโรยเกลือเล็กน้อยเตรียมสำหรับคลุกแป้ง
4. ต้มขนมโดยนำน้ำเปล่าใส่หม้อพร้อมใบเตย ตั้งไฟให้เดือดให้หอมกลิ่นใบเตย หลังจากนั้นนำแป้งที่ตัดไว้ใส่ลงไปต้มให้สุก ถ้าสุกแป้งจะลอยขึ้นมา
5. ตักแป้งขึ้นคลุกด้วยมะพร้าวขูด จัดใส่จานตักเสิร์ฟพร้อมข้าวพองและน้ำเชื่อมที่เคี่ยวไว้
4. ขนมโคกะทิสดไส้มันม่วง
ถ้าหากินยากหรือไม่เคยกิน อยากให้ลองทำขนมโคกะทิสดไส้มันม่วง สูตรจาก คุณ sujitrar สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม แป้งนุ่มเหนียวสอดไส้มันม่วง ราดกะทิโรยงาคั่วหอม ๆ
ส่วนผสม ไส้มันม่วง
- มันม่วงนึ่งสุก 320 กรัม
- กะทิ 150 กรัม
- น้ำตาลทราย 100 กรัม
ส่วนผสม ขนมโค
- แป้งข้าวเหนียว 150 กรัม (สำหรับทำแป้ง 2 สี)
- น้ำดอกอัญชัน 90 มิลลิลิตร
- น้ำเปล่า 90 มิลลิลิตร
ส่วนผสม กะทิสด
- กะทิ 350 กรัม
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 80 กรัม
- งาขาวหรืองาดำคั่ว
วิธีทำขนมโคกะทิสดไส้มันม่วง
1. ทำไส้มันม่วงโดยนำมันม่วงปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นแล้วนำไปนึ่งจนสุก หลังจากสุกนำมาบดให้ละเอียดเติมน้ำตาลทราย และกะทิลงไป คนให้เข้ากัน เทใส่กระทะ กวนให้แห้ง พักให้เย็น แล้วปั้นเป็นก้อนกลม และคั่วงาให้หอม
2. ทำแป้งขนมโดยแบ่งแป้งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกผสมแป้งและน้ำอัญชัน นวดให้แป้งนิ่มพร้อมปั้นก้อน อีกส่วนหนึ่งผสมแป้งและน้ำเปล่า นวดให้แป้งนิ่ม ปั้นแป้งเป็นก้อนแล้วกดให้แบน ใส่ไส้มันม่วงแล้วห่อไม่ให้แป้งแตกเห็นไส้
3. ทำกะทิสดโดยต้มน้ำกะทิ ใส่น้ำตาลทรายกับเกลือลงไป ต้มด้วยไฟอ่อนจนน้ำตาลละลายแล้วปิดไฟ
4. ต้มขนมโดยนำน้ำเปล่าใส่หม้อ ต้มจนเดือด แล้วใส่แป้งที่ปั้นไว้ต้มให้สุก สังเกตว่าถ้าแป้งลอยแสดงว่าสุกแล้ว ให้ตักใส่หม้อกะทิ ตักเสิร์ฟ โรยงา
5. ขนมไข่ปลา
ส่วนผสม ขนมไข่ปลา
- ฟักทองสุกบด 320 กรัม
- แป้งข้าวเหนียว 200 กรัม
- แป้งข้าวเจ้า 50 กรัม
- แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- น้ำมะพร้าว หรือน้ำกะทิ หรือน้ำเปล่า 50 มิลลิลิตร
ส่วนผสม น้ำเชื่อม
- น้ำตาลทราย 400 กรัม
- น้ำเปล่า 800 มิลลิลิตร
- ใบเตย 4-5 ใบ
- งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
- มะพร้าวทึนทึกขูด
วิธีทำขนมไข่ปลา
1. ปอกเปลือกฟักทอง หั่นและล้างให้สะอาด ใส่จาน และนำไปนึ่งให้สุก นำลงใส่กะละมัง แล้วบดให้เละ และพักไว้ให้เย็น หลังจากเย็นตัวแล้ว ให้ผสมฟักทอง แป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน เกลือ และน้ำตาลทราย หลังจากนั้นคลุกให้เข้ากัน เติมน้ำมะพร้าว แล้วนวดส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ให้เป็นเนียน
