1. ไข่เค็ม

ส่วนผสม ไข่เค็ม
- ไข่เป็ดดิบ 10 ฟอง
- ภาชนะสำหรับดองไข่ (เลือกภาชนะที่ไม่ทำปฏิกิริยากับเกลือ เช่น โหลแก้ว แก้วพลาสติก กะละมัง หรือเครื่องเคลือบดินเผา)
- เกลือ 1 ถ้วย
- น้ำสำหรับต้มน้ำเกลือ 4 ถ้วย (หรือ 1 ลิตร)
วิธีทำไข่เค็ม
1. ล้างไข่เป็ดให้สะอาด สะเด็ดน้ำจนแห้งสนิท ใส่ลงในโหลแก้ว เตรียมไว้
2. ทำน้ำเกลือสำหรับดองไข่ โดยใส่เกลือกับน้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนเดือด และคนให้เกลือละลายจนหมด ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
3. เทน้ำเกลือที่เย็นแล้วลงในโหลไข่จนท่วมไข่ จากนั้นใช้ถุงพลาสติกใส่น้ำวางทับลงไปให้ไข่เป็ดจมอยู่ใต้น้ำ ตลอดเวลา ปิดฝาให้สนิท เก็บไว้ในที่ร่ม นานประมาณ 2-3 อาทิตย์ สำหรับทำไข่ดาว เก็บไว้นานประมาณ 2 อาทิตย์ และสำหรับทำไข่ต้ม เก็บไว้นานประมาณ 3 อาทิตย์
2. หมูแดดเดียว (ใช้เตาอบ)

สูตรจาก คุณ Kitty Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม หมูแดดเดียว
- เนื้อหมู (สันคอ) 500 กรัม
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำหมูแดดเดียว
1. นำเนื้อหมูมาล้างทำความสะอาด ซับให้แห้งแล้วหั่นยาวตามสไตล์หมูแดดเดียว
2. ผสมกระเทียม งาขาว น้ำตาลทราย และพริกไทย คนให้เข้ากัน
3. ใส่ซีอิ๊วขาวกับน้ำมันหอยลงไป คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี ก็เริ่มหมักหมูกันได้เลย ใส่หมูที่เตรียมไว้คลุกเคล้าให้เข้ากัน (พักหมูไว้ในตู้เย็น 2 ชั่วโมง)
4. พอครบเวลาก็นำหมูออกจากตู้เย็นมาวางเรียงบนตะแกรง เรียงให้ห่างกันเล็กน้อย
5. นำเข้าเตาอบ เปิดไฟบน-ไฟล่างระบบพัดลมที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส อบเนื้อจนแห้งประมาณ 4 ชั่วโมง เสร็จแล้วก็เอาไปทอดจนสุกเหลือง
3. ปลาหมึกแดดเดียว

สูตรจาก คุณมอแกนน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม ปลาหมึกแดดเดียว
- ปลาหมึกศอก 4 ตัว
- เกลือ 2-3 ช้อนโต๊ะ
- ผงปรุงรส (รสดี) 1/2 ช้อนชา
- น้ำมันสำหรับทอด
วิธีทำปลาหมึกแดดเดียว
1. ผ่าปลาหมึกออก เอาไส้และเอาดีออก ผ่าตาแล้วล้างน้ำสะอาด ทาเกลือบาง ๆ เพิ่มผงปรุงรสให้ทั่วตัวแล้วผึ่งแดด การผ่าแบบนี้สามารถตากให้แห้งทำหมึกแห้งก็ได้ แต่ตอนนี้จะทำปลาหมึกแดดเดียว ผึ่งแดดประมาณครึ่งวันราว 4 ชั่วโมง พอครบ 2 ชั่วโมงก็กลับด้าน สังเกตพอแค่ผิวหมาด ๆ และจับดูแล้วผิวแห้ง แต่ด้านในชื้นก็เพียงพอ
2. หั่นปลาหมึกชิ้นหนาหรือบางตามชอบ ถ้าหั่นชิ้นบางใช้เวลาทอดไม่นาน กินแบบริม ๆ กรอบ ถ้าหั่นชิ้นหนาใช้เวลาทอดเพิ่มอีกนิด ใช้ไฟแรงน้ำมันร้อนจัด ใส่ปลาหมึกลงไปสักพักแล้วหรี่ไฟลง ทอดไม่ถึง 3 นาทีหรือจนผิวเหลือง ตักปลาหมึกขึ้นพัก รอให้คลายตัวสักครู่จัดเสิร์ฟ
4. เนื้อแดดเดียว

ส่วนผสม เนื้อแดดเดียวทอด
- เนื้อวัว 500 กรัม
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ (เล็กน้อย)
วิธีทำเนื้อแดดเดียวทอด
1. หั่นเนื้อตามเส้นเป็นชิ้นยาวหนาประมาณ 1/2 นิ้ว
2. ใส่น้ำปลา ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม และน้ำตาลทราย ลงไปหมักกับเนื้อ นวดผสมจนซอสซึมเข้าเนื้อ
3. วางเรียงเนื้อที่หมักไว้บนตะแกรง นำไปตากแดดจนเนื้อแห้งหมาด ๆ เก็บใส่ภาชนะปิดให้สนิท นำเข้าแช่แข็ง
4. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไป ใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อนรอจนน้ำมันร้อน จากนั้นใส่เนื้อลงไปทอดจนด้านในเริ่มสุก ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันจากนั้นนำลงไปทอดซ้ำอีกครั้งจนสีเข้มขึ้น พร้อมเสิร์ฟ
5. ปลาแดดเดียว

