14 เมนูเค้กวันเกิดเด็กผู้ชาย อร่อยน่ารักเรียกรอยยิ้ม

     2. เริ่มต้นทำคัพเค้กช็อกโกแลต โดยร่อนส่วนผสมของแห้งทั้งหมด ได้แก่ แป้งเค้ก ผงฟู เบกกิ้งโซดา เกลือ น้ำตาลทราย และผงโกโก้ เข้าด้วยกัน จากนั้นใช้ใบพายคนให้ส่วนผสมเข้ากันดี และทำหลุมตรงกลางรอไว้

     3. นำส่วนผสมของเหลวมาเทใส่รวมกัน ได้แก่ นมสดที่เติมน้ำส้มสายชู น้ำมันพืช และไข่ คนให้ทุกอย่างเข้ากันดี เติมกลิ่นวานิลลา คนให้ทุกอย่างเข้ากันอีกครั้ง

     4. นำส่วนผสมของเหลวที่ได้เทใส่ลงไปในแป้งที่ร่อนไว้ก่อนหน้า ทยอยเทใส่ 3 รอบ ในแต่ละรอบคนให้ทุกอย่างเข้ากันดีก่อนเทของเหลวใส่ลงไป นำไปเทใส่พิมพ์และอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 20 นาที (ขึ้นอยู่กับเตาอบแต่ละบ้าน) จากนั้นพักขนมให้เย็นสนิท

     5. ปาดครีมลงบนคัพเค้ก ใช้มินิมาร์ชเมลโล่โปะลงบนครีมให้ทั่วคัพเค้ก จากนั้นใช้ครีมปาดที่ด้านหลังหน้าน้องแกะ ก่อนนำไปประกบกับมาร์ชเมลโล่ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
 

     2. ก่อนที่จะตีวิปปิ้งครีมแนะนำให้แช่แข็งทั้งครีมและชาม อย่างน้อย 20 นาที จะได้ตีขึ้นง่าย เทวิปปิ้งครีมลงชามและตีให้ตั้งยอดอ่อนเป็นอันใช้ได้

     3. ใส่นมข้นหวาน คนเบามือแค่พอเข้ากัน ปรับรสชาติตามชอบก่อนใส่โอรีโอ้ทุบลงไป คนพอเข้ากัน เทใส่กล่องหรือพิมพ์ที่ต้องการ ตกแต่งหน้าตาสวยงามตามชอบ

     4. นำแช่ช่องแข็งอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง เอาออกจากพิมพ์โดยการใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นลูบที่แม่พิมพ์ทำให้หลุดออกง่ายดาย ตัดเสิร์ฟ  
 

     1. ทำคัพเค้กชิฟฟ่อน โดยร่อนแป้งกับผงฟู พักไว้ นำไข่แดงและน้ำตาลทรายใส่ลงชามผสม ตีให้ขึ้นฟูเป็นสีเหลืองนวล หลังจากนั้นใส่เกลือ กลิ่นวานิลลา นมสดรสจืด และน้ำมันพืช ลงชามผสม คนให้เข้ากัน ใส่แป้งและผงฟูที่ร่อนไว้ ตะล่อมคนให้เข้ากัน แล้วพักไว้

     2. นำไข่ขาวและน้ำมะนาวลงในโถตี ตีด้วยความเร็วปานกลาง เมื่อขึ้นฟองละเอียดทยอยใส่น้ำตาลทราย สลับกับการตี จนน้ำตาลหมด และตีต่อจนไข่ขาวตั้งยอดอ่อน

     3. ตักไข่ขาว 1 ส่วน ใส่ลงส่วนผสมของไข่แดง และตะล่อมให้เข้ากันอย่างเบามือ หลังจากเข้ากันดีแล้วให้เทลงในโถของไข่ขาวที่เหลือ และตะล่อมส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน

     4. หลังจากส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว ให้ตักใส่ถ้วยจีบขนาด 3219 สูตรนี้ได้ทั้งหมด 12 ถ้วย นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 25 นาที หรือจนกว่าจะสุก

     5. หลังจากอบเสร็จพักให้เย็นแล้วเจาะรู นำคัสตาร์ดใส่ถุงบีบแล้วหยอดคัสตาร์ดลงทุกชิ้น จัดใส่จาน โรยด้วยไอซิ่ง พร้อมเสิร์ฟ
 