2. ทำน้ำเชื่อมโดยนำน้ำใส่หม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย และใบเตย ตั้งด้วยไฟปานกลางจนหอมจึงตักใบเตยออก (หรือจะยังไม่ตักออกก็ได้)
3. ระหว่างรอน้ำเชื่อมเดือด ให้ปั้นแป้งเป็นรูปไข่ปลาสลิดเตรียมไว้ (หรือจะปั้นไปต้มไปก็ได้) เมื่อปั้นแป้งเสร็จแล้ว ให้นำลงต้มในน้ำเชื่อมที่เดือด รอจนตัวไข่ปลาลอยใส จึงตักขึ้น
4. จัดใส่จานเสิร์ฟ พร้อมโรยมะพร้าวทึนทึกขูด และงาขาวคั่ว (มะพร้าวทึนทึกควรคลุกกับเกลือเล็กน้อยก่อนนำไปโรยหน้าขนม)
6. บัวลอยฟักทอง
ส่วนผสม บัวลอยฟักทอง
- แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง
- ฟักทอง (นึ่งสุกบดละเอียด) 1/2 ถ้วยตวง
- น้ำร้อน 6 ช้อนโต๊ะ
- แป้งข้าวเหนียว (สำหรับทำแป้งนวล)
- น้ำสำหรับต้มแป้ง
- น้ำเย็น (สำหรับแช่เม็ดแป้ง)
- ไข่ไก่
ส่วนผสม กะทิ
- กะทิ (ความเข้มข้นปานกลาง) 2 ถ้วยตวง
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่นหยาบ 3/4 ช้อนชา
- เนื้อมะพร้าวเผา หรือเนื้อมะพร้าวอ่อน (หั่นเป็นเส้น) 1/2 ถ้วยตวง
- ใบเตย 2 ใบ
- หัวกะทิ 1/4 ถ้วยตวง
วิธีทำบัวลอยฟักทอง
1. ผสมแป้งข้าวเหนียวกับฟักทองบดละเอียด และน้ำร้อน นวดเข้าด้วยกันจนเนียนและปั้นเป็นก้อนได้
2. ปั้นแป้งเป็นก้อนกลม โรยแป้งนวลลงไปเล็กน้อย ปั้นจนหมด (เพื่อไม่ให้แป้งติดกัน)
3. ต้มน้ำพอเดือด นำเม็ดแป้งลงต้มจนสุกลอยขึ้นมา ตักขึ้นแล้วนำไปแช่ในน้ำเย็นพอคลายความร้อน เสร็จแล้วตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
4. ใส่กะทิลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย เกลือป่น เนื้อมะพร้าวเผา และใบเตยลงไปต้มพอเดือด เติมหัวกะทิลงไป
5. ใส่แป้งบัวลอยลงในหม้อคนให้เข้ากัน พอเดือดเล็กน้อยยกลง ตักใส่ถ้วย
6. ตอกไข่ไก่ใส่ถ้วย ค่อย ๆ เทลงในหม้อน้ำกะทิ รอจนไข่สุกตามชอบ จากนั้นตักใส่ลงในถ้วยบัวลอย พร้อมเสิร์ฟ
7. บัวลอยไส้มันม่วง
บัวลอยเม็ดเล็กคงต้องชิดซ้ายให้กับบัวลอยไส้มันม่วง สูตรจาก คุณ Kitty Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับแป้งข้าวเหนียวใส่สีตามชอบ สอดไส้มันม่วงบด ราดน้ำกะทิหรือน้ำขิงได้ตามชอบเลยค่ะ
ส่วนผสม บัวลอยไส้มันม่วง
- มันม่วงญี่ปุ่น
- แป้งข้าวเหนียว
- สีผสมอาหาร
ส่วนผสม น้ำขิง
- ขิง
- น้ำตาลทรายแดง
- เกลือ
- น้ำ
ส่วนผสม น้ำกะทิ
- กะทิ
- น้ำตาลทรายขาว
- เกลือ
วิธีทำบัวลอยไส้มันม่วง
2. เทแป้งข้าวเหนียวใส่ในภาชนะ ทำหลุมตรงกลางแล้วค่อยใส่น้ำ นวดไปเรื่อย ๆ จนแป้งจับตัวเป็นก้อนไม่ติดมือ แบ่งใส่สี 2 สี นวดต่อจนสีเนียนสวยปั้นแป้งเป็นก้อนกลม รีดแป้งให้บางแล้วใส่ไส้มันม่วงคลึงให้กลม