สูตรจาก คุณมอแกนน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม ปลาแดดเดียว
- เนื้อปลาริวกิว
- น้ำเกลือ
วิธีทำปลาแดดเดียว
1. ปลาริวกิว จะมีความคาวที่เมือกบนลำตัวและเหงือก ต้องล้างด้วยน้ำเกลือ หรือน้ำซาวข้าว จากนั้นแล่ปลาออกเป็นชิ้นเนื้อแบบฟิเล 2 แผ่น (ส่วนหัวและเนื้อติดกระดูกจับไปทำแกงส้ม)
2. เนื้อปลาที่แล่เป็นแผ่นแล้ว นำมาบั้งเป็นริ้วให้เป็นเส้น ๆ จากนั้นนำไปแช่น้ำเกลือ 1 ชั่วโมง
3. นำปลาไปตากแบบแดดเดียวราว ๆ 4 ชั่วโมง อย่าตากมากกว่านั้นเพราะหนังปลาจะเหนียว เนื้อก็จะแข็ง โดยตาก 2 ชั่วโมง พลิกกลับอีกด้าน ตากต่ออีก 2 ชั่วโมง จะนำไปทอดทั้งเส้น หรือตัดเป็นชิ้นแล้วทอดตามสะดวก
6. หมูแดดเดียว

สูตรจาก คุณ Phorn_Kitchen สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม หมูแดดเดียว
- เนื้อหมูส่วนสะโพก หั่นเป็นเส้น 500 กรัม
- ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยเม็ด 10 กรัม
- กระเทียม 15 กรัม
วิธีทำหมูแดดเดียว
1. โขลกกระเทียมกับพริกไทยให้ละเอียด ใส่ลงไปหมักกับหมู เติมซอสปรุงรส และซีอิ๊วขาว คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ 30 นาที นำตอกมาร้อยให้เป็นพวงแล้วนำไปตากแดด 2 ชั่วโมง
2. ตั้งน้ำมันให้ร้อนนำหมูลงทอด เมื่อหมูสุกแล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน กินคู่กับข้าวเหนียว จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่ว
7. หมูสวรรค์เม็ดผักชี

ส่วนผสม หมูสวรรค์เม็ดผักชี
- เนื้อหมูไม่ติดมัน 500 กรัม
- กระเทียมไทย (โขลกละเอียด) 1/2 ถ้วย (หรือประมาณ 20 กลีบ)
- ซีอิ๊วขาว 8 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
- ลูกผักชีโขลก 2 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
วิธีทำหมูสวรรค์เม็ดผักชี
1. สไลซ์หมูเป็นแผ่น อย่าหั่นบางมากเพราะเวลาตากแดดจะทำให้เนื้อหมูแห้งและแข็งจนเกินไป
2. เจียวกระเทียมกับน้ำมันพืชเล็กน้อยพอให้หอม เติมซีอิ๊วขาวและน้ำตาลทรายลงไปเคี่ยวพอเดือดเล็กน้อย จากนั้นใส่ลูกผักชีลงไป เคี่ยวต่อรอให้น้ำเริ่มข้นเหนียว ปิดไฟ พักทิ้งไว้ให้เย็น
3. หมักเนื้อหมูสไลซ์กับซอสที่เย็นแล้ว ประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
4. นำหมูหมักวางแผ่บนตะแกรงหรือแผ่นรองอบ จากนั้นนำไปตากแดดด้านละ 1-2 ชั่วโมง พลิกกลับด้านให้แห้งเสมอกันทั่วทั้งชิ้น
5. ใส่น้ำมันพืชสำหรับทอดลงในกระทะ ตั้งไฟอ่อน ๆ พอน้ำมันเริ่มร้อนจัด ใส่เนื้อหมูลงไปทอดจนสุกทั่วทั้งชิ้น ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พร้อมเสิร์ฟ
8. หมูฝอย

สูตรจาก คุณ tukata001 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม หมูฝอยหวาน
- เนื้อหมู 500 กรัม
- หอมแดงซอย 1 ถ้วย
- น้ำปลา 1/2 ถ้วย
- เกลือ 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย
- ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำหมูฝอยหวาน
1. นำเนื้อหมูแล่ให้หนาพอต้มสุกง่าย ต้มในน้ำร้อนสัก 45 นาที ตักขึ้นพักให้เย็น แล้วเอาสากหรือของหนักทุบให้เอ็นแตก ทุบเยอะ ๆ จะได้ฉีกง่าย แล้วก็ทำการฉีก ในสูตรใช้ไม้เสียบลูกชิ้นช่วยในการฉีก
2. ซอยหอมแดงแล้วผึ่งหอมแดงให้แห้ง แล้วนำมาเจียวกับน้ำมันให้เหลืองทองกรอบ ตักขึ้นพักไว้บนกระดาษอเนกประสงค์
3. เอาน้ำมันที่เหลือมาทอดหมูที่ฉีกไว้ ทอดจนเป็นสีเหลืองทองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน
4. เอากระทะตั้งไฟอ่อน ใส่น้ำปลา เกลือ น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ ซอสปรุงรส และน้ำเปล่า แล้วเคี่ยวให้เหนียวนิดหน่อยไม่ต้องเหนียวมาก เมื่อน้ำตาลเหนียวได้ที่ก็เอาหมูฉีกทอดใส่กระทะ คลุกเคล้าให้เข้ากัน และใส่หอมเจียวกรอบ ๆ ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันดี
9. ขิงดอง

