1. กุ้งถัง
ส่วนผสม กุ้งถัง
- กุ้งสด
- ปูม้า
- หอยตลับ
- ปลาหมึก (หั่นแว่น)
- ข้าวโพดดิบ (ล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นท่อนตามขนาดที่ต้องการ)
- น้ำสำหรับต้ม
- เกลือป่น 2 ช้อนชา
- เนยจืด
- มันกุ้งเสวย
- กระเทียมสับ
- น้ำพริกเผา
วิธีทำกุ้งถัง ทะเลถุง
1. ต้มน้ำให้เดือด ใส่เกลือป่นลงไป 1 ช้อนชา ใส่ข้าวโพดลงไปต้ม พอสุกแล้วนำข้าวโพดไปคลุกกับเนยในอ่างผสม โรยเกลือป่นลงไป 1 ช้อนชา
2. ระหว่างที่น้ำยังเดือดอยู่ให้นำของทะเลลงไปลวกให้สุกแล้วสะเด็ดน้ำ
3. ใส่มันกุ้งเสวย กระเทียมสับ และน้ำพริกเผาในอ่างที่ผสมข้าวโพด โดยเอาข้าวโพดออกไปก่อน เหลือเนยที่ยังไม่ละลายทิ้งไว้ คนให้เข้ากัน ใส่อาหารทะเลลงไปคลุก ชิมรสตามชอบ ใส่ข้าวโพดคลุกเนยลงไป เสร็จแล้วเททุกอย่างใส่ในถุง เขย่าคลุก ๆ พักทิ้งไว้สักครู่ให้น้ำซอสซึมเข้าไปในเนื้ออาหารทะเล
2. หนังไก่กรอบ
ส่วนผสม หนังไก่ทอด
- หนังไก่
- พริกไทยป่น
- เกลือ
- แป้งสาลีอเนกประสงค์
- น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
วิธีทำหนังไก่ทอด
1. เอาหนังไก่ไปต้มจนสุก เสร็จแล้วเอามาหั่นตามชอบ
2. ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย หมักทิ้งไว้สักครู่
3. ก่อนทอดนำหนังไก่หมักไปคลุกกับแป้งสาลีอเนกประสงค์บาง ๆ ให้ทั่ว
4. ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปกะให้พอท่วม พอน้ำมันร้อนเอาหนังไก่ไปทอดจนกรอบเหลือง ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟกับซอสพริก
3. ไก่ทอดเกล็ดขนมปัง
ส่วนผสม ไก่ทอดเกล็ดขนมปัง
- อกไก่
- แป้งข้าวโพด
- แม็กกี้
- ซีอิ๊วขาว
- ผงฟู
- ไข่ไก่
- พริกไทยดำ
- เกล็ดขนมปัง
- น้ำมันสำหรับทอด
- ไม้เสียบ
วิธีทำไก่ทอดเกล็ดขนมปัง
1. นำส่วนผสมมาหมักกับเนื้อไก่แล้วคลุกเคล้าให้กัน
2. ใช้ไม้เสียบอกไก่แล้วชุบเกล็ดขนมปัง (รอบนี้ไม่ได้ตวงปริมาณ ใช้วิธีการทอดชิมก่อน 1 ไม้) ทอดไฟกลางหรือไฟแรงจนสุก
4. ไส้กรอกอีสาน
ส่วนผสม ไส้กรอกอีสาน
- หมูและมันหมู 1 กิโลกรัม
- ข้าวสุก 2 ถ้วย (พักไว้จนเย็น)
- ไส้หมูสำหรับยัดไส้ 100 กรัม
- รากผักชี 3 ราก
- กระเทียม 20 กลีบ
- พริกไทยดำ 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ผงปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำไส้กรอกอีสาน
1. นำพริกไทยดำและพริกไทยขาวใส่ลงในครก ใส่กระเทียมสด รากผักชี (ถ้ามี) ตำให้แหลก
2. นำหมูที่บดแล้วมาผสมกับกระเทียม พริกไทย และรากผักชีที่ตำไว้ ปรุงรสด้วยเกลือ ผงปรุงรส และน้ำตาลทราย ผสมให้เข้ากัน นวดไปสักประมาณ 5 นาที ส่วนผสมจะเริ่มเหนียวนิด ๆ ใส่ข้าวหุงสุกลงไป นวดผสมให้เข้ากัน แบ่งส่วนผสมนิดหน่อยไปใส่ไมโครเวฟสักครู่ ชิมรสดูก่อนที่จะยัดเข้าไส้
3. ใช้เครื่องยัดไส้เลย จะสะดวกกว่า ถ้าใครไม่มีใช้ขวดน้ำเปล่า ตัดตัวขวดให้เหลือแค่ตรงปากขวด แล้วเอาไส้มาทำการยัดมือ ใส่ส่วนผสมให้พอหลวม ๆ ไม่ต้องแน่น เดี๋ยวจะแตกเสียก่อน
4. เสร็จแล้วมาทำเป็นข้อกัน โดยจะใช้เชือกผูกก็ได้ เลือกขนาดใหญ่-เล็กตามชอบ ในสูตรไม่ใช้เชือกและไม่ทำแบบยาวมาก ทำเป็นข้อเล็ก ๆ พอคำ โดยบีบไส้ให้เป็นข้อแล้วก็บิด ๆ หมุน ๆ ตัวไส้ก็จะอยู่ ไม่คลายออก ทำเสร็จแล้วก็นำมาผึ่งลมอย่างน้อย 1 วัน ถ้าอยากให้เปรี้ยวก็หลายวันหน่อยก็ได้
5. นำมาย่างไฟอ่อน ๆ คอยพลิกกลับด้านจะได้สุกเท่ากัน ระหว่างย่างจะเห็นว่า ตัวไส้กรอกจะพองและตึงมาก คอยเอาไม้แหลมจิ้มให้อากาศออกและทำให้สุกง่ายไม่แตกด้วย พอย่างสุกทั่วกันแล้ว นำขึ้นมาจากเตาก็เอากรรไกรตัด จัดใส่จานเสิร์ฟ
5. ปลาหมึกย่าง น้ำจิ้มซีฟู้ด