     1. ตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย เกลือป่น นมจืด และกลิ่นวานิลลา ร่อนแป้งกับผงฟูลงไป ตามด้วยสารเสริม SP ตีจนขึ้นฟู จากนั้นค่อย ๆ เทน้ำมันรำข้าวลงไปแล้วตีต่ออีกประมาณ 5 นาที

     2. หยอดใส่พิมพ์ขันข้าวประมาณ 3/4 ของถ้วย ใส่ถ้วยกระดาษเบอร์ 3220 นำไปอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม เป็นเวลา 25-30 นาที นำออกจากพิมพ์ พักบนตะแกรงจนเย็นสนิท

     3. ตีวิปปิ้งครีม (ชนิดหวาน) บนน้ำผสมน้ำแข็งหรือน้ำเย็นจัด ตีจนตั้งยอดแข็ง นำมาผสมสีตามชอบ บีบครีมด้วยหัวบีบโรมิโอ เบอร์ 794 บีบฟิลลิ่งบลูเบอร์รีหรือฟิลลิ่งรสต่าง ๆ ตามชอบลงไป
 

     2. มาทำส่วนชีสเค้กกัน โดยนำเจลาตินแบบแผ่นแช่ในน้ำเย็นอย่างน้อย 15 นาที ให้เจลาตินบวมเต็มที่

     3. ปั่นมะม่วงสุกให้ละเอียด เสร็จแล้วนำไปกรองผ่านตะแกรง (ถ้าไม่กรองจะมีส่วนของเสี้ยนมะม่วง)

     4. ตีครีมชีสให้เนียนแล้วใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่มะม่วงปั่น น้ำมะนาว เจลาตินละลาย (เอาไปละลายในไมโครเวฟ ใช้ไฟอ่อน 30 วินาที) และสีผสมอาหารสีเหลือง ตามลำดับ โดยแต่ละขั้นตอนการใส่ส่วนผสมข้างต้นให้ตีจนส่วนผสมเข้ากันก่อน จึงใส่ส่วนผสมถัดไป พักไว้

     5. ตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอดกลาง ค่อย ๆ ทยอยใส่วิปครีมประมาณ 2 รอบลงในส่วนของครีมชีส และตะล่อมจนเนื้อเนียน

     6. เทส่วนผสมครีมชีสมะม่วงลงบนฐานแครกเกอร์แล้วเกลี่ยหน้าให้เรียบ เอาไปแช่เย็นอย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือแช่ข้ามคืน เมื่อครบเวลาถอดพิมพ์ โดยอาจจะวางพิมพ์บนแก้วหรือภาชนะทรงสูงเพื่อง่ายต่อการดึงพิมพ์ลง และใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบรอบพิมพ์ ค่อย ๆ ดึงพิมพ์ลง

     7. ใช้ที่ตักผลไม้จุ่มลงในน้ำอุ่นแล้วเช็ดให้แห้งเพื่อป้องกันการติดของชีสเค้ก ค่อย ๆ ตักชีสเค้กออกเป็นครึ่งวงกลม จะเอาวงเล็กหรือวงใหญ่ตามสะดวก ทำตรงมุม ๆ และด้านข้างด้วยจะได้เหมือนของจริง
 

     2. ละลายไวท์ช็อกโกแลตโดยใช้ไมโครเวฟ แต่ถ้าใครถนัดตุ๋นก็ได้ เทคนิคการละลายช็อกโกแลตด้วยไมโครเวฟคือ จะหั่นช็อกโกแลตเป็นชิ้นเล็ก ๆ เอาเข้าไมโครเวฟแค่ 15-20 วินาที เอาออกมาคนให้ละลายต่อข้างนอก จะไม่นำเข้าไมโครเวฟจนละลายในนั้น เพราะช็อกโกแลตจะเสีย เวลาเย็นจะดึ๋ง ๆ คล้ายมูสเลย

     3. พอคนจนไวท์ช็อกโกแลตละลายแล้วก็นำมาตักราดบนมูส แล้วเอียงถ้วยไปมาให้ไวท์ช็อกโกแลตเสมอกันดี เสร็จแล้วแช่ตู้เย็นอีกที