ส่วนผสม ขิงดอง
- ขิงอ่อน 1 กิโลกรัม
- น้ำเปล่าผสมเกลือ (สำหรับแช่ขิงและล้างความเผ็ดออกจากขิง)
- น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 400 กรัม (เพิ่ม-ลดได้ตามชอบ)
- เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
- มะนาว 1 ลูก
วิธีทำขิงดอง
1. ปอกเปลือกขิงออกแล้วซอยเป็นแว่นบาง ๆ นำไปแช่ในน้ำเกลือ พักทิ้งไว้ (เคล็ดลับคือ ถ้าเป็นขิงแก่ต้องคั้นและบีบกับน้ำเกลือหลาย ๆ ครั้งจนขิงหายเผ็ด)
2. เคี่ยวน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่าเข้าด้วยกันจนเดือดและน้ำตาลทรายละลาย ปิดไฟ พักทิ้งไว้จนอุ่น
3. บีบน้ำเกลือจากขิงออกให้หมดแล้วใส่ลงไปในส่วนผสมน้ำดองขิง คนให้เข้ากัน บีบน้ำมะนาวลงไป 1 ลูก (ขั้นตอนนี้ขิงจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน ๆ) คนให้เข้ากัน เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด (ถ้าเป็นขิงอ่อนสามารถกินได้เลยทันที หรือจะแช่ตู้เย็นไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนเพื่อความอร่อยมากยิ่งขึ้น)
10. ไข่แดงเค็ม

สูตรจาก คุณ Kitty Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม ไข่แดงเค็มข้ามคืน
- ไข่เป็ด เบอร์ L
- เกลือ 1/2-1 ช้อนชา
- เหล้า หรือไวน์ 1/2 ช้อนชา (ใช้เหล้าชนิดไหนก็ได้ที่มีในบ้าน หรือตามสะดวก)
วิธีทำไข่แดงเค็มข้ามคืน
1. ตอกไข่แล้วแยกไข่แดงกับไข่ขาว ใช้เฉพาะไข่แดง เทไข่แดงกลับใส่ในเปลือก โรยเกลือทั้งด้านบนและด้านล่าง เทเหล้าตามลงไป ปิดฝาหรือผ้าขาวบาง พักไว้ 6-8 ชั่วโมง หรือพักทิ้งไว้ข้ามคืน หากอากาศร้อนจัดก็สามารถนำเข้าตู้เย็นได้ ครบเวลาไข่แดงก็เซตตัวแล้วก็เอาไปล้างน้ำ ล้างเอายางเยิ้ม ๆ ออก
2. เรียงบนถาด เตรียมเข้าเตาอบ ใช้ไฟบน-ล่าง 150 องศาเซลเซียส ประมาณ 5-7 นาที อบเสร็จแล้วก็เก็บไว้ทำขนมเปี๊ยะต่อ
11. ไข่ครอบ

สูตรจาก คุณตะโกครับ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม ไข่ครอบ
- ไข่แดง (ไข่เป็ด)
- เกลือ
- น้ำเปล่า
วิธีทำไข่ครอบ
1. เอาไข่มาล้างน้ำให้สะอาด ใช้ช้อนเปลือกประมาณหนึ่งในสามของไข่เป็ด ตอกไข่ลงไปไว้ในภาชนะ ส่วนเปลือกก็เอาแช่น้ำ และเอากรรไกรตัดให้เรียบ การตัดในน้ำนี้เป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง จะได้ผิวไข่เรียบเสมอกัน ถ้าผิวไข่ไม่เรียบเสมอจะมีปัญหาตอนใส่ไข่แดง ไข่จะโดนผิวขรุขระบาดและไข่แดงแตก
2. จับไข่แดง 2 ใบกรอกลงไปในเปลือก กรอกจนไข่แดงหมด เตรียมไว้
3. ใส่เกลือลงไปในถ้วย เติมน้ำลงไป ใส่เกลือให้แยะหน่อยหนึ่ง ส่วนที่เกลือละลายก็ให้ละลายไป ส่วนที่ไม่ละลายก็ปล่อยเป็นเม็ดไว้เช่นนั้น ตักน้ำเกลือโดยให้ติดเกลือเม็ด ๆ ลงไปด้วย สัดส่วนก็คือ 3/4 ช้อนชา หรือเกือบเต็มช้อน
4. หลังจากกรอกไข่เสร็จก็เอาเปลือกอีกด้านหนึ่งตัดให้พอเหมาะแล้วครอบลงไป แบบนี้ที่เรียกว่า "ไข่ครอบ" ครอบไว้เพื่อกันแมลงวันตอม และไม่ให้เศษฝุ่นละอองหรือทรายตกลงไป เอาไปแช่ไว้ในตู้เย็นข้ามคืน รุ่งเช้ารีบเอาไข่ออกมาคลายความเย็น ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
5. ตั้งน้ำให้เดือด แล้วเอาไข่ลงไปนึ่งใช้เวลา 10 นาที ใช้ไฟอ่อนถึงปานกลาง ถ้าไข่ใบเล็กใช้เวลา 9 นาทีก็น่าจะพอ
12. กากหมู

