1. แกงเนื้อ
ส่วนผสม แกงเนื้อ
- เนื้อวัวหั่นชิ้น 400 กรัม
- หางกะทิ 400 มิลลิลิตร
- น้ำพริกแกง 2 ช้อนโต๊ะ
- หัวกะทิ 200 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทราย 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- มะเขือเปราะ
- มะเขือพวง
- พริกชี้ฟ้าแดง
วิธีทำแกงเนื้อ
1. เทหางกะทิลงไปในหม้อ ใส่เนื้อวัวลงไปคนให้เข้ากัน เคี่ยวจนเริ่มเปื่อย ยกลงจากเตา เตรียมไว้
2. ตั้งกระทะใส่หัวกะทิลงไปผัดจนเดือด ตามด้วยพริกแกง ผัดจนกะทิแตกมัน
เคล็ดลับ : การแยกผัดหัวกะทิกับพริกแกงจะทำให้สีของแกงเนื้อดูจัดจ้านน่ารับประทาน
3. ใส่ส่วนผสมพริกแกงที่ผัดไว้ลงในหม้อกะทิ คนให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟต้มและคนให้เข้ากันจนเดือด จากนั้นเบาไฟลง ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและน้ำปลา
4. หั่นมะเขือเปราะแบบผ่า 4 ส่วนแล้วใส่ลงไปในหม้อ ตามด้วยมะเขือพวงและพริกชี้ฟ้า คนให้เข้ากันรอจนเดือดอีกครั้ง
5. ใส่ใบโหระพาลงไปคนต่อสักครู่ ตักใส่ภาชนะ พร้อมเสิร์ฟ
2. แกงเผ็ดเป็ดย่าง
ส่วนผสม แกงเผ็ดเป็ดย่าง
- น้ำพริกแกงเผ็ด 1/4 ถ้วย
- น้ำมันพืชสำหรับผัด
- หัวกะทิ 1 ถ้วย
- เป็ดย่างเฉพาะเนื้อ (หั่นเป็นชิ้น) 1/2 ตัว
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
- หางกะทิ 2 ถ้วย
- สับปะรด (หั่นเป็นชิ้น) 200 กรัม
- มะเขือเทศราชินี (ผ่าครึ่งลูก) 100 กรัม
- ใบมะกรูด (ฉีกก้านกลางออก) 5 ใบ
- ใบโหระพา 1 ถ้วย
- พริกชี้ฟ้าแดง (หั่นเฉียง) สำหรับแต่ง
- ใบโหระพาสำหรับแต่ง
วิธีทำแกงเผ็ดเป็ดย่าง
1. ใส่น้ำมันลงในกระทะ พอร้อนใส่น้ำพริกแกงเผ็ดกับหัวกะทิลงผัดจนแตกมัน จากนั้นใส่เนื้อเป็ดย่างลงผัดให้เข้ากัน
2. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ เตรียมไว้
3. ใส่หางกะทิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ ใส่ส่วนผสมเป็ดผัดพริกแกงลงต้มจนเดือด ใส่สับปะรด มะเขือเทศราชินี และใบมะกรูดลงต้มจนเดือด โรยใบโหระพา ยกลงจากเตา ตักใส่ชาม แต่งด้วยพริกชี้ฟ้าแดง และใบโหระพา พร้อมรับประทาน
3. แกงส้มชะอมกุ้ง
ส่วนผสม แกงส้มชะอมกุ้ง
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- ชะอมเด็ดเป็นใบ 1 ถ้วย
- น้ำพริกแกงส้ม 1/2 ถ้วย
- หอมแดง (ปอกเปลือก) 5 หัว
- กระชาย 100 กรัม
- ปลาทูน่ากระป๋องในน้ำเกลือ หรือน้ำแร่ 1 กระป๋อง (บีบน้ำออกจนแห้ง)
- น้ำเปล่า 5 ถ้วย
- น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะ
- เกลือทะเล 1 ช้อนชา
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 1 ถ้วย
- กุ้งสด (ปอกเปลือกผ่าหลัง) 10 ตัว
- น้ำมันพืช (สำหรับทอดไข่เจียว)
วิธีทำแกงส้มชะอมกุ้ง
1. ตีไข่ไก่พอแตก ใส่ชะอมเด็ดลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลาเล็กน้อย ตีผสมให้พอเข้ากัน
2. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่ไข่ลงไปทอดจนสุก ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน หั่นเป็นชิ้น ๆ ใส่ลงในถ้วย (หรือหม้อสำหรับเสิร์ฟ) เตรียมไว้
3. โขลกน้ำพริกแกงส้ม กระชาย หอมแดง และเนื้อปลาทูน่าเข้าด้วยกันจนละเอียด (หรือนำไปปั่นด้วยเครื่องปั่น)
4. ใส่น้ำลงในหม้อ ตักน้ำพริกแกงส้มที่โขลกลงไปคนให้ละลาย จากนั้นเปิดไฟต้มจนเดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือ น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียก รอจนเดือดแล้วชิมรสตามชอบ
5. ใส่กุ้งสดลงไปต้มพอสุก ปิดไฟ ตักใส่ลงในถ้วยที่รองด้วยไข่เจียวชะอม พร้อมเสิร์ฟ
4. แกงเผ็ดไก่
เนื้อไก่เหลือ ๆ จับมาทำเมนูแกงเผ็ดกันดีไหม สูตรจาก คุณ RinS Cook Book มาพร้อมวิธีทำน้ำพริกแกงเผ็ด ใส่หน่อไม้และใบโหระพา เพิ่มสีสันจากพริกชี้ฟ้า
ส่วนผสม แกงเผ็ดไก่
- น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
- กะทิ 1+1/4 ถ้วย
- เนื้อไก่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ (หรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ ตามชอบ) ประมาณ 142 กรัม
- น้ำซุปหรือน้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