3. ตั้งน้ำให้เดือด ต้มแป้งให้สุก เมื่อแป้งสุกดีแล้วแป้งจะลอยขึ้น ตักขึ้นน็อกน้ำเย็น
4. ทำน้ำขิงโดยต้มน้ำให้เดือดใส่ขิง น้ำตาลทรายแดง และเกลือ ชิมรสตามใจชอบ แล้วตักแป้งบัวลอยใส่ในหม้อ รอน้ำขิงเดือดก็เสร็จ ตักกินร้อน ๆ ได้
5. ทำน้ำกะทิโดยต้มกะทิให้เดือด ใส่เกลือและน้ำตาลทราย ใส่แป้งบัวลอย รอให้กะทิเดือด
8. บัวลอยถั่วเขียว
ส่วนผสม บัวลอยถั่วเขียว
- แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วย
- ถั่วเขียวเราะเปลือก (ถั่วทอง) 1/3 ถ้วย
- กะทิ 2 ถ้วย
- เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
- น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย (ในสูตรใช้น้ำตาลโตนด)
- น้ำ 1/4 ถ้วย
วิธีทำบัวลอยถั่วเขียว
1. ล้างถั่วเขียวให้สะอาดแล้วแช่ในน้ำอุ่นประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นนำไปนึ่งให้สุกแล้วบดให้ละเอียด
2. ใส่แป้งข้าวเหนียวลงในส่วนผสมถั่วบด ค่อย ๆ เทน้ำใส่ลงไปทีละน้อย นวดแป้งจนนุ่มพอปั้นได้ จากนั้นปั้นเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ เตรียมไว้
3. ทำกะทิโดยผสมกะทิ 1/2 ถ้วยกับน้ำตาลปี๊บและเกลือ นำขึ้นตั้งไฟพอเดือด หมั่นคนอย่าให้จับตัวเป็นก้อน ยกลงจากเตา เตรียมไว้
4. ต้มน้ำด้วยไฟแรงจนเดือด ใส่บัวลอยถั่วเขียวที่ปั้นไว้ลงต้มพอสุกจะลอยขึ้นมา จากนั้นตักใส่ในส่วนผสมกะทิเมื่อครู่ ยกขึ้นตั้งไฟ ใส่กะทิที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง ต้มให้เดือดอีกครั้ง ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
9. บัวลอยน้ำขิงไส้งาดำ
เอาใจคนรักสุขภาพกับเมนูบัวลอยน้ำขิงไส้งาดำ มาพร้อมวิธีทำไส้งาดำและน้ำขิงรสเผ็ดร้อน กินแล้วชุ่มคอชื่นใจดีจริง
ส่วนผสม แป้งบัวลอย
- แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
- แป้งถั่วเขียว 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
- ผงแป้งข้าวเหนียวเล็กน้อย (สำหรัยโรยแป้ง)
ส่วนผสม ไส้บัวลอยงาดำ
- งาดำป่น 1 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
- เนยถั่วชนิดหยาบ 170 กรัม
ส่วนผสม น้ำขิง
- น้ำเปล่า 5 ถ้วย
- น้ำตาลอ้อย 1 ถ้วย
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- ขิงแก่เผาไฟ 3-4 ชิ้น
วิธีทำบัวลอยน้ำขิง
2. ทำแป้งสำหรับห่อบัวลอย โดยใสแป้งถั่วเขียวและแป้งข้าวเหนียวลงในอ่างผสม ตามด้วยน้ำเปล่า นวดจนแป้งเนียน และปั้นเป็นก้อนได้
3. ทำน้ำขิง โดยต้มน้ำให้เดือด ใส่ขิงลงไป ตามด้วยน้ำตาลอ้อย รอห้เดือดประมาณ 5 นาที ปิดไฟ