สูตรจาก คุณ Guyama สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม กากหมูทอดกรอบ
- เนื้อหมูสามชั้นติดมัน (เน้นแบบติดมันเยอะ ๆ)
- เกลือ
- พริกไทย
วิธีทำกากหมูทอดกรอบ
1. นำเนื้อหมูมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ คลุกเนื้อหมูสามชั้นด้วยเกลือให้ทั่ว จากนั้นนำไปล้างน้ำให้สะอาดเพื่อล้างเมือกสีขาวบนเนื้อหมูออก นำเนื้อหมูมาคลุกเคล้ากับเกลืออีกครั้งและพริกไทย (ใส่เกลือเพียงนิดเดียว) นวดเกลือให้เข้ากับเนื้อหมูหมักไว้ 15-20 นาที
2. นำเนื้อหมูสามชั้นไปเจียวในกระทะ ใช้ไฟต่ำ (ประมาณ 300-800 องศาเซลเซียส) เจียวเพื่อเอาน้ำมันหมูออกมา ใช้เวลาเจียวประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปริมาณเนื้อหมูสามชั้นที่นำมาใช้ เจียวจนเนื้อมันหมูหดตัวและได้ปริมาณน้ำมันประมาณเกือบ ๆ ท่วมเนื้อหมูสามชั้น เป็นอันใช้ได้ จากนั้นตักหมูแยกออกจากน้ำมันไปพักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อเตรียมทอดครั้งที่สอง
3. การเตรียมทอดครั้งที่สองนี้ นำน้ำมันที่เจียวไว้ตั้งเตาใช้ไฟแรงจนน้ำมันร้อนจัด นำหมูสามชั้นไปทอดจนได้เนื้อหมูสีเหลืองสวย จากนั้นจึงค่อยปรับใช้ไฟกลาง ทอดจนเนื้อหมูเหลืองกรอบแล้วยกมาพักไว้โดนอากาศภายนอกปกติประมาณ 10 นาที จะได้หมูสามชั้นที่กรอบมาก ๆ แยกเนื้อหมูสามชั้นออกจากน้ำมัน พักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง
4. ทอดครั้งที่สอง ใช้น้ำมันเดิมที่เจียว ตั้งเตาเปิดไฟแรง พอน้ำมันร้อนจัดเอาลงทอดได้เลย
13. น้ำพริกพริกกรอบกากหมู

สูตรจาก แม่แหม่ม Kanchana Iijima
ส่วนผสม พริกกรอบ
- พริกแห้ง
- เกลือ
- ผงปรุงรส
- ผงหม่าล่า หรือผงต้มยำ
- งาขาว
- แป้งทอดกรอบ
- น้ำมันสำหรับทอด
ส่วนผสม น้ำพริกพริกกรอบกากหมู
- กากหมู 1 กิโลกรัม
- กระเทียมสด 1/2 กิโลกรัม (นำไปเจียว)
- หอมแดงกับต้นหอมสด 1/2 กิโลกรัม (นำไปเจียว)
- พริกกรอบตามชอบ
- เกลือ 1+1/2 ช้อน
- น้ำตาล 4-5 ช้อน
- ผงปรุงรส
- พริกป่น 1 ช้อน (ตามชอบ)
วิธีทำพริกกรอบกากหมู
2. ใส่พริกลงในอ่างผสม ใส่ส่วนผสมอื่น ๆ ได้แก่ เกลือ ผงปรุงรส ผงหม่าล่า งาขาว และแป้งทอดกรอบ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
3. เสร็จแล้วก็นำไปทอดได้เลย ตั้งไฟทอดใช้ไฟกลาง ทอดจนพริกเป็นสีส้ม (ถ้าสียังแดงอยู่จะไม่กรอบ) ทอดจนกรอบตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน เพื่อเพิ่มความกรอบจะใช้หม้ออบลมร้อนอบเพื่อไล่น้ำมันก็ได้
4. เอาพริกทอดกรอบผสมกับกากหมู กระเทียมเจียว หอมแดงเจียว และต้นหอมเจียว ปรุงรสตามชอบ
14. น้ำพริกกากหมูใส่กุ้งแห้ง

สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1721564 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม น้ำพริกกากหมู
- มันหมูติดหนัง
- เกลือ
- กุ้งแห้ง
- น้ำตาลทราย
- มะขามเปียก
- พริกแห้ง
- กระเทียม
- หอมแดง
วิธีทำน้ำพริกกากหมู
1. นำมันหมูที่ติดหนังไปต้ม เพื่อจะได้ง่ายเวลาเอาหนังออก แยกหนังและมันออกจากกัน หนังแล่เป็นเส้น ปรุงรสด้วยเกลือนิดหน่อย ตากแห้งเป็นแคบหมู มันหมูเท่านั้นที่เราต้องการไปเจียว
2. ตั้งเตาเจียวกากหมูจนสีเหลือง อย่าให้เข้มไปเพราะจะขม
3. เอากระเทียมปอกเปลือก หั่นตามใจชอบ และหอมแดงปอกเปลือกหั่นตามชอบนำไปเจียวต่อ ส่วนพริกแห้งคั่วแค่เปลือกเปลี่ยนสีและกุ้งแห้งเอาไปคั่วจนหอม
4. โขลกพริกแห้งคั่วผสมเกลือไปหน่อย ๆ พอพริกละเอียด ใส่กุ้งแห้งที่คั่วไปโขลกต่อ เหยาะน้ำมะขามเปียกลงไปหน่อย โขลกให้เข้าเนื้อสักพัก ตักกากหมูเจียวตามลงไปในครก ใช้ทัพพีคนให้เข้ากัน ตั้งเตาวางกระทะ เทลงไปคั่วอีกรอบ ใช้ไฟอ่อน ๆ ด้วย ใส่น้ำตาลนิดหน่อยเพื่อไม่ให้เค็มโดดเกินไป คั่วต่อสักพัก เอาน้ำมะขามเปียกแบบเจือจาง ไม่ต้องข้นมาก ค่อย ๆ หยอดทีละนิด แล้วคั่วไปเรื่อย ๆ ยกออกจากเตาพร้อมเสิร์ฟ ส่วนที่เหลือรอให้เย็น แพ็กใส่ถุงเก็บเข้าตู้ กินได้นาน
15. กิมจิผักกาดขาว