ใครอยากทำเมนูปลาหมึกย่างขายในตลาดกลางคืน เตรียมไปหาซื้อปลาหมึกสดมาหั่นชิ้นกันเลยค่ะ สูตรนี้หมักปลาหมึกกับซีอิ๊วดำหวานและผงขมิ้น มาพร้อมวิธีทำน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ
ส่วนผสม หมักปลาหมึกย่าง
- ปลาหมึกสด
- ผงขมิ้น
- น้ำเปล่า
- ซีอิ๊วดำหวาน
ส่วนผสม น้ำจิ้มซีฟู้ด
- น้ำตาลปี๊บ 500 กรัม
- เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำร้อน 3+1/2 ถ้วย
- น้ำมะนาว 4 ถ้วย
- พริกขี้หนู 200 กรัม
- กระเทียมไทย 200 กรัม
- ผักชี 200 กรัม
วิธีทำน้ำจิ้มซีฟู้ด
2. เทส่วนผสมน้ำที่ผสมไว้ลงในเครื่องปั่น ตามด้วยพริกขี้หนู กระเทียม และผักชี ปั่นให้เข้ากันตามความละเอียดที่ต้องการ ตักใส่ขวดโหลแก้ว หรือภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด
วิธีทำปลาหมึกย่าง
1. ล้างปลาหมึก ควักไส้ ดึงหมึก และลอกหนังดำ ๆ ออกให้สะอาด บั้งตัวปลาหมึกให้สวยงาม หรือหั่นเป็นชิ้นแล้วเสียบไม้ เตรียมไว้
2. ทำน้ำหมักปลาหมึก โดยผสมผงขมิ้น น้ำเปล่า และซีอิ๊วดำหวานเข้าด้วยกัน
3. ใส่ปลาหมึกลงไปหมักจนได้สีที่ต้องการ หรือหมักข้ามคืน โดยนำปลาหมึกใส่ถุงพลาสติกแล้วมัดปากถุงแช่ในถังน้ำแข็ง แล้วเอาน้ำแข็งโปะทับไว้ข้างบนให้ท่วม เก็บได้นาน 3 วัน
4. นำปลาหมึกไปย่างจนสุก เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด
6. เบอร์เกอร์หมู
ส่วนผสม ชีสเบอร์เกอร์หมูโฮมเมด (สำหรับ 2 ที่)
- เนื้อหมูสับ 450 กรัม (เลือกแบบที่มีมันน้อย ๆ)
- หอมใหญ่สับละเอียด
- ไข่แดง
- พริกไทย
- ออริกาโน่
- โรสแมรี่
- ซอสปรุงรส
- มันฝรั่ง
- หอมใหญ่ซอย
- น้ำสต๊อก
- เชดดาร์ชีสแผ่น
- ขนมปังเบอร์เกอร์
- ซอสมะเขือเทศ
- น้ำมันหอย
- น้ำตาลทราย
- มะเขือเทศหั่นแว่น
- ผักกาดแก้ว
วิธีทำชีสเบอร์เกอร์หมูโฮมเมด
1. ผสมเนื้อหมูสับกับหอมใหญ่สับ ไข่แดง พริกไทย ออริกาโน่ โรสแมรี่ และซอสปรุงรส ใช้มือนวดผสมให้เข้ากัน (แต่ไม่ต้องให้เหนียวเด้งเหมือนลูกชิ้น) นำแฮมเบิร์กไปแช่เย็นทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
2. นำมันฝรั่งไปต้มให้พอเกือบสุก ผ่าเป็น 4 ส่วน แล้วนำมาจี่ในกระทะพร้อมหอมใหญ่ โรยเกลือ พริกไทยและออริกาโน่ ผัดหอมใหญ่ให้สุกเหลืองทองแล้วตักขึ้นพักไว้
3. ทอดมันฝรั่งจนสุก เตรียมไว้
4. นำแฮมเบิร์กออกจากตู้เย็น ปั้นเป็นก้อน (โดยใช้มือโยนและตบไปมาทั้งสองมือเพื่อเป็นการไล่อากาศอีกหน่อย) นำไปย่างใช้ไฟเบาจนสุก
5. เทน้ำสต๊อกลงไปแล้วปิดฝา (เพื่อให้ชิ้นหมูไม่แห้งและให้เนื้อในสุกทั่ว ๆ แบบฉ่ำ ๆ น้ำ) พอแฮมเบิร์กเริ่มแห้งและสุกดีแล้วให้โปะชีส พอชีสละลาย ยกขึ้นจากเตา พักไว้
6. ทาเนยที่ขนมปังเบอร์เกอร์แล้วนำไปจี่บนกระทะให้พอกรอบ ๆ
7. ทำซอสบาร์บีคิว โดยใส่ซอสมะเขือเทศกับน้ำมันหอย น้ำตาลทรายเล็กน้อย พริกไทย และโรสแมรี่ (เพิ่มความหอม) ลงในกระทะใบเดิม คนผสมให้เข้ากัน
8. วางผักกาดแก้ว มะเขือเทศ หอมใหญ่ผัด บนขนมปังเบอร์เกอร์ ทับด้วยก้อนแฮมเบิร์กย่าง ราดด้วยซอสบาร์บีคิว ประกบด้วยขนมปังอีกแผ่น จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอด
7. ลูกชิ้นปิ้ง
ส่วนผสม ลูกชิ้นปิ้ง
- ลูกชิ้นตามชอบ เสียบไม้
- น้ำจิ้มลูกชิ้น
ส่วนผสม น้ำจิ้มลูกชิ้น
- พริกขี้หนู 8 เม็ด
- กระเทียมกลีบใหญ่ 8 กลีบ
- กระเทียมดอง 3 หัว
- น้ำตาลปี๊บ 1+1/2 ถ้วย
- น้ำมะขามเปียก 1+1/2 ถ้วย
- เกลือ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสพริกศรีราชา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำกระเทียมดอง 3 ช้อนโต๊ะ
- แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น 1 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้)
วิธีทำน้ำจิ้มลูกชิ้น
1. นำพริกขี้หนู กระเทียม และกระเทียมดองไปปั่นรวมกัน พักไว้