4. ปั้นแป้งเป็นแผ่นกลม ๆ กดให้แบน วางไส้ขนมลงไปแล้วห่อให้มิด นำไปคลุกลงผงแป้งข้าวเหนียว เตรียมไว้
5. นำหม้อน้ำขิงขึ้นตั้งไฟให้เดือดอีกครั้ง ใส่แปะก๊วยลงไป ตามด้วยแป้งบัวลอยลงไปต้มจนสุกลอยขึ้น ตักเสิร์ฟ พร้อมปาท่องโก๋กรอบ
10. ขนมต้ม
ส่วนผสม ไส้ขนมต้ม (ไส้มะพร้าวผัด)
- มะพร้าวทึนทึกขูด 250 กรัม
- น้ำตาลมะพร้าว 160 กรัม
- น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วย
ส่วนผสม แป้งขนมต้ม
- แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย
- น้ำใบเตย หรือสีอื่น ๆ ตามชอบ 1 ถ้วย
ส่วนผสม มะพร้าวสำหรับคลุก
- มะพร้าวทึนทึกขูด 4 ถ้วย
- เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำขนมต้ม
2. ทำแป้งขนมต้มโดยเทแป้งใส่อ่างผสม ค่อย ๆ เติมน้ำใบเตยลงไป นวดผสมจนเนื้อเนียน
3. ตั้งหม้อเติมน้ำเปล่าใส่ใบเตยเพิ่มความหอม ต้มจนเดือด นำแป้งมาห่อไส้ขนมปั้นให้เป็นก้อนกลมแล้วใส่ลงไปต้มจนสุกลอยขึ้น เสร็จแล้วเอาไปคลุกกับมะพร้าวขูดผสมเกลือให้ทั่ว จัดเสิร์ฟ
11. เสน่ห์จันทร์
ส่วนผสม เสน่ห์จันทร์
- แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย
- แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย
- ผงจันทน์เทศป่น 1 ช้อนชา
- หัวกะทิ 8 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 4 ถ้วย
- ไข่แดง 8 ฟอง
- น้ำตาลปี๊บ สำหรับทำขั้วผลจันทร์
- เทียน สำหรับอบขนม
วิธีทำเสน่ห์จันทร์
1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว และผงจันทน์เทศป่นเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
2. นำหัวกะทิและน้ำตาลทรายใส่หม้อ ตั้งไฟอ่อน คนจนน้ำตาลละลาย แล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง และนำไปผสมกับแป้งที่เตรียมไว้ นำไปตั้งบนไฟอ่อน ค่อย ๆ กวนจนส่วนผสมข้น ยกลง
3. ใส่ไข่แดงลงไป คนให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งบนไฟอ่อน กวนต่อจนส่วนผสมเหนียวพอปั้นได้ ปิดไฟ
4. ปั้นเป็นทรงกลมคล้ายผลจันทร์ แต่งขั้วด้วยน้ำตาลปี๊บเคี่ยว นำไปอบควันเทียนจนหอม แต่ถ้าใครใช้กะทิอบควันเทียนอยู่แล้วไม่ต้องไปอบซ้ำ
12. ทองชมพูนุท
วันพิเศษมาทำขนมมอบให้คนสำคัญกัน ขอแนะนำทองชมพูนุท สูตรจาก คุณ Poppy farm สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ขนมสีชมพูลายดอกไม้ รสหวานนุ่มหอมควันเทียน
ส่วนผสม ทองชมพูนุท
- แป้งข้าวเจ้า 60 กรัม
- แป้งข้าวเหนียว 15 กรัม
- น้ำตาลทราย 85 กรัม
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- กะทิ 115 กรัม