สูตรจาก คุณ Hamilton
ส่วนผสม กิมจิผักกาดขาว
- ผักกาดขาว ขนาดใหญ่ 5-6 หัว
- หัวไช้เท้า 2-3 หัว
- แครอต 1 หัว
- ต้นหอม 2 กำ
- ใบกุยช่าย 1 กำ
- กระเทียมจีนกลีบใหญ่ 10-12 กลีบ
- ขิง 1 แง่งเล็ก
- หอมใหญ่ 1/2 หัว
- แอปเปิล 1/2 ลูก
- สาลี่เกาหลี 1/2 ลูก
- พริกเกาหลีชนิดสับหยาบ 1-2 ถ้วย
- เกลือไทย 2-3 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
- แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วย
- น้ำ 3-4 ถ้วย
- น้ำปลา 1 ถ้วย
- ชามอ่างขนาดใหญ่ 1 ใบ
- ตะกร้าขนาดใหญ่ 1 ใบ
วิธีทำกิมจิผักกาดขาว
1. ผ่าแบ่งครึ่งหัวผักกาดขาวแล้วล้างน้ำให้สะอาด
2. นำอ่างขนาดใหญ่ ใส่น้ำประมาณครึ่งหนึ่งแล้วใส่เกลือลงไปประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ คนให้ละลายแล้วพักไว้
3. โรยเกลือลงในใบผักกาดขาวแต่ละชั้นจนครบทุกชั้น แล้วแช่ลงไปในน้ำเกลือที่ผสมไว้จนครบทุกชิ้น เสร็จแล้วพักไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง และต้องคอยกลับผักทุก 1 ชั่วโมง น้ำจากผักจะเริ่มค่อย ๆ ออกมาจนมิดผัก
4. นำผักกาดมาล้างน้ำให้สะอาด 3 ครั้ง บีบน้ำออกให้แห้ง แล้วพักผักไว้ในตะกร้า
5. นำแป้งข้าวเหนียวและน้ำ 3-4 ถ้วย ผสมให้เข้ากัน นำไปตั้งไฟปานกลาง ต้องคนตลอดเวลาไม่ให้ติดก้น และไม่ให้จับกันเป็นก้อน พอเริ่มร้อนลดไฟลง พอแป้งเริ่มเหนียว ใส่น้ำตาลทรายลงไป เร่งไฟเล็กน้อย แป้งที่กวนจะเงาขึ้น ปิดไฟแล้วพักไว้ให้เย็น
6. หั่นหัวไช้เท้าและแครอตเป็นเส้นยาวขนาดกว้างประมาณ 0.5 เซนติเมตร หั่นต้นหอมและใบกุยช่าย ยาว 2 นิ้ว
7. นำกระเทียม ขิง หัวหอม แอปเปิล และสาลี่เกาหลี ที่ปอกเปลือกและหั่นแล้วใส่ลงในที่ปั่น และปั่นให้ละเอียดใส่อ่างผสม เทแป้งข้าวเหนียวที่เย็นแล้วลงไป ใส่น้ำปลาและพริกเกาหลีลงไป ตามด้วยผักทั้งหมดที่เตรียมไว้ ผสมให้เข้ากัน ชิมและปรุงรสเพิ่มได้ตามความชอบ ถ้ารสแบบเกาหลีจะเค็มนำหวานตาม แต่ถ้าชอบหวานหน่อยก็สามารถเติมน้ำตาลทรายเพิ่มได้
8. นำกล่องพลาสติกหรือขวดโหลแก้วไปลวกน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อให้สะอาด จากนั้นนำผักแต่ละชิ้นที่พักไว้มาค่อย ๆ ทาซอสเครื่องปรุงให้ทั่วทุกชั้น เรียงใส่ในภาชนะให้เรียบร้อย ถ้าต้องการให้กิมจิมีรสเปรี้ยวให้หมักนอกตู้เย็น 1 คืน แต่ถ้าไม่ชอบรสเปรี้ยวให้นำไปแช่ในตู้เย็นได้เลย
16. กิมจิ สูตรใส่โคชูจัง

สูตรจาก คุณ Giftzy สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม กิมจิโคชูจัง
- ผักกาดขาว 2 หัว
- น้ำส้มสายชู
- หัวไช้เท้า 1 หัว (หั่นเป็นแว่น)
- เกลือ 3 กำมือ
- แครอต
- ต้นหอม (หั่นเป็นท่อน) 3 ต้น
- กระเทียมโขลกละเอียด
- พริกชี้ฟ้าปั่นละเอียด
- ขิงบดละเอียด
- น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
- โคชูจัง 2 ช้อนโต๊ะพูน ๆ
- น้ำปลา
วิธีทำกิมจิโคชูจัง
1. นำผักกาดขาวไปแช่น้ำ ใส่น้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อย แช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที พอครบเวลานำผักกาดขาวใส่ลงในกะละมังใบใหญ่ ตามด้วยหัวไช้เท้า จากนั้นใส่เกลือลงไป ตามด้วยน้ำ กะปริมาณให้พอดีกับผัก พักทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมง พอครบเวลานำผักมาล้างน้ำ 3 ครั้ง ให้หายเค็ม บีบน้ำออกจากผักให้หมด
2. นำขิงบด กระเทียมบด และพริกชี้ฟ้าไปปั่นเข้าด้วยกันจนละเอียด ใส่ลงไปผสมกับผักกาดขาว ใส่แครอตกับต้นหอม ตามด้วยน้ำตาลทราย โคชูจัง และน้ำปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
3. จัดเก็บใส่กล่องหรือภาชนะที่มีฝาปิด วางทิ้งไว้โดยไม่ต้องแช่เย็นประมาณ 14-18 ชั่วโมง
17. น้ำพริกกากหมู