- ใบมะกรูด 3-4 ใบ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 3-4 ช้อนชา
- หน่อไม้ (หั่นเป็นชิ้น) 1/2 ถ้วย
- ใบโหระพา 1/4 ถ้วย
- พริกหวานหรือพริกชี้ฟ้าสีแดงและสีเขียว (หั่นเฉียง)1/3 ถ้วย
- น้ำมันพืชเล็กน้อย สำหรับผัด
ส่วนผสม น้ำพริกแกงเผ็ด
- พริกแห้ง 3 ชนิด ประมาณ 113 กรัม (พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า และพริกหยวก)
- ลูกผักชี 2 ช้อนโต๊ะ
- เม็ดพริกไทยขาว 10 เม็ด
- รากผักชีหรือก้านผักชีสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
- ตะไคร้ปั่นละเอียด 2 ต้น (เฉพาะโคน)
- ข่าปั่นละเอียด 2 ช้อนชา
- ผิวมะกรูดสับละเอียด 2 ช้อนชา
- หอมแดงสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมสับ 1/4 ถ้วย
- กะปิ 2 ช้อนชา
- เกลือทะเล 2 ช้อนชา
เคล็ดลับ : พริกแห้งที่ใช้ถ้าเป็นพริกขี้หนูแห้งจะมีรสเผ็ด ถ้าใช้พริกชี้ฟ้าแห้งจะเผ็ดน้อยลง และพริกหยวกแห้งจะไม่เผ็ดแต่ได้สีที่สวย
วิธีทำน้ำพริกแกงเผ็ด
2. ใส่ลูกผักชีและเม็ดพริกไทยขาวลงไปโขลกในครกให้ละเอียด ตามด้วยรากผักชี ตะไคร้ ข่า ผิวมะกรูด หอมแดง กระเทียม กะปิ เกลือทะเล และพริกแห้งที่แช่น้ำไว้ลงไปโขลกให้เข้ากันจนเนียนละเอียด ประมาณ 5 นาที (หรือนำส่วนผสมทั้งหมดไปปั่นในเครื่องปั่นให้ละเอียด) เก็บใส่ภาชนะ นำเข้าแช่เย็น เก็บไว้ใช้ได้นานเป็นอาทิตย์
วิธีทำแกงเผ็ดไก่
1. ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางพอร้อน ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดลงไปผัดจนหอม ตามด้วยกะทิ ผัดให้เข้ากัน
2. ใส่เนื้อไก่ลงไปผัด เติมน้ำซุปลงไปคนผสมให้เข้ากัน รอจนเดือดแล้วลดไฟอ่อนลง พักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีจนเครื่องแกงซึมเข้าเนื้อไก่และเปื่อยเล็กน้อย
3. ใส่ใบมะกรูดลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลทราย เติมกะทิที่เหลือลงไป คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
4. ใส่หน่อไม้ลงไปคนผสมให้เข้ากัน ตามด้วยพริก รอจนเดือดอีกครั้ง ใส่ใบโหระพาลงไปคนให้เข้ากัน ยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
5. แกงเทโพ
ส่วนผสม แกงเทโพ
- ปลาเค็ม (ในสูตรใช้ปลาสละเค็ม)
- ผักบุ้งไทย
- น้ำพริกแกง
- หัวกะทิ
- มะกรูด
- ส้มแขก
- น้ำมะขามเปียก
- น้ำปลา
วิธีทำแกงเทโพ
1. ผ่าหลังปลาสละ แบะเนื้อออกแล้วชโลมเกลือ อัตราส่วน 3% ของน้ำหนักตัว ปลาตัวนี้น้ำหนักร่วม 8 กิโลกรัม จึงใช้เกลือร่วม ๆ 3 ขีด การใช้เกลือมากเกินไปหรือระยะเวลาที่หมักนานเกินไป จะส่งผลให้เนื้อปลามีความเค็มมาก กินไม่อร่อย ต้องกะเวลาและปริมาณเกลือให้พอดี หลังจากทาเกลือแล้วก็นำใส่ถุงใบใหญ่หมักไว้ค้างคืน รุ่งเช้าจึงล้างเกลือออกแล้วตากแดดจนแห้ง ก็จะได้ปลาสละเค็มเก็บไว้กินตลอดทั้งปี
2. เคี่ยวหัวกะทิจนแตกมันจึงใส่เครื่องแกง พอเดือด ใส่ปลาแห้ง (แช่น้ำไว้แล้ว) ตัดพอคำ ใส่มะกรูดผ่าครึ่ง ชิมพริกแกงว่าเค็มพอไหม อาจจะเพิ่มน้ำปลาลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำมะขามเปียก ก่อนเร่งไฟใส่ผักบุ้ง รอจนเดือดตักเสิร์ฟ
6. แกงเลียง
ส่วนผสม แกงเลียง
- บวบ (หั่นเป็นชิ้นพอคำ) 150 กรัม
- ฟักทอง (หั่นเป็นชิ้นพอคำ) 200 กรัม
- ซูกินี (หั่นเป็นชิ้นพอคำ) 150 กรัม
- ข้าวโพดอ่อน (หั่นสไลซ์) 150 กรัม
- เห็ดกระดุม 150 กรัม
- กุ้งสด 200 กรัม
- น้ำซุปไก่ 3 ถ้วย
- น้ำปลา
- ใบแมงลัก 80 กรัม
ส่วนผสม เครื่องแกงเลียง
- กระชาย 1-2 แง่ง
- หอมแดง 3-4 หัว
- พริกไทยดำ 1+1/2 ช้อนชา
- กุ้งแห้งป่นละเอียด 1/3 ถ้วย
- กะปิ 1 ช้อนชา
วิธีทำแกงเลียง
1. โขลกเครื่องแกงทุกอย่างให้ละเอียดเข้ากัน เตรียมไว้
2. ใส่น้ำซุปไก่ลงในหม้อ ต้มให้เดือด ใส่เครื่องแกงลงไป พอน้ำเดือดก็ใส่ผักที่สุกยากลงไปก่อน ต้มพอเดือดอีกครั้งจึงใส่ผักที่เหลือลงไป ยกเว้นใบแมงลัก พอน้ำแกงเดือดอีกครั้งก็ใส่กุ้งสดลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลา พอส่วนผสมเดือดอีกครั้งก็ใส่ใบแมงลัก ตักเสิร์ฟ
7. แกงพะแนง
ส่วนผสม แกงพะแนง
- น้ำมันพืช สำหรับผัด
- น้ำพริกแกงพะแนง 2 ช้อนโต๊ะ
- กะทิ 1 ถ้วย
- เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นบาง 300 กรัม
- ใบมะกรูดฉีกก้านกลาง 3 ใบ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- ใบโหระพา 50 กรัม
- ใบมะกรูดซอย สำหรับแต่ง
- พริกชี้ฟ้าแดงซอย สำหรับแต่ง
วิธีทำแกงพะแนง
1. ใส่น้ำมันลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ใส่น้ำพริกแกงพะแนงลงผัดจนหอม เติมกะทิลงผัดจนหอม และแตกมัน
2. ใส่เนื้อหมูและใบมะกรูด ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ ผัดผสมจนเนื้อหมูสุก และน้ำเริ่มข้น ใส่ใบโหระพาลงไป เคล้าพอเข้ากัน ยกลงจากเตา ตักใส่จาน โรยด้วยใบมะกรูดซอย และพริกชี้ฟ้าแดงซอย
8. แกงเขียวหวานเนื้อ
ส่วนผสม แกงเขียวหวานเนื้อ
- น้ำพริกแกงเขียวหวาน 1/2 ถ้วย
- น้ำมันพืช สำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
- เนื้อวัวส่วนที่ชอบ หั่นเป็นชิ้น ๆ 500 กรัม
- กะทิ 4 ถ้วย
- ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
- มะเขือพวง 1/4 ถ้วย
- พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉียง 2 เม็ด
- พริกขี้หนูสวน 1 ช้อนโต๊ะ
- โหระพาเด็ดเป็นใบ 1/4 ถ้วย
วิธีทำแกงเขียวหวานเนื้อ
1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่น้ำพริกแกงเขียวหวานลงผัดพอหอม จากนั้นใส่เนื้อลงไปผัดจนสุก
2. เติมกะทิลงไปผัด ใช้ไฟอ่อนเคี่ยวจนเนื้อสุกและนุ่ม ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ คนผสมจนน้ำตาลปี๊บละลาย ชิมรสตามชอบ
3. ใส่มะเขือพวงลงไปต้มจนสุก ใส่พริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู และใบโหระพา คนผสมให้เข้ากัน ยกลงจากเตา ตักใส่ชาม พร้อมเสิร์ฟ
9. แกงเขียวหวานไก่
ส่วนผสม แกงเขียวหวานไก่
- เนื้อไก่ 300 กรัม
- น้ำพริกแกงเขียวหวาน 4 ช้อนโต๊ะ
- มะเขือเปราะ 8 ลูก
- พริกชี้ฟ้าสีแดง 2 เม็ด
- พริกอ่อน 2 เม็ด
- ใบมะกรูด 8-9 ใบ
- ใบโหระพา 1 ถ้วย
- น้ำปลาดี 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- กะทิสำเร็จรูปแบบกล่อง 1,000 มิลลิลิตร จำนวน 1 กล่อง
วิธีทำแกงเขียวหวานไก่
1. เอาหัวกะทิใส่กระทะ ตั้งไฟกลางแล้วก็ใส่น้ำพริกแกงลงไป ผัดไปเรื่อย ๆ รอให้กะทิแตกมัน ใส่เนื้อไก่ที่หั่นไว้ลงผัดกับน้ำพริกแกง ฉีกใบมะกรูดลงไปเพื่อความหอม ผัดสักพักก็ใส่หางกะทิลงไป คนให้เข้ากัน รอให้เดือด
2. ใส่มะเขือเปราะ ตามด้วยพริกชี้ฟ้าแดงและพริกอ่อน คนให้เข้ากัน แล้วปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ชิมรสตามชอบ รอให้เดือดและมะเขือสุกดี สุดท้ายใส่ใบโหระพา กินกับข้าวสวยหรือขนมจีน รับรองว่าอร่อย
10. แกงผักกูด
ส่วนผสม แกงผักกูด
- ผักกูด 200 กรัม
- หมูสามชั้น (หั่นชิ้นพอคำ) 150 กรัม
- พริกชี้ฟ้าแห้ง (แช่น้ำพอนุ่ม) 7 เม็ด
- ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมซอย 1/2 ช้อนชา
- หอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- กะปิ 1+1/2 ช้อนชา
- มะเขือเทศท้อหั่นชิ้น 2 ลูก
- น้ำมะกรูด 1 ผล
- น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
- น้ำปลา 2 ช้อนชา
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
วิธีทำแกงผักกูด
1. ล้างผักกูดให้สะอาด เด็ดเป็นท่อนพอประมาณ
2. โขลกพริกชี้ฟ้า ตะไคร้ กระเทียม หอมแดง และกะปิรวมกันให้ละเอียด
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน นำน้ำพริกแกงที่โขลกไว้ลงผัดให้หอม ใส่หมูสามชั้นลงผัดให้หอม แล้วเติมน้ำเปล่า
4. พอเดือดใส่มะเขือเทศ ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำมะกรูด น้ำปลา และน้ำตาลทราย เคี่ยวสักครู่ชิมรสตามชอบ ใส่ผักกูดลงต้ม พอสุกตักใส่ชามจัดเสิร์ฟร้อน ๆ
11. แกงป่า
วันพิเศษจะให้ทำเมนูแกงป่าผักบุ้งก็ดูธรรมดาไป ลองเปลี่ยนมาทำแกงป่าผักหวานใส่ปลาย่างกันดีไหม สูตรจาก in-kitchen สูตรนี้ใส่กุ้งสดและปลากดย่าง เติมน้ำปลาร้านิดหน่อยพอหอม มาพร้อมวิธีทำน้ำพริกแกงป่า
ส่วนผสม แกงป่า
- ปลากดย่างรมควัน
- กุ้งสด
- ปลาร้า
- น้ำเปล่า
- ผักหวาน
ส่วนผสม น้ำพริกแกงป่า
- พริกขี้หนูแห้ง
- หอมแดง
- กระเทียม
วิธีทำแกงป่าผักหวาน