- ไข่แดง (ไข่ไก่) 2 ฟอง
- สีผสมอาหารสีชมพู
วิธีทำทองชมพูนุท
1. ผสมของแห้ง ได้แก่ แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว น้ำตาลทราย และเกลือ คนให้เข้ากัน แบ่งใส่กะทิ 2-3 รอบ แล้วคนให้ส่วนผสมมีเนื้อเนียน กรองส่วนผสมผ่านกระชอน นำส่วนผสมขึ้นตั้งไฟ กวนด้วยไฟอ่อน เมื่อส่วนผสมเริ่มจับตัวเป็นก้อนให้ปิดไฟ
2. ใส่ไข่แดง แล้วคนส่วนผสมให้เนียนเข้ากันดี เปิดไฟอีกครั้ง กวนต่อด้วยไฟอ่อน เมื่อส่วนผสมไม่ค่อยติดกระทะแล้ว ให้หยดสีชมพู ลงไป 2-3 หยด กวนต่อไป (กวนพร้อมบี้แป้งไปด้วย) กวนต่อจนส่วนผสมร่อนออกมาจากกระทะและไม่ติดพาย นำขนมมาผึ่งให้เย็นลง โดยใช้พายตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้ขนมระบายความร้อน
3. เมื่อขนมเย็นแล้ว นำมากดลงพิมพ์ โดยควรกดให้แน่น จะทำให้ขนมที่ได้มีลายคมชัด สวยงาม แล้วค่อย ๆ แกะออกจากพิมพ์ โดยดึงขอบพิมพ์ (ในกรณีที่เป็นพิมพ์ซิลิโคนสามารถดึงได้) แล้วเอานิ้วโป้งกดตรงกลางพิมพ์ให้ขนมค่อย ๆ หลุดออกมา
4. ถ้าใครมีพิมพ์ทองเอก สามารถนำมาใช้ได้นะคะ แต่ตอนเอาขนมออกจากพิมพ์อาจจะต้องเคาะแรงนิดหนึ่ง เสร็จแล้วนำไปอบควันเทียนเพิ่มความหอม แต่ถ้าใครใช้กะทิอบควันเทียนอยู่แล้วก็สบายเลย ไม่ต้องอบซ้ำ
13. ขนมงาทอดไส้มันม่วง
ส่วนผสม ขนมงาทอดมันม่วง
- มันม่วงนึ่งสุก 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
- นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
- แป้งข้าวเหนียว 200 กรัม
- น้ำ 160 กรัม
- งาขาว
- น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
วิธีทำขนมงาทอดมันม่วง
1. มันม่วงล้างให้สะอาด ปอกเปลือกและหั่น นำไปนึ่งให้สุก ใช้ส้อมบดมันม่วงให้ละเอียดแล้วใส่น้ำตาลทรายกับนมข้นหวาน ผสมให้เข้ากันดี ปั้นเป็นก้อนกลม
2. เอาแป้งข้าวเหนียวนวดกับน้ำ เตรียมไว้ และทาน้ำมันลงบนถาด โรยด้วยงาขาว
3. ปั้นแป้งใส่ไส้มันม่วงแล้วกดให้แบน นำไปคลุกงาขาว ทอดด้วยไฟอ่อน-ไฟกลางจนแป้งสุก
14. ขนมเข่งมะพร้าวอ่อน
ส่วนผสม ขนมเข่งมะพร้าวอ่อน
- แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย
- น้ำมะพร้าวหรือน้ำเปล่า 1+1/3 ถ้วย
- มะพร้าวอ่อน 1 ลูก
- มะพร้าวอ่อนแบบแห้ง หรือมะพร้าวเผาขูด 2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
- เกลือ 1 หยิบมือ
- สีผสมอาหารสีแดง
วิธีทำขนมเข่งมะพร้าวอ่อน
2. เปิดมะพร้าวออก [คลิก วิธีเปิดมะพร้าว] เทน้ำมะพร้าวออกจากลูกมะพร้าว ถ้าเป็นมะพร้าวอ่อนแบบแห้งควรชิมน้ำก่อนว่ามีรสชาติเปรี้ยวไหม เทน้ำมะพร้าวใส่หม้อ และใช้ที่ขูดมะพร้าวหรือช้อนขูดเนื้อมะพร้าว ใส่อีกหม้อ เตรียมไว้