สูตรจาก คุณแม่มณีมีของกิน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม น้ำพริกกากหมู
- มันหมู (หั่นเส้น) 2+1/2 กิโลกรัม
- หอมแดง
- กระเทียม
- น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำพริกกากหมู
1. หั่นมันหมูเป็นเส้น เอาใส่กระทะ เจียวจนเหลืองกรอบ นำมาใส่ครกตำเบา ๆ พอแตก แต่ไม่ต้องละเอียด
2. เอาหอมแดงซอยกับกระเทียมซอยไปทอดจนกรอบ แล้วพักไว้รอให้เย็น ใส่ลงในกากหมู คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำตาลทรายกับเกลือ
3. เอาพริกแห้งมาคั่วแล้วปั่น ใส่ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่กระปุกแช่ตู้เย็น อยากกินเมื่อไรก็เอาออกมาตั้งให้คลายความเย็น หรือจะตักใส่ข้าวสวยร้อน ๆ ก็ดีงาม
18. ซอสมะเขือเทศ

สูตรจาก คุณแม่นกกะอันนา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม ซอสมะเขือเทศ
- มะเขือเทศทั้งลูกแบบกระป๋อง 800 กรัม (คุณภาพดี)
- ใบโหระพาฝรั่ง 1 กำมือ
- น้ำมันมะกอก 4-6 ช้อนโต๊ะ
- มะเขือเทศสด (หั่นเป็นชิ้นเล็ก) 2 ลูกใหญ่
- กระเทียม (หั่นเป็นแว่นเล็ก) 2 กลีบ
- เกลือ สำหรับปรุงรส
- พริกไทย สำหรับปรุงรส
วิธีทำซอสมะเขือเทศ
1. ตั้งไฟให้ร้อนปานกลาง ใส่น้ำมันมะกอกลงไป ตามด้วยกระเทียม ใบโหระพาฝรั่ง มะเขือเทศสด และมะเขือเทศกระป๋อง ผัดให้เข้ากัน ใช้ช้อนตัด ๆ ให้มะเขือเทศเป็นชิ้นเล็ก ๆ ปรุงรสด้วยเกลือกับพริกไทย ใช้ไฟปานกลางรอให้ซอสเดือดและมะเขือเทศสุกเละ เสร็จแล้วนำมากรอง ใช้ช้อนบี้ ๆ เพื่อจะได้เนื้อผักที่ละเอียด
2. นำซอสกลับไปตั้งไฟอีกรอบ ใช้กระทะใบเดิม อย่าล้างกระทะ เพราะยังมีกลิ่นหอมอยู่ ใช้ไฟปานกลางเคี่ยวประมาณ 7-10 นาที เพื่อให้ซอสเข้มข้น พอเห็นว่าซอสเริ่มเกาะช้อนแสดงว่าใช้ได้แล้ว
19. ซอสผัดอเนกประสงค์

สูตรจาก คุณ RinS CookBook
ส่วนผสม ซอสผัดอเนกประสงค์
- น้ำปลา
- ซีอิ๊วขาว
- ซอสปรุงรส
- น้ำตาลทราย
- ผงกระเทียม
- พริกไทยดำบด
- น้ำมันหอย
วิธีทำซอสผัดอเนกประสงค์
1. ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อ คนผสมจนน้ำตาลทรายละลาย
2. นำขึ้นตั้งไฟกลาง เคี่ยวจนเดือดแล้วลดไฟลง ใช้ไฟอ่อนเคี่ยวต่ออีกประมาณ 5 นาที ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักไว้จนเย็น ใส่ภาชนะที่มีฝาปิด สามารถเก็บไว้ได้นานประมาณ 1 เดือน
20. มะม่วงกวน

สูตรจาก คุณ lindahelen สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม มะม่วงกวนและลูกพลัมกวน
- ลูกพลัม หรือมะม่วง
- เกลือ 1 ช้อนกาแฟ
- น้ำตาลทราย (ใส่ หรือไม่ใส่ก็ได้)
วิธีทำมะม่วงกวน
1. ทำมะม่วงกวน (ในสูตรใช้ลูกพลัมในการถ่ายทำ) โดยล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย นำใส่เครื่องปั่น ปิดฝา ปั่นจนละเอียด เทใส่หม้อตั้งไฟ เติมเกลือลงไป กวนไปเรื่อย ๆ จนเดือดแล้วปิดเตา (หากใครชอบหวานสามารถเติมน้ำตาลทรายลงไปได้)
2. เตรียมภาชนะโดยใช้ถาดสีดำที่มากับเตาอบแล้วรองพื้นด้วยฟอยล์ เทใส่ถาดแล้ววางทิ้งไว้ในครัว ใช้เวลาเป็นสัปดาห์กว่าจะแห้งโดยอัตโนมัติ
3. พอเริ่มแห้งก็แค่ดึงออกมาจากฟอยล์ ตัดแต่งม้วนเป็นแผ่น ๆ แค่นี้ก็ได้กินแล้ว
21. มะม่วงแช่อิ่ม