1. แกะปลากดย่างรมควันเอาแต่เฉพาะเนื้อ (เก็บหัว ก้าง และครีบของปลากรอบไว้) และแกะเปลือกกุ้ง (เก็บหัวกุ้งและเปลือกกุ้ง) เตรียมไว้
2. ตั้งกระทะใส่เนื้อปลาลงไปคั่วด้วยไฟแรง โดยใช้ตะหลิวผัดเร็ว ๆ ตลอดเวลา คั่วไปเรื่อย ๆ จนมีกลิ่นหอมและกรอบมากขึ้น ปิดไฟ พักไว้
3. เอาหัว ก้าง และครีบของปลากรอบ รวมทั้งหัวกุ้งและเปลือกกุ้งใส่ในหม้อ ใส่ตัวปลาร้าตามลงไปเพื่อความเค็มและหอม ใส่น้ำเปล่าแล้วจับขึ้นตั้งไฟอ่อนให้เดือดรุม ๆ สัก 30 นาที เสร็จแล้วกรองเอาแต่น้ำซุป เทกลับใส่หม้อ เปิดไฟอุ่นไปเรื่อย ๆ
4. ตำน้ำพริกแกงป่า โดยโขลกพริกขี้หนูแห้งให้ละเอียด ตามด้วยหอมแดงและกระเทียม โขลกจนละเอียดเข้ากัน (ใส่หอมแดงเยอะกว่ากระเทียม ประมาณ 4 : 1) ตักเครื่องแกงใส่หม้อน้ำซุปที่ตั้งไฟไว้แล้ว เปิดไฟแรงให้เดือดพล่าน ใส่กุ้งกับผักหวานป่าลงไป เอาทัพพีกดให้จมน้ำแกง รอจนกุ้งสุกก็เป็นอันเสร็จ ปิดไฟ
12. แกงป่าปลาดุก
ส่วนผสม แกงป่าปลาดุก
- ปลาดุก (หั่นชิ้น) 500 กรัม
- น้ำพริกแกงป่า 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย
- น้ำเปล่า 2 ถ้วย
- กระชายซอย 100 กรัม
- มะเขือเปราะ (หั่นชิ้น) 200 กรัม
- น้ำปลา
- น้ำตาลปี๊บ
- พริกชี้ฟ้า
- ใบกะเพรา
วิธีทำแกงป่าปลาดุก
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันร้อนใส่น้ำพริกแกงป่าลงไปผัดจนหอม ตามด้วยปลาดุก ผัดให้สุก
2. เติมน้ำเปล่า รอจนเดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลากับน้ำตาลปี๊บ
3. ใส่กระชายกับมะเขือเปราะ รอจนเดือดอีกครั้ง ใส่พริกชี้ฟ้ากับใบกะเพรา ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ
13. แกงไตปลา
ส่วนผสม แกงไตปลา
- ไตปลาอย่างดี 1 ขวด
- น้ำ 1+1/2 ลิตร
- น้ำพริกแกงเผ็ด 200 กรัม
- น้ำมะขามเปียก
- น้ำตาลทราย
- ปลาโอย่าง 1 ตัว หรือปลาทูนึ่ง 5 ตัว (แกะเอาเฉพาะเนื้อ)
- ใบมะกรูด (ฉีกก้านกลาง) 10 ใบ
- ผักสดตามชอบ เช่น หน่อไม้ไร่ ถั่วฝักยาว ฟักทอง มะเขือเปราะ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ อย่างละ 100 กรัม
วิธีทำแกงไตปลา
1. ต้มไตปลาในหม้อ คนผสมจนละลาย ยกลงจากเตา กรองเอาแต่เฉพาะน้ำไตปลา เตรียมไว้
2. ใส่น้ำลงในหม้อ ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดลงคนผสมจนละลาย นำขึ้นตั้งไฟแรง ต้มจนเดือด จากนั้นใส่ไตปลาลงต้ม คนผสมให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียกและน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ
3. ใส่เนื้อปลาที่แกะเตรียมไว้ลงต้มจนเดือด ชิมรส จากนั้นใส่ผักที่หั่นเตรียมไว้ และใบมะกรูดลงต้มจนสุก ยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
14. แกงรัญจวน
ส่วนผสม แกงรัญจวน
- น้ำพริกกะปิปรุงรสชาติตามชอบ 3-4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุปกระดูกหมู 2-3 ถ้วย
- หอมแดงแขกทุบ 3 หัว
- ตะไคร้ทุบและหั่น 4 ชิ้น
- กระเทียมทุบ 3 กลีบ
- ใบโหระพา 1 กำมือ
- น้ำมะนาว 1 ลูก
- เนื้อหมูสันคอหั่นชิ้นบาง เนื้ออกไก่ หั่นเส้นยาว และกุ้งสด น้ำหนักรวมกัน 250 กรัม
วิธีทำแกงรัญจวน
1. เทน้ำซุปลงหม้อตั้งไฟปานกลาง พอน้ำเริ่มเดือดใส่น้ำพริกกะปิลงไปละลายให้เข้ากัน จากนั้นใส่หอมแดง ตะไคร้ กระเทียม และพริกขี้หนูสวน ตามลงไปต้มประมาณ 3-5 นาที
2. พอส่วนผสมเริ่มส่งกลิ่นหอม ให้ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว หากชิมน้ำแกงแล้วยังเค็มไม่ได้ใจ (สามารถใส่เกลือทะเลลงไปได้ตามชอบ) จากนั้นนำเนื้อหมู เนื้อไก่ ที่เตรียมไว้ใส่ลงไปต้ม กุ้งสดให้ใส่ท้ายสุด เพราะสุกเร็ว
3. สุดท้ายบีบมะนาวลงไปเล็กน้อย หากอยากได้รสเปรี้ยว แล้วจึงใส่ใบโหระพาตามลงไป ตักใส่ชาม ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยตะไคร้
15. แกงเห็ดเผาะ
ส่วนผสม แกงเห็ดเผาะ
- พริกขี้หนูแดง (ตามชอบ)
- ตะไคร้หั่น
- หอมแดงซอย
- น้ำซุปกระดูกหมู
- น้ำตาลทราย
- น้ำปลา
- น้ำปลาร้า (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
- เห็ดเผาะ (หั่นครึ่งหรือไม่หั่นก็ได้)
- ใบมะขามอ่อน 1 ถ้วย
- น้ำมะนาว
วิธีทำแกงเห็ดเผาะใบมะขามอ่อน