2. ใส่น้ำตาลปี๊บลงในหม้อ เปิดเตาใช้ไฟอ่อน ใส่น้ำมะขามเปียกลงไป คนให้เข้ากันจนน้ำตาลปี๊บละลาย ใส่เกลือลงไป ตามด้วยซอสพริกศรีราชากับน้ำกระเทียมดอง
3. เอาพริกตำหรือปั่นมาใส่ในหม้อ คนผสมให้เข้ากัน รอให้เดือดแล้วชิมรสตามชอบ
4. ใส่แป้งข้าวโพดละลายน้ำ ใส่ลงไปพอให้เหนียวนิด ๆ เพราะพอเย็นตัวลงแล้วจะเหนียวมากกว่านี้ ปิดเตา พักน้ำจิ้มให้เย็นสนิท สุดท้ายใส่ผักชีซอย เสิร์ฟกับลูกชิ้นปิ้งเสียบไม้
8. ลูกชิ้นทอด
ส่วนผสม ลูกชิ้นปลาระเบิด
- ลูกชิ้นปลาระเบิด (แบบกลมหรือแบบรักบี้) 1 ถุง
- น้ำมันพืช 1 ลิตร
ส่วนผสม น้ำจิ้มมะขามเปียก
- น้ำมะขามเปียก 1 ถ้วย
- พริกแห้งแช่น้ำหั่นครึ่ง 1/2 ถ้วย
- น้ำกระเทียมดอง 1/2 ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย
- ซอสมะเขือเทศ 1/2 ถ้วย
- ซอสพริก 1/2 ถ้วย
- เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า
วิธีทำลูกชิ้นปลาระเบิด
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันรอจนร้อน ใส่ลูกชิ้นปลาลงไปทอด กะปริมาณลูกชิ้นพอกับน้ำมัน ปิดฝา รอจนลูกชิ้นพองขึ้นมาจนหมด น้ำมันจะได้ไม่กระเด็น เปิดฝา ทอดต่อจนกรอบตามต้องการ ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน ตักใส่ภาชนะ
2. ทำน้ำจิ้มโดยนำพริกแห้งหั่นครึ่งแล้วไปปั่นจนละเอียด เทใส่หม้อ ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำกระเทียมดอง น้ำมะขามเปียกแบ่งใส่ เกลือ ซอสพริก และซอสมะเขือเทศ เติมน้ำสะอาดเล็กน้อย นำไปตั้งไฟรอจนเดือด และเคี่ยวต่ออีกประมาณ 20 นาทีหรือจนเหนียวข้น ลองชิมรสชาติตามชอบ ให้มีรสชาติเผ็ด เปรี้ยว หวาน และเค็ม ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมลูกชิ้นปลาระเบิด
9. หมูสะเต๊ะ
ส่วนผสม หมูสะเต๊ะ
- เนื้อสะโพกหมู
- กระเทียมโขลก 2 กำมือ
- ผงขมิ้น 1/2 ทัพพีเล็ก
- ผงยี่หร่า 1 ทัพพี
- ผงกะหรี่ 2+1/2 ทัพพี
- น้ำตาลทราย 2 ทัพพี
- เมล็ดผักชีโขลก 2 กำมือ
- กะทิกล่องสำเร็จรูป
- นมสด
- ไม้สำหรับเสียบหมูสะเต๊ะ
ส่วนผสม น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
- กะทิสด 500 กรัม
- น้ำพริกแกงมัสมั่น 200 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 3 ทัพพี
- น้ำมะขามเปียก 4 ทัพพี
- เกลือป่นเล็กน้อย
- ถั่วลิสงคั่วป่น 5 ทัพพี
ส่วนผสม น้ำจิ้มอาจาด
- น้ำส้มสายชู 4 ส่วน
- น้ำตาลทราย 3.5 ส่วน
- เกลือ 1/2 ส่วน
- น้ำเปล่าเล็กน้อย (เพื่อเบรกความเปรี้ยวของน้ำส้มสายชู)
- แตงกวาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
- พริกแดงซอย
- หอมแดงซอย
วิธีทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
2. สุดท้ายใส่ถั่วลิสงคั่วป่นลงไป คนผสมให้เข้ากัน (ใส่ประมาณ 5 ทัพพีก่อนนะ อย่าเพิ่งใส่เยอะ เพราะเดี๋ยวมันจะขึ้นอืดเองเวลาที่น้ำจิ้มเย็น หากยังไม่ข้นพอเราเติมภายหลังได้) เคี่ยวส่วนผสมจนเดือด ปิดไฟ เตรียมไว้
วิธีทำน้ำจิ้มอาจาด
2. ผสมแตงกวาซอย พริกแดงซอย และหอมแดงซอยเข้าด้วยกันแล้วนำลงไปแช่ในน้ำอาจาดที่เย็นแล้ว เตรียมไว้ (หากยังไม่กินก็ไม่ต้องแช่ทิ้งไว้ก็ได้ แต่เราว่าน้ำจิ้มอาจาดจะอร่อยต้องแช่แตงกวาทิ้งไว้นาน ๆ ให้มันเข้าเนื้อ)
วิธีทำหมูสะเต๊ะ
1. หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้น ๆ ใส่กระเทียมโขลกลงไป ตามด้วยผงขมิ้น ผงยี่หร่า ผงกะหรี่ น้ำตาลทราย เมล็ดผักชีโขลก กะทิ และนมสดเล็กน้อย เคล้าส่วนผสมให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้ครึ่งวัน
2. นำหมูที่หมักได้ที่แล้วมาเสียบไม้ ชุบในน้ำกะทิให้ทั่วก่อนนำไปปิ้ง พอหมูเริ่มสุกให้ทากะทิซ้ำลงไปอีกครั้ง พอสุกแล้วจัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสะเต๊ะ และน้ำจิ้มอาจาด