ส่วนผสม มะม่วงแช่อิ่ม
- มะม่วงดิบ
- น้ำปูนใส
- เกลือ
- น้ำ
- น้ำตาลทราย
วิธีทำมะม่วงแช่อิ่ม
1. ละลายเกลือกับน้ำปูนใสเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
2. ปอกเปลือกมะม่วงออกจนหมด ล้างให้สะอาดแล้วหั่นมะม่วงเป็นชิ้น ๆ ใส่ลงแช่ในน้ำปูนใสที่ผสมเกลือไว้ ปิดฝาให้สนิท พักทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำมะม่วงไปล้างให้สะอาด ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ เตรียมไว้
3. ใส่น้ำและน้ำตาลทรายลงในหม้อ (อัตราส่วน 1:1) นำขึ้นตั้งไฟ คนผสมจนเดือดและน้ำตาลละลาย ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
4. ใส่มะม่วงลงแช่ในน้ำเชื่อม ปิดฝาให้สนิท แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 1 คืน นำเข้าแช่เย็น พร้อมเสิร์ฟ
22. มะม่วงเบาแช่อิ่ม

ส่วนผสม มะม่วงเบาแช่อิ่ม
- มะม่วงเบาดิบ
- น้ำปูนใส (สำหรับแช่มะม่วง)
- เกลือเม็ด
- น้ำตาลทรายแดง 500 กรัม
- น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร
วิธีทำมะม่วงเบาแช่อิ่ม
2. นำมะม่วงไปแช่ลงในน้ำปูนใส 1 คืน เพื่อให้มะม่วงกรอบ จากนั้นนำมาล้างน้ำให้สะอาด
3. นำมะม่วงที่แช่น้ำปูนใสแล้วไปดองในน้ำเกลือ (นำถุงใส่น้ำวางทับลงไปด้านบนด้วยเพื่อให้มะม่วงไม่ลอยขึ้นมาและโดนน้ำเกลือทั่วทุกชิ้น) แช่ทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำไปล้างน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง สะเด็ดน้ำเตรียมไว้
4. ใส่น้ำเปล่าและน้ำตาลทรายลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟกลาง เคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนน้ำตาลละลายและเหนียวข้นเป็นน้ำเชื่อม ปิดไฟ พักทิ้งไว้จนเย็น
5. นำมะม่วงเบาลงไปแช่ในน้ำเชื่อม ปิดฝาภาชนะให้มิดชิด ทิ้งไว้ 2 คืน จากนั้นนำไปแช่เย็น พร้อมเสิร์ฟ
23. กล้วยตาก

ส่วนผสม กล้วยตาก
- กล้วยน้ำว้าแก่
- เกลือป่น
- น้ำ
วิธีทำกล้วยตาก
1. ตัดกล้วยออกเป็นหวี นำวางลงบนใบตอง ปิดทับด้วยใบตองและกระสอบ หรือนำใส่โอ่งหรือถัง จากนั้นบ่มทิ้งไว้จนกล้วยสุกดี (บ่มจนผลกลมมน ไม่มีรอยเหลี่ยม และเปลือกตกกระสีดำ)
2. ปอกเปลือกกล้วยออก เรียงลงบนตะแกรง นำไปตากแดดจนกล้วยเกือบแห้งสนิท นานประมาณ 5 วัน และหมั่นคอยพลิกกลับด้านอยู่เสมอ
3. ก่อนนำกล้วยไปตากแดดในวันที่ 6 ให้ละลายน้ำกับเกลือให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟต้มจนเดือด ทิ้งไว้จนเย็น จากนั้นใช้ขวดน้ำคลึงหรือกดกล้วยให้แบน แล้วนำกล้วยลงไปล้างในน้ำเกลือที่เตรียมไว้ จากนั้นนำกล้วยวางเรียงบนตะแกรง นำไปตากแดดอีก 1-2 วัน จนกล้วยแห้งได้ที่
4. เมื่อกล้วยแห้งได้ที่แล้ว ใส่กล้วยลงในหม้อ ปิดฝาให้สนิท วางทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้น้ำตาลจากกล้วยซึมออกมา (กล้วยจะเงาและไม่แห้ง) จากนั้นเก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด
24. สตรอว์เบอร์รีกวน

สูตรจาก คุณแขมร อินเตอร์ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม สตรอว์เบอร์รีกวน
- สตรอว์เบอร์รีสดหรือแช่แข็ง 1 กิโลกรัม
- กล้วยหอม 4 ลูก
- น้ำตาลทราย (ใส่เพิ่มได้)
- เกลือ (ใส่เพิ่มได้)
วิธีทำสตรอว์เบอร์รีกวน
1. นำสตรอว์เบอร์รีและกล้วยมาปั่นให้ละเอียด เทผลไม้ปั่นลงในภาชนะหม้อหรือกระทะเพื่อทำการเคี่ยว ใช้ไฟแรงพอให้อุ่นและร้อน จากนั้นเปลี่ยนเป็นไฟกลางเคี่ยวให้ข้นหนืด ก่อนจะพักทิ้งไว้ให้เย็น นำมาเทใส่กระดาษไขแล้วเกลี่ยให้เรียบ ความหนาประมาณ 2 มิลลิเมตร
2. ตั้งค่าตู้อบลมร้อนที่อุณหภูมิ 55 องศาเซลเซียส ประมาณ 4 ชั่วโมง หรือจนแห้งสนิท หรือใช้วิธีตากแดด หรือใช้เตาอบไฟอ่อนอบไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งแห้งสนิท
3. เมื่อแห้งสนิทดีแล้ว ใช้กรรไกรตัดทั้งกระดาษไข กะความกว้างตามชอบ ลอกออกจากกระดาษไขอย่างง่าย จากนั้นม้วนให้สวยงาม
25. กล้วยฉาบ