1. ตำพริกขี้หนู ตะไคร้ และหอมแดงพอหยาบ ๆ เตรียมไว้
2. ต้มน้ำซุปกระดูกหมูกับเครื่องที่โขลกไว้ พอเดือด
3. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายกับน้ำปลา ชิมรสตามชอบ
4. พอน้ำเดือดอีกครั้งให้ใส่เห็ดเผาะลงไป รอจนเดือดอีกครั้ง หรือเห็ดสุกดี ปิดเตา ใส่ใบมะขามอ่อนลงไป ปรุงรสเปรี้ยวด้วยน้ำมะนาว คนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
16. แกงอ่อมไก่
ส่วนผสม แกงอ่อมไก่
- ไก่บ้าน 1/2 ตัว
- พริกแห้ง 10 เม็ด
- พริกขี้หนูสด 10 เม็ด (ใส่ตามชอบ)
- เกลือ 1 ช้อนชา
- กระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ
- กระชาย 2 ช้อนโต๊ะ
- ตะไคร้ 2 ต้น
- หอมแดง 5 หัว
- ข่า 8 แว่น
- ใบมะกรูด 8 ใบ
- น้ำซุปไก่ 3 ถ้วย
- ผงปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ (ใส่ตามชอบ)
- ข้าวคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
- มะเขือเปราะ
- ผักชีลาว
- ต้นหอม
- ใบแมงลัก 1 กำ (ในสูตรใช้ใบโหระพา)
- ผักโสภณ
- ผักอื่น ๆ ตามชอบ
วิธีทำแกงอ่อมไก่บ้าน
1. น้ำพริกแกงอ่อมกันก่อน ตำพริกกับเกลือ และเครื่องแกงต่าง ๆ ให้พอหยาบ ๆ ไม่ต้องละเอียดมาก
2. นำน้ำซุปไก่ใส่หม้อ พอน้ำขลุกขลิก แล้วใส่น้ำพริกแกงอ่อม ตามด้วยไก่บ้านที่สับไว้เป็นชิ้น ๆ ลงผัดกับน้ำพริกแกงอ่อมให้สุก พอหนังไก่เด้ง เติมน้ำซุปไก่ให้ท่วมชิ้นไก่ เนื้อไก่บ้านจะเหนียว ต้มต่ออีก 10 นาที หรือจนไก่สุกดี
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา ผงปรุงรส และข้าวคั่ว ใครจะใส่ปลาร้าก็ใส่ตอนนี้ ปรุงรสตามชอบ ใส่มะเขือเปราะ ผักชีลาว ต้นหอม ใบโหระพา ใบแมงลัก ผักโสภณ และผักต่าง ๆ ตามชอบ กดผักให้จมลงในน้ำแกง รอให้เดือดสักพักก็เสร็จแล้ว กินกับข้าวเหนียวก็อร่อย
17. แกงขี้เหล็ก
ส่วนผสม แกงขี้เหล็ก
- ใบต้นขี้เหล็ก 250 กรัม
- เกลือ
- เนื้อย่าง 300 กรัม
- เนื้อปลาอินทรีเค็ม 1 ช้อนโต๊ะ
- เนื้อปลานิล 1/2 ตัว
- กระชาย 1/2 ถ้วย
- น้ำพริกแกงแดง 1/2 ถ้วย
- กะทิ 600 กรัม 1 กระป๋อง
- น้ำปลาดี 3-4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำแกงขี้เหล็กเนื้อย่าง
1. นำใบขี้เหล็กที่ซื้อมาต้ม โดยใส่เกลือเพื่อลดความขม ต้มแล้วล้างน้ำเปล่า บีบน้ำออก ทำแบบนี้ 2 รอบ ความขมจะลดลงมาก
2. ระหว่างต้มใบขี้เหล็ก นำเนื้อหรือเนื้อหมูมาหมักกับน้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว ประมาณ 5 นาที ก่อนนำไปย่าง ใครชอบหมูก็เปลี่ยนเป็นเนื้อหมู คอหมูก็อร่อย จากนั้นนำเนื้อไปย่างแค่พอสุกแบบเนื้อน้ำตก อย่าให้เนื้อสุกมาก จะแห้งแกงไม่อร่อยจากนั้นนำเนื้อย่างมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ
3. นำชิ้นเนื้อปลาเค็มมาใส่น้ำแล้วต้มให้สุก กรองเอาแต่น้ำปลาเค็มเข้มข้น ใครไม่ใช้ปลาเค็มก็ใช้ปลาร้าได้เลย
4. เตรียมเครื่องแกง ถ้าให้สะดวกนำพริกแกงแดงมาตำรวมกับกระชายให้หอม ใส่เนื้อปลาต้มสุกตำรวมกับน้ำพริกด้วย ใครมีปลาช่อน ปลานิล ปลาอะไรแล้วแต่สะดวก สูตรแกงขี้เหล็กแต่ละบ้านก็แตกต่างกันไป บางท่านไม่ใส่เนื้อปลา
5. นำหัวกะทิมาผัดกับเครื่องแกงจนกะทิแตกมัน ใส่เนื้อย่างลงไปผัดกับพริกแกง เติมหางกะทิ พอเดือดใส่ใบขี้เหล็กที่ล้างน้ำบีบน้ำออกแล้วมาใส่หม้อ พอให้ใบขี้เหล็กอ่อนนุ่ม แกงชนิดนี้ไม่ใส่น้ำแกงมาก เอาพอขลุกขลิก
6. ปรุงรสด้วยน้ำต้มปลาเค็มหรือน้ำปลาร้าต้มสุก น้ำตาลปี๊บ และน้ำปลา เคี่ยวน้ำแกงอีกสักครู่ ชิมรสชาติ สุดท้ายจะใส่หัวกะทิ คนให้เข้ากัน ปิดไฟ
18. แกงอ่อม
ส่วนผสม แกงอ่อมหมู
- ขั้วตับหมู 1 กิโลกรัม
- เครื่องในหมู 1/2 กิโลกรัม (ตับเหล็ก ไส้อ่อน และหัวกระเพาะ)
- หมูสามชั้น
- ข่า
- ตะไคร้
- ใบมะกรูด
- น้ำพริกแกงอ่อม (ประกอบด้วยกระเทียม หอมแดง ข่า ตะไคร้ พริกแห้ง และกะปิ ปั่นละเอียด)
- น้ำเปล่า
- เลือดหมูสด
- ใบมะกรูด
- พริกลูกโดด
- ต้นหอมซอย
วิธีทำแกงอ่อม
1. เอาเครื่องในทั้งหมดมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ หยิบหมูสามชั้นในตู้เย็นมาหั่น ซอยข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด เทลงหม้อ ตามด้วยน้ำพริกแกงอ่อม เติมน้ำลงไปนิดหนึ่ง คนคลุกเคล้าให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ผัดน้ำให้หมูหดตัว น้ำแกงหอมเข้าที่