10. กระเพาะปลา
ส่วนผสม กระเพาะปลา
- กระเพาะปลา
- หน่อไม้ 2 หัว
- ขิง
- น้ำเปล่า
- น้ำซุป
- ไก่ 1/2 ตัว
- กุ้งแห้ง
- เห็ดหอม
- รากผักชี
- เกลือ
- หอยกระป๋อง (Sea Asparagus)
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำปูของมาเลเซีย
- แป้งข้าวโพด
- แป้งมันสำปะหลัง
- เส้นหมี่ขาวลวก
- ไข่นกกระทาต้ม
วิธีทำกระเพาะปลา
1. เอาหน่อไม้มา 2 หัว ต้มแล้วหั่นฝอยรอไว้ และเอากระเพาะปลามาทอดจนพองแล้วนำมาต้มในน้ำ ทุบขิงใส่ไปทั้งกอ เพื่อดับกลิ่นคาวกลิ่นหืน ต้มจนกระเพาะปลาอ่อนนุ่ม และขับเศษน้ำมันที่ติดตามซอกออก ก่อนมาล้างน้ำเย็นอีกครั้งเพื่อขจัดเศษสกปรกที่ติดค้างอยู่ ตัดเป็นชิ้นพอคำเตรียมไว้รอ
2. เอาน้ำซุปตั้งไฟอ่อน ใส่ไก่ไปครึ่งตัว พร้อมกุ้งแห้ง เห็ดหอม หอยกระป๋อง และรากผักชี ปรุงรสด้วยเกลือ
3. เอาไก่ขึ้นมาฉีกเนื้อรอไว้ เอาโครงไก่ต้มต่อ แล้วใส่หน่อไม้ต้ม ปรุงรสอีกทีด้วยซีอิ๊วขาว น้ำปูของมาเลเซีย ชิมให้มีรสเค็มน้อย ๆ น้ำซุปสีใส ๆ เหลืองอำพัน เมื่อชิมน้ำได้ที่หลังจากใส่กระเพาะปลาลงไป ก็ใส่แป้งข้าวโพดผสมแป้งมันแบบเข้มข้น ค่อย ๆ ใส่แป้งที่ผสมน้ำไว้ หมั่นคนเพื่อดูความข้นเหนียว เมื่อข้นดีแล้วปิดไฟตักเสิร์ฟ พร้อมเส้นหมี่ลวกกับไข่นกกระทา
11. สาคู ข้าวเกรียบปากหม้อ
ส่วนผสม ไส้หมู
- พริกไทยขาวเม็ด 1/2 ช้อนชา
- รากผักชีสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช (สำหรับผัดไส้) 2 ช้อนโต๊ะ
- หมูสับ 500 กรัม
- หอมแดง (หั่นเล็ก ๆ) 400 กรัม
- หัวผักกาดเค็มสับ 1/2 ถ้วยตวง
- ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 3/4 ถ้วยตวง
- ถั่วลิสงบด 1 ถ้วยตวง
วิธีทำไส้หมู
2. เทน้ำมันพืชใส่กระทะนำขึ้นตั้งไฟ ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดจนหอม ใส่หมูลงผัดจนสุก ใส่หัวหอมแดง และผักกาดเค็ม ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซอสปรุงรส และน้ำตาลปี๊บ ผัดจนแห้ง และเหนียว ยกออกจากเตา ใส่ถั่วลิสงแล้วกวนให้เข้ากันอีกครั้ง เตรียมไว้
ส่วนผสม แป้งข้าวเกรียบปากหม้อ
- แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
- แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
- แป้งเท้ายายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 3 ถ้วย
วิธีทำข้าวเกรียบปากหม้อ
2. ละเลงส่วนผสมแป้งลงบนปากหม้อ ปิดฝานึ่งจนแป้งสุก หรือเป็นสีใส ๆ นำไส้วางตรงกลาง ใช้พายปาดแป้งขึ้นห่อไส้ให้มิด
3. ตักใส่ถาด พรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียวเสิร์ฟ
ส่วนผสม แป้งสาคู
- สาคูเม็ดเล็ก 3 ถ้วยตวง
- น้ำร้อน (สำหรับนวดแป้ง)
วิธีทำแป้งสาคู
2. ค่อย ๆ เทน้ำร้อนลงในแป้ง นวดจนแป้งเหนียว (ลองจับขึ้นมาปั้นถ้าเป็นก้อนถือว่าใช้ได้แล้ว) เตรียมไว้
วิธีทำสาคูไส้หมู
1. เตรียมหม้อสำหรับนึ่งให้พร้อม (ใส่น้ำในหม้อแล้วใช้ผ้าขาวบางขึงให้ตึงบนปากหม้อ) ยกขึ้นตั้งไฟจนน้ำเดือด ตักแป้งสาคูแผ่บางๆ ลงบนปากหม้อ ตักไส้ใส่ตรงกลางแล้วค่อย ๆ จับแป้งสาคูหุ้มไส้จนมิดเป็นก้อนกลม ๆ (อย่าเรียงให้ติดกัน)
2. พรมน้ำบนลูกสาคูให้ทั่ว ปิดฝานึ่งจนสุก ตักขึ้นใส่ถาด พรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว ทิ้งไว้สักครู่ จึงจัดแต่งให้สวยงาม
12. มะม่วงน้ำปลาหวาน กะปิหวาน
ส่วนผสม น้ำปลาหวาน
- น้ำตาลปี๊บ 200 กรัม
- กะปิอย่างดี 1 ช้อนชา
- น้ำปลาอย่างดี 4 ช้อนโต๊ะ
- กุ้งแห้งตำพอหยาบ 1/4 ถ้วยตวง
- หอมแดงซอยบาง 5 หัว
- พริกขี้หนูสวนซอย (ตามชอบ)
วิธีทำน้ำปลาหวาน