     4. เตรียมถุงบีบ โดยม้วนถุงพลาสติกให้เป็นกรวยแหลม ๆ และนำไวท์ช็อกโกแลตไปละลายเพื่อจะนำมาผสมสี หรืออาจใช้ช็อกโกแลตโคทติ้งที่ผสมสีแล้วก็ได้ ส่วนสีที่จะใช้ผสมช็อกโกแลตใช้ได้เฉพาะสีผง เมื่อผสมสีเสร็จแล้วก็เทลงในกรวยพลาสติก ปิดปาก เตรียมไว้

     5. เวลาวาดลาย ความเย็นจากมูสอาจทำให้ช็อกโกแลตตรงปลายกรวยเป็นก้อนแข็งได้ง่าย ระวังด้วย ถ้าบีบไม่ออกแนะนำให้เทใส่กรวยใหม่ รูปวาดควรเล็ก ๆ ใหญ่มากวาดไม่ทันช็อกโกแลตแข็ง แถมส่วนที่วาดก็แตกได้ง่ายด้วย บางทีเราอาจใช้พู่กันมาช่วยระบายก็ได้ จะได้งานที่แปลกตาขึ้น
 

     2. ตีไข่แดง น้ำเปล่า นมข้นจืด น้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลา ให้เข้ากัน (จะเห็นว่าน้ำมันกับน้ำเปล่ารวมตัวเป็นหนึ่งเดียว)

     3. ทำหลุมแป้งที่ร่อนพักไว้ เทส่วนผสมที่เป็นของเหลวลงไป ใช้ตะกร้อมือคน (แบบน้ำเซาะตลิ่ง) เร็ว แรง ตีเพียงระยะสั้น ๆ พอเข้ากันแล้วหยุดทันที หากตีต่อจะทำให้เค้กมีเนื้อเหนียว

     4. ตีไข่ขาวพอแตกฟอง ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไปแล้วตีต่ออีกเล็กน้อย ทยอยใส่น้ำตาลทรายละเอียด โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ตีจนตั้งยอดปานกลาง

     5. แบ่งเมอแรงค์ผสมทั้งหมด 3 รอบ ตะล่อมอย่างเบามือจนส่วนผสมเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน

     6. ปูกระดาษไขบนถาดขนาด 11x8 นิ้ว ไม่ทาไขมัน เทส่วนผสมลงไปเกลี่ยให้เต็มถาด กระแทกพิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศ 2 ครั้ง

     7. นำเข้าเตาอบใช้เวลาประมาณ 10 นาที (เช็กความสุกโดยใช้ไม้จิ้มฟันจิ้ม หากไม่มีเศษเค้กติดออกมาแสดงว่าสุกแล้ว) นำออกมาจากเตา กระแทกพิมพ์แรง ๆ 1 ครั้ง เพื่อไม่ให้โครงสร้างเค้กยุบตัว นำออกจากพิมพ์ พักไว้ให้เย็น

     8. ใช้พิมพ์รูปวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เซนติเมตร กดเค้กชิฟฟ่อนให้ขาดเพื่อวางบนมูสแต่ละก้อน แล้วค่อยแกะออกจากพิมพ์ ตกแต่งหน้าหมีให้สวยงาม
 

     2. นำนมเปรี้ยว โยเกิร์ต และน้ำตาลทราย ใส่กระทะตั้งไฟพอให้น้ำตาลละลาย จากนั้นก็ใส่เจลาตินที่ละลายแล้ว ปิดไฟทันที ไม่ต้องให้เดือดปุด ๆ เพราะจะร้อนเกินไป พักไว้จนเย็น ระหว่างรอให้ส่วนผสมนมเปรี้ยวเย็น

     3. เมื่อส่วนผสมนมเปรี้ยวใกล้จะเย็นก็ตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอดอ่อน จากนั้นใส่ส่วนผสมนมเปรี้ยวลงไป คนให้เข้ากัน ใส่ปีโป้ลงไป จากนั้นเทใส่พิมพ์ที่รองด้วยฐานเค้กช็อกโกแลต นำพิมพ์มูสไปเข้าตู้เย็นประมาณ 15 นาที พอให้หน้ามูสตึง โรยปีโป้ให้สวยงาม แช่ตู้เย็นอีก 6 ชั่วโมง
 

     1. แบ่งส่วนผสมแป้งที่ผสมแล้วออกมา 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับแป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำมาแบ่งออกเป็น 2 ถ้วย