3. เติมน้ำตาลทรายและเกลือป่นเพื่อให้รสชาติกลมกล่อมมากขึ้น เติมน้ำมะพร้าวเล็กน้อย นวดพอน้ำตาลละลาย
4. ผสมแป้งข้าวเหนียวกับน้ำมะพร้าวที่เหลือ ใส่มะพร้าวขูดที่เตรียมไว้ นวดผสมให้เข้ากัน ถ้าแป้งแห้งเกินไปใส่น้ำเปล่าเพิ่มได้ นวดจนแป้งมีลักษณะใสกว่านมข้นหวานเล็กน้อย ตักส่วนผสมใส่กระทง
5. ตั้งชุดนึ่งใช้ไฟกลางค่อนไปทางสูง พอน้ำเดือดวางขนมเรียงลงในชุดนึ่ง นานประมาณ 40 นาที เช็กความสุกด้วยไม้เสียบลูกชิ้นจิ้มลงไป ถ้าแป้งไม่ติดขึ้นมาแสดงว่าแป้งสุก พักไว้จนเย็น สุดท้ายแต้มสีแดงตรงกลางขนม
15. ขนมบ้าบิ่น
ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อนก็กินบ่อยแล้ว ลองมาทำขนมบ้าบิ่น สูตรจาก คุณ sujitrar สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรโบราณใส่มะพร้าวขูด เติมความหวานจากน้ำตาลทราย จะอบด้วยเตาอบหรือเตาแก๊สก็ได้เช่นกัน
ส่วนผสม ขนมบ้าบิ่น
- น้ำเปล่า หรือน้ำลอยดอกมะลิ 80 มิลลิลิตร
- กลิ่นมะลิ 4-5 หยด
- แป้งข้าวเหนียว 120 กรัม
- มะพร้าวทึนทึกขูด 280 กรัม
- น้ำตาลทราย 100 กรัม (หากไม่ชอบหวานลดได้)
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 1 ฟอง
วิธีทำขนมบ้าบิ่น
1. นำกลิ่นมะลิใส่ลงในน้ำเปล่า พักไว้ (หรือใช้น้ำลอยดอกมะลิก็ได้ โดยนำมะลิมาลอยน้ำไว้ 1 คืน ควรเป็นมะลิที่ปลูกเอง ไม่ควรใช้มะลิซื้อ)
2. นำแป้ง มะพร้าว และน้ำตาลทราย ใส่รวมกันลงในชามผสม หลังจากนั้นใส่เกลือ แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน
3. ตีไข่ไก่ให้แตกแล้วใส่ลงในชามผสม แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทยอยใส่น้ำลอยดอกมะลิหรือน้ำที่ผสมกลิ่นมะลิลงไป ทยอยใส่สลับกับการคลุกเคล้าให้เข้ากัน
4. นำลงกระทะตั้งไฟอ่อน ผัดแค่พอสุกประมาณ 50% (ผัดเพื่อร่นระยะเวลาในการอบให้สุกไว้ขึ้น) หรือจะนำไปอบเลยก็ได้เช่นกัน แต่จะใช้เวลาในการอบค่อนข้างนาน นำน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันพืชทาให้ทั่วถาด ตักขนมที่ผัดไว้ใส่ถาด ตามสูตรจะใส่ได้ 3 ถาด (ถาดที่ใช้เป็นถาดขนมหม้อแกง)
วิธีอบด้วยเตาอบ
- นำ 2 ถาดเข้าอบในเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง 50 นาที (แล้วแต่เตา) อบจนเหลืองสุก
วิธีอบด้วยเตาแก๊ส
- ส่วนอีก 1 ถาด สามารถนำไปอบที่เตา DIY หรือเตาแก๊สได้เช่นกัน โดยวางตะแกรงลงในหม้อ หลังจากนั้นนำถาดขนมวาง ปิดฝาหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน อบประมาณ 50 นาที หรือจนกว่าจะเหลืองสุก ระหว่างอบเปิดดูได้
สูตรขนมจากแป้งข้าวเหนียวอื่น ๆ
16. โมจิโรล