1. ใส่น้ำตาลปี๊บ กะปิ และน้ำปลาลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางเคี่ยวจนน้ำตาลปี๊บละลาย
2. ใส่กุ้งแห้ง หอมแดงซอย และพริกขี้หนูซอย เคี่ยวจนน้ำปลาหวานมีลักษณะใสขึ้น ปิดไฟ ยกลง ทิ้งไว้สักพักให้ฟองหายไป
3. ตักใส่ถ้วย โรยด้วยหอมแดงซอย และพริกขี้หนูซอยเล็กน้อย พร้อมเสิร์ฟ
13. เครปเย็น
ส่วนผสม แป้งเครป
- แป้งสาลีทำเค้ก 1+1/3 ถ้วย
- ผงฟู 1/4 ช้อนชา
- ไข่ไก่ 3 ฟอง
- นมสด 1/2 ถ้วย
- วิปปิ้งครีม 1/2 ถ้วย
- น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- กล้วยหอม
- นูเทลล่า
- วิปปิ้งครีมหรือไอศกรีม ตามชอบ
วิธีทำเครปไส้กล้วยหอมนูเทลล่า
1. ใส่แป้งสาลี ผงฟู ไข่ไก่ นมสด วิปปิ้งครีม น้ำเปล่า น้ำตาลทราย น้ำมันพืช เกลือป่น และกลิ่นวานิลลาลงในโถปั่น ปั่นให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียว เทใส่ภาชนะไว้
2. ทาน้ำมันบาง ๆ ที่กระทะเทฟลอน ตั้งไฟอ่อนจนร้อน ตักส่วนผสมแป้งเครปใส่แล้วกลอกให้ทั่วกระทะ รอจนแป้งสุกเป็นสีเหลืองอ่อน กลับอีกด้านทอดจนสุก ตักใส่จาน ทำจนหมดแป้ง
3. นำแผ่นแป้งเครปวางบนจาน ทานูเทลล่าลงไปให้ทั่วแผ่น วางกล้วยหอมทั้งลูกลงไป ม้วนเป็นท่อน หั่นครึ่งท่อน จัดใส่จาน โรยผงโกโก้ เสิร์ฟพร้อมวิปปิ้งครีมหรือไอศกรีมตามชอบ
14. เครปร้อน
ส่วนผสม เครปญี่ปุ่น
- แป้งแพนเค้กสำเร็จรูป
- นมสด
- ไข่ไก่
- เนยสด (สำหรับทากระทะ)
- น้ำพริกเผา
- เนื้อสัตว์ตามชอบ เช่น ไส้กรอก ปูอัด เนื้อปลาทูน่ากระป๋อง หมูหย็อง โบโลน่า และเบคอน
- มายองเนส
- ซอสพริก
- น้ำเชื่อมเมเปิล
- กล้วยหอม
วิธีทำเครป
1. ผสมแป้งแพนเค้กสำเร็จรูป นมสด และไข่ไก่เข้าด้วยกันตามวิธีทำข้างกล่อง (ถ้าทำบางก็เป็นเครปกรอบ ทำหนาหน่อยก็แบบนุ่ม ๆ แล้วแต่ชอบ) ผสมให้เข้ากันจนเนื้อแป้งเนียน ไม่เป็นเม็ด และไม่มีฟองอากาศ เตรียมไว้
2. หั่นส่วนผสมไส้เครปทั้งหมดเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้
3. นำกระทะเทฟลอนขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่เนยลงในกระทะเล็กน้อยแล้วทาให้ทั่วกระทะ
4. ตักส่วนผสมแป้งเครปใส่ลงในกระทะแล้วใช้ไม้พายเกลี่ยให้ทั่วกระทะเป็นแผ่นบาง ๆ (เคล็ดลับ : ถ้าไม่มีไม้เครปก็ใช้ตะหลิวไม้พายแทนก็ได้ และให้ใช้ไฟกลาง พอแป้งเริ่มสุกเราจะปาดง่ายกว่าค่ะ)
5. รอจนแป้งเริ่มสุกแล้วทาน้ำพริกเผาลงบนแป้งให้ทั่วตามชอบ (เคล็ดลับ : ต้องรอจนแป้งเริ่มสุก ไม่อย่างนั้นแป้งจะติดไม้พาย) จากนั้นใส่เครื่องที่เตรียมไว้ลงไปตามชอบ
6. บีบมายองเนสลงไป ตามด้วยซอสพริก รอจนแป้งกรอบ (เคล็ดลับ : เช็กจากขอบ ๆ รอบ ๆ จนได้ตามที่ต้องการ) แล้วพับเป็นสามเหลี่ยม จัดใส่จาน ราดด้วยน้ำเชื่อมเมเปิล พร้อมเสิร์ฟ
7. หากต้องการทำเครปแบบม้วน หลังจากวางไส้ทั้งหมดแล้วให้ใส่กล้วยหอมทั้งลูกลงไปด้วย รอจนแป้งสุกแล้วม้วน จัดใส่จาน บีบมายองเนสและซอสพริก หั่นครึ่ง พร้อมเสิร์ฟ
15. โรตี
ส่วนผสม แป้งโรตี
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 800 กรัม
- แป้งโฮลวีต 200 กรัม
- น้ำ 500 มิลลิลิตร
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช (สำหรับทาผิวแป้ง)
ส่วนผสม โรตีกล้วยหอม
- กล้วยหอมฝานเป็นชิ้น 1 ลูก
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- มาการ์รีนสำหรับทอดแป้ง
- นมข้นหวาน หรือซอสช็อกโกแลต
- น้ำตาลทรายสำหรับโรยหน้า
วิธีทำโรตีกล้วยหอม
1. ทำแป้งโรตีโดยร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์กับแป้งโฮลวีตให้เข้ากัน เตรียมไว้
2. ตีผสมไข่ไก่กับน้ำ น้ำตาลทราย เกลือป่น และนมข้นหวานเข้าด้วยกัน ค่อย ๆ ใส่ส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ ตีผสมจนเหนียว นวดแป้งให้เข้ากันจนไม่ติดมือ ตัดแบ่งแป้งเป็นก้อนเท่ากัน คลุกด้วยน้ำมันพืช พักทิ้งไว้สักครู่