2. นำเลือดหมูไปต้มให้สุกเตรียมไว้
3. ผัดหมูจนน้ำงวด เติมน้ำลงไปแล้วใช้ทัพพีสับ ๆ เลือดที่ต้มใส่ลงไปด้วย
4. ใส่หมูลงไป เคี่ยวไฟอ่อนให้หมูเปื่อย ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งเลือดจะทำให้น้ำแกงสีคล้ำลงไป แต่เพิ่มความเข้มข้นขึ้นเยอะ ใส่ใบมะกรูด และพริกลูกโดดลงไปด้วยเผื่อคนชอบเผ็ด กินกับข้าวเหนียว ข้าวสวย หรือขนมจีน
19. แกงหน่อไม้
ส่วนผสม แกงหน่อไม้
- น้ำใบย่านาง
- พริกสด
- หอมแดง
- ข้าวเบือ
- น้ำปลาร้า
- หน่อไม้
- เห็ดฟาง
- ชะอม
วิธีทำแกงหน่อไม้ใบย่านาง
1. โขลกข้าวเบือให้ละเอียด และโขลกพริกสดและหอมแดงพอหยาบ
2. เทน้ำย่านางคั้นสดใหม่ใส่หม้อ ตั้งไฟให้ร้อนแล้วใส่พริกสดกับหอมแดงที่โขลกไว้ตามลงไป พอเดือดก็ใส่น้ำปลาร้าและข้าวเบือ ปล่อยไว้ให้เดือด
3. พอเครื่องแกงเดือดเผ็ดร้อนดีแล้ว ใส่หน่อไม้กับเห็ดฟาง ชิมรสชาติตามชอบ บางคนก็จะเพิ่มน้ำปลา แต่ในสูตรไม่ได้เพิ่ม เพราะแค่น้ำปลาร้าก็เอาอยู่ นัวมากจริง ๆ สุดท้ายก็ใส่ชะอม ปิดเตา
20. แกงสับนก
ส่วนผสม แกงสับนกปลา
- เนื้อปลา สับละเอียด
- น้ำแข็ง
- หัวกะทิ
- เกลือ
- น้ำพริกแกง
- น้ำปลา
- น้ำตาลปี๊บ
- มะเขือพวง
- กระชาย
- พริกสด
- ใบมะกรูด
- ใบโหระพา
ส่วนผสม น้ำพริกแกง
- กระชาย
- พริกไทยดำ
- ผิวมะกรูด
- หางกะทิ
วิธีทำแกงสับนกปลา
1. ทำพริกแกงโดยปั่นหัวกระชาย พริกไทยดำ และผิวมะกรูด และหางกะทิรอไว้
2. เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน หัวกะทิน้ำแรกตักขึ้นจากกระทะ เคี่ยวไฟอ่อนจนแตกมันแล้วค่อย ๆ เติมหัวกะทิที่เหลือเคี่ยวต่อ เมื่อแตกมันได้ที่ สังเกตริมกระทะจะมันเยิ้ม ค่อย ๆ ใส่พริกแกงลงไปแล้วเคี่ยวให้หอม ประมาณ 15-20 นาที พริกแกงถึงจะสุกและส่งกลิ่นหอม
3. นำปลาเล็กปลาน้อยพร้อมปลากุเลาตัวใหญ่กิโลกว่า ๆ มาแล่เนื้อ ปลิดหนังออกแล้วสับจนก้างราวท้องละเอียด จากนั้นนำลงไปโขลกในครกหิน ใส่น้ำแข็งสักหน่อย ใส่เกลือสักนิด การใส่น้ำแข็งลงในเนื้อปลาเพื่อให้เนื้อปลาคลายความกระด้างลง ถ้าเป็นเนื้อปลาล้วน ๆ จะกระด้าง กินแล้วสาก ๆ ไม่นุ่มจึงต้องใส่น้ำแข็งลงไป น้ำแข็งละลายเป็นน้ำเพิ่มความชื้นให้เนื้อปลานุ่มขึ้น ใส่เกลือเพื่อเพิ่มรสชาติ โขลกเนื้อปลาจนเป็นเนื้อเดียวกัน เนื้อปลาจะเหนียวยกสากขึ้นได้ยาก ปั้นก้อนแล้วใส่ลงในเครื่องแกงกะทิ ชิมรสสัมผัสของเนื้อปลา ถ้าไม่เหนียวก็โขลกต่อ ถ้าจืดก็ปรับเพิ่มเกลือ ถ้ามีเครื่องปั่นจะช่วยให้ขั้นตอนการโขลกเนื้อปลารวดเร็วขึ้น
4. เมื่อปลาได้ที่ก็ปั้นใส่ลงในกระทะ ปรับชิมรสชาติแกง เติมน้ำปลากับน้ำตาลปี๊บเท่านั้น ใส่มะเขือพวง กระชาย พริก ใบมะกรูด และโหระพา ตักเสิร์ฟ
21. แกงเหลืองสับปะรด
ส่วนผสม แกงเหลืองสับปะรด
- สับปะรด 500 กรัม
- น้ำพริกแกงส้ม (ใต้) 50-100 กรัม (ถ้าใส่กะปิไว้แล้ว ไม่ต้องใส่เพิ่ม)
- กะปิ 2 ช้อนชา
- น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ + 1 ช้อนชา
- เกลือ 1+1/2 ช้อนชา
- ส้มแขก ตามชอบ
- น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
- ปลา 350 กรัม
เคล็ดลับ
- แนะนำให้นำส้มแขกแช่น้ำเปล่าก่อนสัก 20 นาที จากนั้นค่อยใส่สับปะรดและเครื่องปรุงอื่น ๆ ตามลงไป เพราะว่าถ้าใส่ลงไปในน้ำช่วงแรก ๆ รสเปรี้ยวจะยังไม่ค่อยออก อาจทำให้เผลอใส่มากจนเปรี้ยวเกินไป ตามปกติแกงส้มใต้ มักจะนิยมใส่มะนาว หรือส้มแขก เพื่อเพิ่มความเปรี้ยว แต่ถ้าใครไม่ชอบเปรี้ยวแบบแหลม ๆ ให้ใส่มะขามเปียกแทนก็ได้
วิธีทำแกงเหลืองสับปะรด
1. นำสับปะรด น้ำพริกแกงส้ม กะปิ น้ำตาลมะพร้าว เกลือ ส้มแขก และน้ำเปล่าใส่ลงไปในชามทนความร้อน ปิดฝา นำเข้าไมโครเวฟไฟแรง 600 วัตต์ เป็นเวลา 15 นาที
2. ใส่เนื้อปลาลงไป คนให้กระจายเล็กน้อย ปิดฝา นำเข้าไมโครเวฟไฟแรง 600 วัตต์ อีก 5-10 นาที จัดเสิร์ฟ
22. แกงเหลืองมะละกอ
ส่วนผสม แกงเหลืองมะละกอ
- น้ำ 600 มิลลิลิตร
- น้ำพริกแกงเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
- มะละกอดิบ ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้น 300 กรัม