     2. ใส่สีผสมอาหารสีแดงและสีดำลงไปคนให้เข้ากัน

     3. ตักแป้งไม่ใส่สี แป้งใส่สีแดง และแป้งใส่สีดำ ใส่ถุงบีบ ตักส่วนผสมแป้งไม่ใส่สีใส่พิมพ์ 3/4 ของถ้วย

     4. บีบสีดำและสีแดงแต่งหน้าแมวเหมียวให้สวยงาม นำไปนึ่งประมาณ 8-10 นาที (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับขนาดของพิมพ์ที่ใช้ ถ้าพิมพ์ใหญ่ก็จะใช้เวลามากขึ้น)

เคล็ดลับ : ใช้ผ้าห่อฝาของหม้อนึ่ง หรือใช้กระดาษอเนกประสงค์สำหรับที่ใช้ในครัวคลุมปิดขนมก่อนจะปิดฝา (แต่ตอนนึ่งเสร็จต้องค่อย ๆ เปิด อย่าให้กระดาษอเนกประสงค์ตกลงไปโดนหน้าขนมนะคะ) เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหยดไปโดนหน้าเค้ก

     5. ต่อมาบีบส่วนหู โดยบีบแป้งบนกระดาษไข นำไปนึ่งประมาณ 3-4 นาที จากนั้นใช้มีดแซะส่วนหูออกมาตกแต่งบนเค้ก พร้อมเสิร์ฟ
 

      2. นำวิปปิ้งครีมมาตีด้วยความเร็วสูงจนตั้งยอดปานกลาง

      3. นำครีมชีสกับวิปครีมมาตะล่อมให้เข้ากัน แล้วก็นำไปแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 15 นาที เมื่อเค้กเย็นตัวลง และวิปครีมชีสเซตตัว ก็นำเค้กด้านบนมาทาด้วยแยมสตรอว์เบอร์รี แล้วก็ตามด้วยวิปครีมชีสแล้วก็ม้วนให้แน่น ใช้พลาสติกถนอมอาหารห่อไว้ แช่ตู้เย็นอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
 

     1. ทำส่วนผสมไข่แดง โดยตีไข่แดงกับน้ำตาลทรายจนเข้ากัน ใส่น้ำมันพืช น้ำ และกลิ่นวานิลลา ตีจนเข้ากันดี ใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟู (ร่อนสัก 2 รอบ เพื่อความนุ่มฟู) ตะล่อมจนเข้ากัน แต่อย่านานมากเดี๋ยวเค้กจะเหนียว หลังจากนั้นก็ใส่สีผสมอาหารสีเหลืองสักเล็กน้อยตะล่อมจนเข้ากัน พักไว้

     2. ทำส่วนผสมไข่ขาว โดยตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบแล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป ตีพอเข้ากัน หลังจากนั้นค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอดอ่อนค่อนไปทางกลาง ตักไข่ขาวมาบางส่วนใส่ชามไข่แดงที่ผสมไว้ ตะล่อมเบาจนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่ที่เหลือลงไปตะล่อมจนเนียนเข้ากัน แบ่งออกเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน

     3. แบ่งเนื้อเค้กจากชามแรกมาสัก 50 กรัม ใส่สีผสมอาหารสีดำลงไปผสมจนเข้ากัน แล้วเทกลับไปในชามเดิม และตะล่อมให้เข้ากัน

     4. เค้กชั้นแรกให้ตักแป้งสีเหลืองลงไป ตามด้วยแป้งสีดำ สีละ 4 ช้อนโต๊ะ ชั้นถัดไป ตักแป้งสีละ 3 ช้อนโต๊ะ สลับกันเรื่อย ๆ พอชั้นบน ๆ ก็ตักแป้งสีละ 2 ช้อนโต๊ะ เคาะไล่ฟองอากาศ เอาไม้แหลมหรือไม้จิ้มฟันกรีดลายตามชอบ

     5. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส อบบนถาดน้ำร้อน เป็นเวลา 60 นาที เปิดไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม พอครบเวลาก็เอาถาดน้ำร้อนออกแล้วอบไล่ความชื้นที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส อีก 5-10 นาที

     6. พออบเสร็จแล้วก็พักให้อุ่นลงในพิมพ์ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นก็เอาเค้กออกจากพิมพ์ พักบนตะแกรงจนเย็นสนิท
 