3. ทำไส้กล้วยหอมโดยตีผสมไข่ไก่กับกล้วยหอมให้เข้ากัน
4. ใส่มาการ์รีนลงในกระทะ แผ่ก้อนแป้งให้แบนแล้วฟาดแป้งจนเป็นแผ่นบาง วางลงทอดในกระทะ เทส่วนผสมกล้วยหอมใส่ลงตรงกลางแป้ง พับมุมแป้งทั้ง 4 ด้าน ทอดจนสุกเหลืองทั้งสองด้าน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน วางลงในจาน ตัดเป็นชิ้น ๆ ราดนมข้นหวาน หรือซอสช็อกโกแลต และน้ำตาลทรายตามชอบ
16. โตเกียว
ส่วนผสม แป้งโตเกียว
- แป้งอเนกประสงค์ 65 กรัม
- นมสด 50 กรัม
- ผงฟู 1/4 ช้อนชา
- เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 45 กรัม
- น้ำปูนใส 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/8 ช้อนชา
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
ส่วนผสม โตเกียวไส้เค็ม (หรือเป็นไส้อื่น ๆ)
- ไข่
- ไส้กรอก
- พริกไทยป่น
- ซอสปรุงรส
วิธีทำแป้งโตเกียว
1. ร่อนแป้งอเนกประสงค์ ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือป่นเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
2. ผสมนมกับน้ำปูนใสเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
3. ตีไข่กับน้ำตาลทรายจนน้ำตาลทรายละลาย จากนั้นใส่ส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ลงไปสลับกับส่วนผสมของเหลว (นมกับน้ำปูนใส) ตะล่อมคนผสมจนเข้ากัน หลังจากนั้นพักแป้งไว้ประมาณ 30 นาที
4. อุ่นกระทะจนร้อน ปรับเป็นไฟอ่อน ๆ ตักแป้งโตเกียวลงไปแล้วใช้กระบวยวนเป็นวงกลมขนาดตามชอบ นำแป้งโตเกียวใส่ถุงบีบ หรือใช้ช้อนตัก วาดเป็นเส้น ๆ ลวดลายตามชอบ ใส่ไข่ตามลงไปทันที เพราะไข่จะสุกช้า เติมรสชาติด้วยซอสปรุงรส และไส้กรอก พอแป้งสุกแล้วก็ม้วนให้สวยงาม
17. ขนมเขียว ขนมครกใบเตย
ส่วนผสม ขนมครกใบเตย ขนมครกสิงคโปร์ (สำหรับ 18-20 ชิ้น)
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ
- แป้งมัน 1/4 ถ้วย
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/3 ถ้วย
- กะทิ 1/4 ถ้วย
- น้ำมันพืชสำหรับทาพิมพ์
อุปกรณ์
- เตาขนมครกสิงคโปร์ (หรือใช้พิมพ์รูปอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปดอกไม้)
- ผ้าสำหรับชุบน้ำมันทาเตา
วิธีทำขนมครกใบเตย ขนมครกสิงคโปร์
1. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ แป้งมัน และผงฟูเข้าด้วยกัน ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนผสมเข้าด้วยกัน
2. ใส่ไข่ไก่ลงไปตีผสมให้เข้ากัน
3. เทกะทิลงไปตีผสมให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำใบเตย คนผสมให้เข้ากันอีกครั้งจนเป็นเนื้อเนียนละเอียด พักแป้งไว้ 10 นาที
4. นำเตาขนมครกวางบนเตาแก๊ส ใช้ไฟอ่อนที่สุด แล้วใช้ผ้าชุบน้ำมันทาเตาบาง ๆ จากนั้นตักแป้งหยอดลงในเตาไม่ต้องเต็ม (เพราะเดี๋ยวขนมจะฟูขึ้นมาเอง) ปิดฝา (เพื่อให้ขนมสุกเร็วขึ้น)
5. เมื่อขนมสุกแล้วใช้ไม้ปลายแหลมหรือไม้จิ้มฟันแซะขึ้นมาจากพิมพ์ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
18. ข้าวเหนียวมะม่วง
ส่วนผสม ข้าวเหนียวมูน
- ข้าวเหนียวขาว 500 กรัม
- สารส้มโขลกละเอียด 1 ช้อนชา
- น้ำสำหรับแช่ข้าวเหนียว
- ใบเตยฉีกแล้วมัดประมาณ 10 ใบ
- หัวกะทิคั้นสด 350 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทราย 200 กรัม
- เกลือป่น 2 ช้อนชา
ส่วนผสม ข้าวเหนียวมะม่วง
- มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
- ข้าวเหนียวมูน
- กะทิ (สำหรับราด)
- ถั่วเขียวซีกคั่ว
วิธีทำข้าวเหนียวมูน
1. ซาวข้าวเหนียวจนสะอาด ใส่สารส้มลงไป เติมน้ำเปล่าลงไปจนท่วมข้าวเหนียว จากนั้นคนผสมจนเข้ากัน แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง
2. ล้างข้าวเหนียวที่แช่กับสารส้มไว้จนสะอาด สะเด็ดน้ำแล้วพักไว้สักครู่
3. เทข้าวเหนียวลงในหวดนึ่งข้าว ใส่ใบเตยลงไป นำหวดไปวางลงในน้ำเดือด นึ่งนานประมาณ 20 นาที จนข้าวเหนียวสุก
4. ผสมหัวกะทิกับน้ำตาลทราย และเกลือป่นในอ่างผสมคนจนเข้ากัน เทข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วลงไป คนผสมจนเข้ากัน พักทิ้งไว้ 30 นาที จนข้าวเหนียวระอุ พร้อมเสิร์ฟคู่กับมะม่วงน้ำดอกไม้สุก
19. ปังกรอบเนยหนึบ
ส่วนผสม ขนมปังกรอบ
- ขนมปังแซนด์วิช (ถ้าชอบบางสามารถผ่าครึ่ง)
ส่วนผสม ครีมเนยนม
- เนยสด 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 80 กรัม (สูตรที่แชร์กันใช้น้ำตาลไอซิ่ง)
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- นมข้นหวาน 200 กรัม
- นมผง 50 กรัม
- แป้งอเนกประสงค์ 30 กรัม
- เกล็ดอัลมอนด์ตกแต่ง (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
วิธีทำปังกรอบเนยหนึบ
1. ตัดขนมปังแบ่งครึ่ง นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ประมาณ 10-15 นาที เอาออกมาเช็กว่าแห้งหรือยัง ทิ้งไว้ให้เย็น (เมืองไทยสามารถผึ่งแดดได้)
2. เตรียมส่วนของครีม โดยตีเนยสดให้เนียน สังเกตจากสีจะอ่อนลง ทยอยใส่ส่วนผสมทีละอย่างและปั่นให้เข้ากัน เริ่มที่น้ำตาลทราย ตีผสมพอเข้ากัน ใส่ไข่ไก่ ตีผสมจนเข้ากัน ใส่นมข้นหวาน ตีผสมจนเข้ากัน ใส่นมผง คนจนเข้ากันเพื่อไม่ให้ฟุ้งแล้วค่อยตีผสมจนเข้ากัน ปาดขอบอ่าง เติมแป้งสาลีอเนกประสงค์สัก 2 รอบ พอใส่แป้งเสร็จคนไปก่อนเพื่อไม่ให้ฟุ้งแล้วค่อยตีจนเข้ากัน และเหนียวข้น
3. หลังจากที่ขนมปังเย็นแล้ว นำมาปาดกับครีมที่ตีไว้แล้ว โรยอัลมอนด์ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ประมาณ 10 นาที หรือจนขนมปังสุกกรอบดีแล้ว (ลองเช็กความสุกดู เพราะเตาแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน) ทิ้งไว้ให้เย็น จัดเก็บใส่ถุงซิปหรือกล่องที่ป้องกันอากาศเข้า สามารถเก็บไว้กินได้หลายวัน
20. บิงซู
ส่วนผสม บิงซูเมลอน แคนตาลูป แตงโม
- ครีมสดแบบ Half & Half 1 ถ้วย (หรือนมสด)
- น้ำเย็น 1 ถ้วย
- น้ำเชื่อม 1/4 ถ้วย (หรือน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ)
- ผงวานิลลา 30 กรัม (จะช่วยทำให้เกล็ดน้ำแข็งมีความเข้มข้นมากขึ้น แต่ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
- ผลไม้ตระกูลเมลอน ได้แก่ แคนตาลูป เมลอน แตงโมสีแดง และแตงโมสีเหลือง
- นมข้นหวาน (สำหรับราดก่อนเสิร์ฟ)
- ถั่วอัลมอนด์ คอร์นเฟล็ก หรือท็อปปิ้งอื่น ๆ ตามชอบ
- ไอศกรีมวานิลลา หรือไอศกรีมอื่น ๆ ตามชอบ
- เครื่องทำน้ำแข็งไส
วิธีทำบิงซูเมลอน
1. ตีผสมครีมสดกับน้ำเย็น น้ำเชื่อม และผงวานิลลาด้วยเครื่องตีโฟมนม ตีผสมเข้าด้วยกันจนเป็นเนื้อเดียว
2. เทส่วนผสมนมใส่พิมพ์น้ำแข็ง แล้วนำไปแช่ช่องฟรีซอย่างน้อย 4-5 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
3. ตักเมลอนทั้งหมดเป็นลูกกลม ๆ วางเรียงใส่ถาด ปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหารแล้วนำไปแช่เย็น ประมาณ 3-4 ชั่วโมง
4. นำเปลือกเมลอนมาขูดเอาเนื้อออกเตรียมไว้สำหรับทำเป็นถ้วย จากนั้นนำไปแช่แข็ง เพื่อให้ถ้วยเมลอนแข็งแรงและสามารถเก็บความเย็นได้นานขึ้น
5. แกะน้ำแข็งออกจากพิมพ์ใส่ลงในเครื่องไสน้ำแข็ง เปิดเครื่องแล้วไสออกมาใส่ในถ้วยเมลอนแช่แข็ง
6. เรียงเมลอนรอบ ๆ ให้สวยงาม ตักไอศกรีมโปะลงไป ราดนมข้นหวาน ถั่วอัลมอนด์ พร้อมเสิร์ฟ
21. โกโก้
ส่วนผสม โกโก้
- ผงโกโก้ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำร้อนสำหรับชงผงโกโก้
- นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำแข็ง 1 แก้ว (ขนาด 16 ออนซ์)
- นมจืด 2 ช้อนโต๊ะ
- โอรีโอ้ (หักเป็นชิ้นเล็ก) จำนวน 4 ชิ้น
- วิปปิ้งครีม สำหรับแต่ง
- ผงโกโก้ สำหรับโรยหน้า
วิธีทำโกโก้
1. ใส่ผงโกโก้ลงในแก้ว เติมน้ำร้อน และนมข้นหวาน คนผสมจนเข้ากันดี ชิมรสตามชอบ พักทิ้งไว้จนเย็น
2. ใส่น้ำแข็งลงในเครื่องปั่น เทส่วนผสมโกโก้ และนมสดลงไป ปั่นผสมจนเนื้อเนียนละเอียด จากนั้นเปิดฝา ใส่โอรีโอ้ลงปั่นพอหยาบ ๆ เทใส่แก้ว บีบวิปปิ้งครีม โรยด้วยผงโกโก้ แต่งด้วยโอรีโอ้ให้สวยงาม พร้อมดื่ม
22. ชาไข่มุก
ส่วนผสม ชานมไข่มุก
- ผงชา 1 ช้อนชา
- น้ำเดือด 8 ออนซ์
- น้ำตาลทราย เล็กน้อย (ปรุงรส)
- ไข่มุกต้มสุก 1/4 ถ้วย
- น้ำแข็ง
- นมสด (ตามชอบ)
วิธีทำชานมไข่มุก
1. แช่ผงชากับน้ำร้อนไว้ประมาณ 5 นาที พอครบเวลากรองเอาชาออก
2. เติมน้ำตาลทรายลงไปตามชอบ คนให้ละลายแล้วพักทิ้งไว้จนเย็น
3. ตักไข่มุกใส่แก้ว ตามด้วยน้ำแข็ง เทน้ำชาที่เย็นแล้วลงไปจนเกือบเต็ม สุดท้ายเติมนมสดลงไปตามชอบ คนผสมให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟ
23. ชาชัก
ส่วนผสม ชาชัก ชาเย็น
- ชาผงซีลอน (ตราช้างทอง) 10 ช้อนชา
- ชาผง (ตรา 555) 20 ช้อนชา
- ชาหอม (ตราช้างทอง) 10 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 1,500 มิลลิลิตร
- นมข้นหวาน 1+1/2 กระป๋อง
- นมข้นจืด 20 ช้อนชา
- ครีมเทียม 20 ช้อนชา
- น้ำเชื่อม 25 ช้อนชา
วิธีทำชาเย็น ชาชัก
1. ผสมชาทั้ง 3 อย่างเข้าด้วยกัน หลังจากผสมหมดแล้ว ลักษณะผงชาที่ได้จะมีทั้งลักษณะที่เป็นผงละเอียดและเป็นก้านใบชาที่หยาบ ๆ
2. ตวงน้ำเปล่า 1,500 มิลลิลิตร แล้วนำไปต้มให้น้ำเดือด นำผงชาที่เตรียมไว้เทใส่ถุงกรองชา
3. เทน้ำร้อนผ่านถุงกรองชาที่มีผงชาอยู่ โดยวางถุงกรองชาไว้ในกระบอกสเตนเลส (ซึ่งมีไว้สำหรับการชงชา แต่ถ้าใครไม่มีกระบอกสเตนเลส หรือมือใหม่หัดชงก็ใช้พวกหม้อที่ใช้ตามบ้านแทนก็ได้นะ เป็นการประยุกต์ไปอีกแบบ)
เทคนิค : ให้เทชาสลับไปสลับมาประมาณ 12 รอบ ให้ผงชาในถุงกรองชุ่มฉ่ำ เวลาเทก็ต้องชักถุงชาขึ้นมา (ถือถุงชาให้สูงขึ้นเพื่อให้ผงชาได้สัมผัสกับอากาศด้วย กลิ่นชาและรสชาติชาจะออกมาได้ดี)
4. เมื่อเทชาสลับไปสลับมาครบ 12 รอบแล้ว จึงแช่ชาทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นยกถุงกรองชาออก บีบน้ำชาที่เกาะอยู่ในถุงกรองชา คั้นน้ำออกมาให้หมด
5. เติมครีมเทียมลงไปในน้ำชาที่พักไว้ คนผสมให้เข้ากัน เติมนมข้นหวานและนมข้นจืดลงไป ตามด้วยน้ำเชื่อม คนผสมให้เข้ากันดี ชิมรสตามชอบ
6. วางตั้งพักไว้รอให้เย็นก่อนแล้วจึงเทใส่ขวด ก็จะได้ชาเย็นพร้อมขายประมาณ 1.3 ลิตร แค่นี้ก็ได้ชาเย็นบรรจุใส่ขวด พร้อมเทขายแล้ว
24. นมเย็น
ส่วนผสม นมเย็น
- นมสด 150 มิลลิลิตร
- นมข้นหวาน 30 มิลลิลิตร
- น้ำหวานสีแดง 2 ช้อนชา
- นมข้นจืด (โรยหน้า)
วิธีทำนมเย็น
1. ผสมนมสด นมข้นหวาน และน้ำหวานเข้าด้วยกันจนเป็นสีชมพู
2. เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง ราดด้วยนมข้นจืด หรือวิปปิ้งครีม พร้อมเสิร์ฟ
25. น้ำแตงโมปั่น
ส่วนผสม น้ำแตงโมปั่น
- เนื้อแตงโม (แกะเมล็ดออก หั่นชิ้นเล็ก) 100 กรัม
- น้ำเชื่อม 3 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น เล็กน้อย
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำแข็ง
วิธีทำน้ำแตงโมปั่น
- ใส่เนื้อแตงโม น้ำเชื่อม เกลือป่น น้ำมะนาวและน้ำแข็งลงในเครื่องปั่น ปั่นผสมจนเนื้อเนียนละเอียด ชิมรสตามชอบ เทใส่แก้ว พร้อมดื่ม
สนใจให้ Kapook.com แนะนำการทำอาหารด้วยเครื่องปรุง ของใช้ในครัว หรืออื่น ๆ รับทำการตลาดด้วย Social Network, Content Marketing