- น้ำมะขามเปียก 1/4 ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
- กุ้งสด ปอกเปลือกผ่าหลัง 200 กรัม
ส่วนผสม น้ำพริกแกงเหลือง
- พริกชี้ฟ้าเหลือง ปริมาณตามความชอบ
- กระเทียม 1/2 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดง 1 หัว
- ตะไคร้ซอย 1 ต้น
- ขมิ้นชัน 1 ช้อนโต๊ะ
- กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำพริกแกงเหลือง
- โขลกผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันจนละเอียด เตรียมไว้
วิธีทำแกงเหลืองมะละกอ
1. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่น้ำพริกแกงเหลือง คนผสมให้เข้ากัน ต้มจนเดือดอีกครั้ง
2. ใส่มะละกอลงต้มจนเริ่มสุก ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ และเกลือป่น คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ต้มจนเดือดอีกครั้ง จากนั้นใส่กุ้งลงต้มจนสุก ตักใส่ถ้วย พร้อมรับประทาน
23. แกงเหลืองไหลบัว
ส่วนผสม แกงเหลืองไหลบัวกุ้ง
- น้ำพริกแกงเหลือง
- ไหลบัว
- กุ้งสด
- น้ำสะอาด
- เกลือ 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 1 ทัพพี
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา (เราใส่เพื่อตัดรสชาติค่ะ เพื่อน ๆ จะไม่ใส่ก็ได้แล้วแต่ความชอบค่ะ)
- น้ำมะขามเปียก 3 ทัพพี
ส่วนผสม น้ำพริกแกงเหลือง
- พริกขี้หนูแดง 15 เม็ด
- พริกเม็ดใหญ่แห้ง 3 เม็ด
- ขมิ้นชัน (หั่นท่อนยาวประมาณนิ้วชี้ ถ้าบดละเอียดก็จะได้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ)
- กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดง 4-5 หัว
- กระเทียมกลีบเล็ก 5-6 กลีบ
วิธีทำน้ำพริกแกงเหลือง
- นำส่วนผสมน้ำพริกแกงเหลืองทั้งหมดไปตำ (ถ้าตำไม่ไหวก็ปั่นเอาเลย) ใส่น้ำสะอาดเติมลงไปในโถปั่น ประมาณ 2 ถ้วยตวง กดปั่นให้ละเอียด
วิธีทำแกงเหลืองไหลบัวกุ้ง
1. เทน้ำพริกแกงเหลืองลงไปในหม้อ ตามด้วยน้ำสะอาด กะให้ได้ประมาณ 1/3 ของหม้อ ใช้ไฟกลาง รอให้น้ำเริ่มเดือดก็ใส่เกลือป่นลงไป ตามด้วยกุ้ง ไม่ต้องคนเพราะเดี๋ยวเนื้อกุ้งจะเละ แต่ถ้าต้มนานมาก ๆ เนื้อก็จะแข็งกระด้างไม่เด้ง กะเวลาประมาณ 3 นาที จากนั้นก็ตักกุ้งขึ้นมาพักไว้ ใส่ไหลบัวลงไป พอเดือดสักพักก็ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย และน้ำมะขามเปียก คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
2. ใส่กุ้งที่ตักขึ้นมาพักไว้ลงไป ปล่อยให้เดือดจัด ๆ สักพักก็ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย
24. แกงส้มหน่อไม้ดอง
ส่วนผสม แกงส้มหน่อไม้ดอง
- หน่อไม้ดอง
- น้ำเปล่า (สำหรับต้ม)
- น้ำพริกแกงส้ม
- น้ำมะขามเปียก
- น้ำปลา
- น้ำตาลปี๊บ
- ปลาสด หรือกุ้งสด
- ใบมะกรูด
วิธีทำแกงส้มหน่อไม้ดอง
1. นำหน่อไม้ดองไปต้มแล้วเทน้ำทิ้งสัก 1 รอบ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ
2. นำน้ำพริกแกงส้มไปละลายน้ำ นำขึ้นตั้งไฟให้เดือด ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บตามชอบ
3. พอน้ำแกงเดือดจัดใส่ปลาลงไปต้มให้สุก ระหว่างนี้ห้ามคนเด็ดขาดเพื่อไม่ให้คาว (กรณีใช้กุ้งสดให้ข้ามขั้นตอนนี้ไป โดยใส่กุ้งสดในขั้นตอนสุดท้าย)
4. ใส่หน่อไม้ที่เตรียมไว้ลงไป พอเดือดชิมรสอีกครั้งให้ถูกใจ ใส่ใบมะกรูดแล้วก็ปิดไฟ (หากใช้ปลาทะเลที่มีกลิ่นคาวจัด ควรเพิ่มน้ำมะกรูด และลูกมะกรูดลงไปช่วยดับคาว) ตักใส่ชาม พร้อมเสิร์ฟ
25. แกงส้มปลากระบอก
ส่วนผสม แกงส้มปลากระบอก
- พริกสด 80 เม็ด
- กระเทียม
- ขมิ้นสด
- กะปิ
- เกลือ หรือน้ำปลา
- น้ำมะนาว
- น้ำตาลทราย
- ออดิบ
วิธีทำแกงส้มปลากระบอก
1. เอาพริกมาปั่นหรือตำตามสะดวก แต่การตำจะทำให้หอมและอร่อยกว่าปั่น ใส่กระเทียม ขมิ้น และกะปิลงไปปั่นด้วยกันจนละเอียด
2. ตั้งหม้อใส่น้ำเปล่า ใส่น้ำพริกแกงลงไป พอน้ำแกงเดือดใส่ปลาลงไป ปรุงรสด้วยเกลือหรือน้ำปลาตามชอบ เติมน้ำตาลนิดหน่อย พอปลาสุกเติมน้ำมะนาว ใส่ออดิบลงไป เร่งไฟจนเดือดแล้วปิดไฟ จัดเสิร์ฟ
26. แกงส้มไข่ปลา
ส่วนผสม แกงส้มไข่ปู ไข่ปลา
- ไข่ปู
- ไข่ปลาริวกิว
- พริกสด
- กระเทียม
- ขมิ้น
- เกลือ
- กะปิ
- น้ำเปล่า
- น้ำปลา
- ผงปรุงรส (รสดี) ปลายช้อนกินข้าว