     2. เทช็อกโกแลตลงไปเคลือบซ้ำประมาณ 2-3 รอบ เนื้อเค้กจะได้หนาขึ้น แล้วนำไปแช่เย็น พอช็อกโกแลตเซตตัวก็แกะออกจากพิมพ์สปริงฟอร์มได้เลย

     3. เทช็อกโกแลตนมเคลือบน้ำตาลหลากสีลงไป ใช้จานปิดด้านบนตัวเค้กแล้วคว่ำไว้บนจาน ตกแต่งหน้าด้วยฟองดอง

     4. แต่งหน้าเค้กด้วยบัตเตอร์ครีมและเกล็ดน้ำตาลสีสันตามชอบ
 

     1. ใส่ดาร์กช็อกโกแลตและเนยจืดลงไปในชามผสมทนความร้อน แล้วนำชามผสมไปตั้งบนไอน้ำร้อน เปิดไฟต่ำถึงปานกลาง ใช้ไม้พายคนให้เนยกับช็อกโกแลตละลายเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วยกชามออกมาจากไอน้ำร้อน

     2. ใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีด้วยความเร็วต่ำจนกระทั่งน้ำตาลกับช็อกโกแลตผสมรวมกัน และพักไว้ให้ช็อกโกแลตอยู่ที่อุณหภูมิห้อง ใช้มือสัมผัสดู

     3. เติมเกลือและไข่ไก่ลงไปผสม โดยแบ่งไข่ไก่ออกเป็น 3 ส่วน ใส่ส่วนที่ 1 ลงไปใช้ความเร็วต่ำตีแค่พอให้ไข่ไก่หายไปในช็อกโกแลต แล้วค่อยเติมส่วนที่ 2 ลงไป ตีเหมือนเดิม และตามด้วยส่วนที่ 3 ตีจนกระทั่งทุกอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน

     4. เติมกลิ่นวานิลลาและแป้งอเนกประสงค์ลงไปตีแค่พอให้แป้งหายไปในเนื้อครีม ถ้าเห็นว่ามีแป้งกระจายติดขอบชามผสมก็ใช้ไม้พายตะล่อมลงมารวมกันให้หมด ตีด้วยความเร็วต่ำจนทุกอย่างเป็นเนื้อเดียวก็พอค่ะ ใส่แป้งลงไปผสมแล้วอย่าตีนาน ใช้ไม้พายตะล่อมเบา ๆ อีกรอบ ตักแบทเทอร์ใส่ฟอร์ม นำไปอบไฟบน-ล่าง ความร้อน 165 องศาเซลเซียส อบนาน 20 นาที อบเสร็จพักไว้บนตะแกรงให้เย็นสนิท แล้วค่อยแต่งหน้าตามความชอบ
 

     2. แบ่งไวท์ช็อกโกแลตส่วนหนึ่งไปละลายด้วยไมโครเวฟ ครั้งแรกละลายที่อุณหภูมิ 800 วัตต์ ประมาณ 20 วินาที นำออกมาคนจนช็อกโกแลตละลายดี เติมน้ำมันลงไปเล็กน้อย แล้วนำไปเข้าไมโครเวฟต่ออีก 20 วินาที ใช้ที่เสียบจุ่มไวท์ช็อกโกแลตละลาย แล้วนำไปจิ้มที่เค้กป๊อปที่นำออกจากช่องแช่แข็งแล้ว พักให้เซตตัวประมาณ 3 นาที

     3. นำไวท์ช็อกโกแลตที่เหลือใส่สีผสมอาหารสีเขียว ปรับสีได้ตามชอบ และนำเค้กป๊อปจุ่มลงไป ทำการเคาะและหมุนให้ช็อกโกแลตเนียนเคลือบเค้กป๊อป และนำไปวางบนกระดาษไขพักให้เซตตัวดี

     4. เริ่มตกแต่งโดยใช้ช็อกโกแลตสีเขียวติดที่ด้านหลังดอกไม้แล้วนำมาตกแต่งบนตัวเค้ก ใช้วิธีจิ้มแช่สักครู่ให้ดอกไม้ติดสนิทไม่หลุด จากนั้นใช้ไม้จิ้มฟันหรือพู่กันจิ้มช็อกโกแลตสีขาวตกแต่งทำลวดลายจุดกระบองเพชร เป็นอันเสร็จ