หลังจากทำขนมไทยจากแป้งข้าวเหนียวมาเยอะแล้ว ลองมาทำขนมญี่ปุ่นกันบ้างดีไหม ขอแนะนำโมจิโรล สูตรจาก คุณ sujitrar สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มีทั้งรสโกโก้และรสชาเขียว อร่อยนุ่มหอมงาคั่ว ทั้งนี้สามารถปรับเปลี่ยนรสชาติตามชอบ
ส่วนผสม แป้งโมจิ
- แป้งข้าวเหนียว 260 กรัม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 70 กรัม
- น้ำตาลทราย 160 กรัม
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- ผงมัทฉะ 2 ช้อนชา
- กะทิ 480 มิลลิลิตร (ปรับเพิ่ม-ลดได้ตามความข้นของแป้ง)
- ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ
- งาขาวคั่ว
วิธีทำโมจิโรลชาเขียวและโกโก้
1. นำแป้งทั้งสองชนิดใส่ลงชามผสม ตามด้วยน้ำตาลทรายกับเกลือ คนให้เข้ากัน ค่อย ๆ ทยอยใส่กะทิสลับกันการคนให้เข้ากัน ทยอยใส่จนกะทิหมด เมื่อคนเข้ากันจนแป้งเนียนดีแล้วให้แบ่งแป้งเป็น 4 ถ้วยเท่า ๆ กัน
2. ใส่ผงมัทฉะลงในถ้วย ตามด้วยน้ำเปล่านิดหน่อย คนผสมให้มัทฉะละลาย แล้วใส่ลงในแป้ง 1 ถ้วย คนให้เข้ากัน
3. นำผงโกโก้ใส่ลงในถ้วย ใส่น้ำเปล่านิดหน่อย คนให้เข้ากัน แล้วเทใส่ลงในแป้งอีก 1 ถ้วย คนผสมให้เข้ากันดี จะได้แป้งสีขาว 2 ถ้วย อีก 2 ถ้วย เป็นแป้งที่ผสมมัทฉะ และผงโกโก้
4. เทน้ำมันใส่ลงถาด (ในสูตรขนาด 6x6 นิ้ว) ทาน้ำมันให้ทั่วถาด เทแป้งสีขาวลงไปไม่ต้องหนามาก เอาไปนึ่งประมาณ 5 นาที
5. หลังจากแป้งชั้นแรกนึ่งครบเวลา ใส่แป้งที่ผสมโกโก้ไว้ลงไปเป็นชั้นที่สอง เอาไปนึ่งต่ออีก 10 นาที หลังจากสุกดีแล้ว นำออกจากถาด ม้วนให้เป็นลักษณะโรลตามภาพ แล้วคลุกเคล้าด้วยงาให้ทั่ว
6. สำหรับรสชาเขียวก็ทำวิธีเดียวกันคือ นำแป้งสีขาวใส่ลงถาด เอาไปนึ่งประมาณ 5 นาที หลังจากนั้นใส่แป้งชั้นที่ 2 เป็นแป้งที่ผสมมัทฉะไว้ เอาไปนึ่งต่ออีก 10 นาทีจนสุก หลังจากนั้นม้วนโรล แล้วคลุกงาให้ทั่วโรล เสร็จแล้วตัดชิ้น เสิร์ฟได้เลย
17. โมจิแมวน้ำ
มาต่อกันที่อีกสูตรโมจิน่ารัก ๆ นั่นคือ โมจิแมวน้ำ สูตรจาก คุณแขมร อินเตอร์ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม แป้งโมจิทำจากแป้งข้าวเหนียวใส่นมข้นหวานกับนมสด สอดไส้ถั่วแดงกวนกับถั่วเขียว
ส่วนผสม โมจิแมวน้ำ
- แป้งข้าวเหนียว (สำหรับแป้งนวล) 80 กรัม
- แป้งข้าวเหนียว 300 กรัม
- นมข้นหวาน 150 กรัม
- นมสด 200 กรัม
- น้ำมันพืช 75 กรัม
- ไส้ถั่วแดงกวนกับไส้ถั่วเขียว หรือไส้ต่าง ๆ ตามชอบ
วิธีทำโมจิแมวน้ำ
2. มาเตรียมในส่วนของแป้งโมจิ โดยเทนมสด นมข้นหวาน น้ำมันพืช และแป้ง ลงในชามผสม คนทุกอย่างให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน เทใส่กระทะและทำการเคี่ยว