- น้ำตาลทราย
- น้ำมะนาว 1 ช้อนกินข้าว
วิธีทำแกงส้มไข่ปู ไข่ปลา
2. โขลกพริกสด กระเทียม และขมิ้นพอหยาบ ใส่เกลือกับกะปิลงไปโขลกจนเข้ากัน
3. ตั้งน้ำจนเดือด ใส่พริกแกงลงไป พอน้ำแกงเดือดแล้วรออีกราว 5 นาที ปล่อยให้เครื่องแกงรับความร้อนเต็มที่ จนส่งกลิ่นหอมโชยก่อนค่อยใส่ปูลงไป
4. หลังจากใส่ปูลงไปให้เริ่มจับเวลา ใช้เวลาแกงไม่เกิน 10 นาที เริ่มจากการใส่ปูแล้วนับเวลา 5 นาที หลังจากนั้นใส่ไข่ปลาที่ผ่านการลวกแล้วลงไปให้สุกแบบยางมะตูมข้น ๆ ใช้เวลาอีก 3 นาที รวมทั้งหมด 8 นาที ปรุงรสด้วยน้ำปลา รสดีปลายช้อน ตัดน้ำตาลช้อนหนึ่ง แล้วใส่มะนาว ปิดไฟ ชิมรสเปรี้ยวจัด ๆ เค็มเบา ๆ เผ็ดตามหลัง ตักใส่ถ้วย
27. แกงปู
ส่วนผสม แกงปู
- น้ำพริกแกง
- กะปิ
- เนื้อปู
- กะทิ
- ใบชะพลู
- น้ำตาลทราย
- เกลือ
วิธีทำแกงปู
1. นำหม้อขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ ใส่หัวกะทิ ใส่เครื่องแกงและกะปิลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากัน ตั้งไฟอ่อน ๆ พอเดือด เริ่มมีกลิ่นหอมของเครื่องแกง ค่อย ๆ เติมหางกะทิ
2. ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและเกลือ ชิมให้ได้รสที่ต้องการ
3. ใส่เนื้อปูและใบชะพลู คนอีกรอบแบบเบามือ ระวังเนื้อปูจะเละ รอเดือด ตักใส่จานเสิร์ฟได้เลย ทำตามตามวิธีนี้ น้ำแกงที่ได้เข้มข้น ไม่แตกตัวและไม่แตกมัน สำหรับใครที่ไม่ชอบใบชะพลูก็สามารถตัดออกได้ สามารถกินกับขนมจีน หรือกินคู่กับเส้นหมี่ได้ด้วย หรือจะทำเป็นกับข้าวก็ได้เหมือนกัน
28. แกงคั่วหอยแมลงภู่
ส่วนผสม แกงคั่วหอยแมลงภู่
- มะยมลูกแก่ ๆ 2 ถ้วยตวง
- หอยแมลงภู่สด (แกะเอาแต่เนื้อ) 500 กรัม
- หางกะทิ 2 ถ้วยตวง
- น้ำปลา 2+1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่นหยาบ 2 ช้อนชา
- ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
- พริกชี้ฟ้าสีแดง (หั่นเฉียง) 1 เม็ด
- น้ำเปล่า
ส่วนผสม น้ำพริกแกง
- พริกชี้ฟ้าแห้ง 7 เม็ด (แกะเมล็ดออกแช่น้ำพอนุ่ม)
- พริกขี้หนูแห้ง 2 เม็ด
- กระเทียมไทย 5 กลีบ
- หอมแดง (ปอกเปลือกหั่นหยาบ) 3 ช้อนโต๊ะ
- กะปิ 2 ช้อนชา
วิธีทำแกงคั่วหอยแมลงภู่
1. โขลกส่วนผสมน้ำพริกแกงรวมกันให้ละเอียด เตรียมไว้
2. โขลกมะยมกับเกลือป่นพอแตก แล้วนำเมล็ดออก ล้างให้สะอาด บีบให้แห้งเตรียมไว้
3. ต้มน้ำเปล่าพอเดือด ใส่หอยแมลงภู่ลงลวกแค่พอสุก ตักขึ้นใส่ตะแกรงพักให้สะเด็ดน้ำ
4. ผสมน้ำพริกแกงกับหางกะทิ คนให้ละลายแล้วใส่มะยมลงไป ยกขึ้นตั้งไฟพอเดือด แล้วเคี่ยวต่อสักครู่ให้เนื้อมะยมนิ่ม ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ รอให้เดือดอีกครั้งแล้วค่อยใส่หอยแมลงภู่ลงไป ชิมรสชาติตามชอบ สุดท้ายใส่ใบมะกรูดและพริกชี้ฟ้าลงไป คนผสมให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
29. แกงคั่วสับปะรด
ส่วนผสม แกงคั่วสับปะรด
- เนื้อสันในหมู (หั่นชิ้น) 250 กรัม
- สับปะรดศรีราชา (หั่นชิ้น) 300 กรัม
- หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
- กะทิ (ความเข้มข้นปานกลาง) 3 ถ้วยตวง
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 2-3 ช้อนโต๊ะ
- พริกชี้ฟ้าสีแดง (หั่นเฉียง) 2 เม็ด
- ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำพริกแกงคั่ว
ส่วนผสม น้ำพริกแกง
- พริกชี้ฟ้าแห้ง 5 เม็ด (แกะเมล็ดออกแช่น้ำพอนุ่ม)
- พริกขี้หนูแห้ง (แช่น้ำพอนุ่ม) 5 เม็ด
- หอมแดง (หั่นหยาบ) 50 กรัม
- กระเทียมไทย 20 กรัม
- ข่าซอย 1 ช้อนชา
- กะปิ 2 ช้อนชา
วิธีทำน้ำพริกแกงคั่ว
- โขลกส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันจนละเอียด
วิธีทำแกงคั่วสับปะรด
1. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชลงไป พอร้อนใส่น้ำพริกแกงคั่วลงผัดพอหอม ค่อย ๆ เติมหัวกะทิจนหมด ผัดจนกะทิแตกมัน
2. เติมกะทิพอเดือด ใส่เนื้อหมูลงไปผัดรอจนสุก ตามด้วยสับปะรด
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียก คนพอเข้ากันแล้วเคี่ยวต่อสักครู่
4. โรยใบมะกรูดและพริกชี้ฟ้า คนพอเข้ากัน ยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