ส่วนผสม กล้วยฉาบ
- กล้วยน้ำว้าดิบ 1 หวี
- น้ำปูนใส (สำหรับแช่กล้วย)
- น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
- น้ำเปล่า 5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
- เนยสดเค็ม 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำกล้วยฉาบ
1. ปอกเปลือกกล้วยแล้วฝานตามความยาว นำไปแช่น้ำปูนใส ประมาณ 15 นาที เพื่อให้ยางกล้วยออกมา
2. ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปกะพอให้ท่วมกล้วย ใส่กล้วยลงไปทอดจนสุกเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันและพักบนตะแกรง
3. ใส่น้ำกับน้ำตาลทรายลงในกระทะ เคี่ยวจนน้ำตาลละลายและเหนียวข้น ใส่เนยเค็มลงไป คนให้เข้ากัน ปรับไฟให้อ่อนสุด เทกล้วยทอดกรอบลงไป คลุกจนเข้ากัน ปิดไฟ พักไว้จนเย็น นำใส่ภาชนะปิดอย่าให้อากาศเข้า
26. กล้วยฉาบคาราเมล

สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน
ส่วนผสม กล้วยฉาบเคลือบคาราเมล
- กล้วยน้ำว้าดิบ 24 ลูก
- น้ำเย็นผสมน้ำมะนาวเล็กน้อย (สำหรับแช่กล้วย)
- น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 80 กรัม
- แบะแซ 2 ช้อนชา
- วิปครีมชนิดจืด 50 กรัม
- เนยสดชนิดเค็ม 30 กรัม
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบสุก 200 กรัม
- น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
วิธีทำกล้วยฉาบเคลือบคาราเมล
1. นำกล้วยน้ำว้ามาปอกเปลือก แล้วแช่ลงในน้ำเย็นผสมน้ำมะนาว (เพื่อไม่ให้กล้วยเปลี่ยนสี) พักไว้
2. ฝานกล้วยเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วม้วนให้เป็นแท่งกลม วางเรียงใส่ถาด พักไว้ให้กล้วยหมาด ๆ
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่กล้วยลงทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วนำกล้วยที่ทอดชั่ง 300 กรัม
4. ใส่น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี แบะแซ วิปครีม และเนยสดลงในภาชนะ ยกขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวจนส่วนผสมมีลักษณะข้น
5. ใส่กล้วยทอดกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ลงไป คลุกเคล้าเบา ๆ จนเข้ากันดี ยกลง พักไว้ให้เย็นสนิท บรรจุใส่ภาชนะ
27. กล้วยฉาบปาปริก้า

ส่วนผสม กล้วยฉาบปาปริก้า
- กล้วยน้ำว้าดิบ
- น้ำเกลือ (สำหรับแช่กล้วย)
- ผงปาปริก้า
- น้ำมันพืช
วิธีทำกล้วยฉาบปาปริก้า
1. นำกล้วยน้ำว้ามาปอกเปลือก และแช่ไว้ในน้ำสะอาดที่ผสมเกลือเล็กน้อยเพื่อไม่ให้กล้วยมีสีดำ ตั้งพักไว้
2. ฝานเป็นแผ่นบางตามความยาวของผล เรียงเป็นแผ่น ๆ ในถาดแห้ง เสร็จแล้วเอาไปตากแดดพอแห้ง เพื่อให้สามารถหยิบกล้วยได้ง่าย และกล้วยจะได้ไม่ติดกัน
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อน ใส่กล้วยแผ่นลงทอดจนเหลืองกรอบ ตักใส่กระชอนพักให้สะเด็ดน้ำมัน
4. ใส่กล้วยลงในอ่างผสม ใส่ผงปาปริก้าลงไป คลุกเคล้าให้ทั่ว
28. สับปะรดกวน

ส่วนผสม สับปะรดกวน
- เนื้อสับปะรด 1 กิโลกรัม (ใช้ได้ทั้งสับปะรดสดและสับปะรดกระป๋อง)
- น้ำตาลทราย 300 กรัม
- กลูโคสไซรัป 1 ช้อนโต๊ะ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
วิธีทำสับปะรด
1. สับเนื้อสับปะรดเป็นชิ้นเล็ก ๆ หรือนำไปปั่นด้วยเครื่องปั่นให้พอหยาบ ๆ
2. เทเนื้อสับปะรดที่ปั่นแล้วใส่ลงในกระทะเทฟลอน (หรือกระทะทองเหลือง) นำขึ้นตั้งไฟกลางอ่อน กวนไปเรื่อย ๆ รอจนส่วนผสมเริ่มเดือด
3. ใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลายเข้ากัน กวนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเริ่มแห้ง ประมาณ 1 ชั่วโมง เนื้อสับปะรดกวนจะเริ่มใส มีสีเข้มขึ้น และเหนียว จากนั้นปิดไฟพักไว้จนเย็นก่อนนำใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด
ช่วงโควิด 19 แบบนี้เหมาะมากที่จะทำเมนูถนอมอาหารเก็บไว้กินเองที่บ้าน ทุกเมนูใช้วัตถุดิบหาง่ายและขั้นตอนไม่ซับซ้อน แถมเก็บกินได้นานเป็นเดือนอีกด้วย
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่