3. ใช้ไฟกลางค่อนอ่อนในการผัด เมื่อแป้งเริ่มอุ่นต้องคนตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นลิ่มได้ ผัดจนกระทั่งแป้งใสขึ้น ไม่ติดกระทะ และลองจับขึ้นมาปั้นดู ถ้าไม่ติดนิ้วแสดงว่าใช้ได้แล้ว
4. นำแป้งที่ผัดได้มานวดเบา ๆ ก่อนทำการตัดแบ่งให้ได้ขนาดเท่า ๆ กัน ไส้ที่จะห่อวันนี้มีไส้ถั่วแดงกวนกับไส้ถั่วเขียว
5. เอาแป้งที่ตัดแบ่งไว้นำมาปั้นก้อนกลมและใช้อุ้งมือแผ่ให้แบน หรือจะใช้ที่คลึงช่วย วางไส้ตรงกลางและปิดไส้ให้เรียบร้อย จากนั้นใช้กรรไกรตัดทำหางและครีบ ปั้นแป้งชิ้นเล็ก ๆ มาทำปากหรือจมูก
6. นำช็อกโกแลตละลายไมโครเวฟหรืออย่างอื่นตามชอบมาตกแต่งตา และปากของอุ๋งอุ๋ง แนะนำให้เก็บใส่กล่องให้มิดชิดและเก็บไว้ในตู้เย็นได้ 3-4 วัน
18. คินาโกะโมจิกับถั่วแดง
ส่วนผสม คินาโกะโมจิกับถั่วแดง
- เต้าหู้แบบนิ่ม 150 กรัม
- แป้งข้าวเหนียวสำหรับทำโมจิ 150 กรัม
- ผงถั่วคินาโกะ 9 ช้อนชา (ผงถั่วเหลืองอบ)
- ถั่วแดงกวน 9 ช้อนชา
วิธีทำโมจิ
1. ตีผสมเต้าหู้กับแป้งโมจิให้เข้ากัน ให้มีลักษณะพอปั้นได้
2. นำส่วนผสมแป้งมาปั้นเป็นลูกกลม ๆ ขนาดเท่า ๆ กัน
3. ต้มน้ำในหม้อจนเดือด ใส่โมจิที่ปั้นไว้ลงไปต้มจนโมจิลอยขึ้นมา
4. ตักโมจิที่ลอยขึ้นมาใส่ลงในน้ำเย็น พักไว้
5. ตักโมจิใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผงถั่วคินาโกะและถั่วแดงกวน
19. โมจิไอศกรีม
ส่วนผสม โมจิไอศกรีม
- แป้งข้าวเหนียวญี่ปุ่น (Shiratamako) 100 กรัม
- น้ำ 180 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทรายขาว 55 กรัม
- แป้งข้าวโพด 1/3 ถ้วย
- ไอศกรีมรสต่าง ๆ ตามชอบ
วิธีทำโมจิไอศกรีม
2. ผสมแป้งและน้ำตาลทรายให้เข้ากัน เติมน้ำลงไป คนผสมจนเนียนเข้ากันดี
3. ปิดชามด้วยพลาสติกแรป นำเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟแรง ประมาณ 1 นาที นำออกมาคนให้เข้ากัน
4. ปิดพลาสติกแรปแล้วนำเข้าไมโครเวฟอีก 1 นาที นำออกมาคนผสมจนส่วนผสมจับตัวเป็นก้อน
5. นำเข้าไมโครเวฟอีก 30 วินาที จนแป้งสุกและเป็นสีขาวใส
6. โรยแป้งข้าวโพดลงบนพื้นผิวเตรียมนวดแป้ง วางส่วนผสมแป้งโมจิลงไปตรงกลางแล้วโรยแป้งบาง ๆ ลงบนแป้งโมจิอีกครั้ง จากนั้นค่อย ๆ นวดแป้งให้เป็นแผ่นบาง ๆ นำไปแช่เย็นประมาณ 15 นาที จนแป้งโมจิเซตตัว
7. นำแป้งออกจากตู้เย็นแล้วใช้ที่ตัดคุกกี้รูปวงกลม หรือปากแก้ว กดแป้งออกเป็นแผ่น ๆ (จะได้ประมาณ 12-13 ชิ้น)
8. วางไอศกรีมที่แข็งแล้วลงในแผ่นแป้ง ค่อย ๆ ห่อให้มิด ทำจนหมด นำไปแช่ช่องฟรีซ ก่อนเสิร์ฟให้นำโมจิออกมาวางที่อุณหภูมิห้องประมาณ 1 นาที แป้งโมจิจะนุ่มพอดี