ลงทุนเปิดร้านคาเฟ่ไหมถามใจเธอดู ลองมาทำเมนูของหวานซ้อมมือกันดีไหม หน้าตาปังเว่อร์ อร่อยล้ำถูกปาก รับรองลูกค้าแน่นแต่หัววันเชียว
เชื่อเถอะร้านคาเฟ่เกือบทุกที่ยังไงก็ต้องมีเมนูฮันนี่โทสต์เรียกลูกค้า ครั้นจะทำหน้าตาเหมือนทั่วไปก็ไม่มีจุดขาย ต้องนี่เลยฮันนี่โทสต์มะม่วง สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 3128333 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จุดเด่นคือ เสิร์ฟพร้อมมะม่วงหั่นชิ้น แช่เย็นยิ่งเพิ่มความฟินนะคะ
ส่วนผสม ฮันนี่โทสต์มะม่วง
• ขนมปังกะโหลก
• เนยสดเค็ม (หรือเนยจืดก็ได้)
• มะม่วงสุก 1-2 ลูก
• ไอศกรีมรสที่ชอบ
• น้ำผึ้ง (สำหรับราดขนมปัง)
วิธีทำฮันนี่โทสต์มะม่วง
1. ตัดขนมปังกะโหลกเป็นแผ่นหนาตามขนาดที่ต้องการแล้วหั่นเป็นรูปตาราง 9 ช่อง จากนั้นหั่นเนยเป็นแผ่นเล็ก ๆ แล้วนำใส่ลงไปในช่องขนมปังให้ครบทุกช่อง แบบนี้เลยค่ะ ใส่มากใส่น้อยตามชอบเลย
2. นำขนมปังเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส ประมาณ 12-15 นาที
3. ระหว่างรอขนมปังครบเวลาก็มาหั่นมะม่วงรอ
4. เมื่อหั่นมะม่วงเสร็จ ก็พอดีกับอบขนมปังเสร็จ
5. นำขนมปังมาตกแต่งด้วยมะม่วง ราดด้วยน้ำผึ้ง โปะไอศกรีม หรือวิปปิ้งครีม
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 4 สูตรขนมจากมะม่วง เมนูสุดอลังจากฝีมือเด็กหอ
+++++++++++++++++++
แพนเค้กทั่วไปก็ขายได้ แต่กระแสสุขภาพมาแรงเพิ่มตัวเลือกหน่อยก็ดี นี่เลยเมนูแพนเค้กราสป์เบอร์รี สูตรจาก คุณ #HealthyPD สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ใช้แป้งโฮลวีททำแพนเค้ก เพิ่มความงามจากราสป์เบอร์รี
ส่วนผสม แพนเค้กราสป์เบอร์รี
• แป้งโฮลวีท 2 ถ้วย
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• นม 1/2 ถ้วย
• เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
• ราสป์เบอร์รี
• คอทเทจชีส
• น้ำผึ้ง
วิธีทำแพนเค้กราสป์เบอร์รี
1. ทำแป้งแพนเค้ก โดยผสมแป้งโฮลวีท ไข่ไก่ นม และเบกกิ้งโซดาให้เข้ากัน
2. เทลงบนกระทะเทฟลอน (ในสูตรใช้กระทะเล็กสำหรับทำไข่ดาว) ขนาดจะพอดี และทำให้หนาได้ ทอดจนสุกทั้งสองด้าน ใส่ภาชนะ ราดน้ำผึ้ง แต่งด้วยชีสและราสป์เบอร์รี
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 11 สูตรอาหารคลีน ตอน อาหารว่างและขนม อร่อยไม่ทำร้ายสุขภาพ
+++++++++++++++++++
สำหรับลูกค้าสาว ๆ กลัวหุ่นพัง ลองเสนอเมนูแพนเค้กกล้วยหอม สูตรจาก คุณ LittleFilmz สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ใส่ข้าวโอ๊ตแทนแป้งคนผสมกับกล้วยหอม จับเสียบไม้ก็เก๋ดีนะคะ
ส่วนผสม แพนเค้กกล้วยหอม
• กล้วยหอม 1 ลูก
• ไข่ขาว 1/2 ถ้วยตวง (ประมาณ 2 ฟอง)
• ข้าวโอ๊ต 1/4 ถ้วย
• แป้งมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ (หรือข้าวโอ๊ต)
• ผงฟู 1/2 ช้อนชา
• กลิ่นวานิลลา
วิธีทำแพนเค้กกล้วยหอม
1. ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน (ในสูตรใส่เครื่องปั่น)
2. ตั้งกระทะใช้ไฟร้อนปานกลาง หยอดส่วนผสมลงไป พอเริ่มเห็นฟองอากาศและขอบแป้งเริ่มเซตตัวก็กลับด้านได้เลย (ในสูตรเอาไม้คนกาแฟมาวางตอนเทแป้งแพนเค้กลงไป)
3. จัดแพนเค้กใส่ภาชนะ เสิร์ฟคู่กับน้ำผึ้ง สตรอว์เบอร์รีและกรีกโยเกิร์ตเย็น ๆ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 5 สูตรของหวานเพื่อสุขภาพ ชวนทำเมนูวันหยุดดี๊ดีต้อนรับปีใหม่
+++++++++++++++++++
เอาใจลูกค้าที่ชอบแชร์และแชร์ภาพอาหารโชว์เพื่อนกันหน่อย ขอแนะนำเมนูแพนเค้กเรด เวลเว็ท สูตรจาก คุณ LittleFilmz สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม แพนเค้กสีแดงสวย ราดครีมชีสน้ำผึ้ง แต่งด้วยผลไม้สดก็เจิดนะคะ
ส่วนผสม ของแห้ง
• แป้งโฮลวีท 1/2 ถ้วย
• แป้งมะพร้าว 1/2 ถ้วย
• ผงโกโก้ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
ส่วนผสม ของเหลว
• นมถั่วเหลือง (สูตรไม่มีน้ำตาล) 1 ถ้วย
• แอปเปิลไซเดอร์ หรือน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิล (Apple Cider Vinegar) 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• สีผสมอาหารสีแดง 1 ช้อนชา
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
ส่วนผสม ครีมชีสน้ำผึ้ง
• ครีมชีส (Less Fat 60%)
• น้ำผึ้ง
วิธีทำแพนเค้กเรด เวลเว็ท
1. ผสมส่วนผสมของแห้งทั้งหมด คือ แป้งโฮลวีท แป้งมะพร้าว ผงโกโก้ ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือ ร่อนรวมกัน พักไว้
2. ผสมแอปเปิลไซเดอร์กับนมถั่วเหลือง พักทิ้งไว้สัก 1-2 นาที จากนั้นก็นำส่วนผสมของเหลวที่เหลือทั้งหมดคือ น้ำผึ้ง ไข่ไก่ สีผสมอาหารสีแดง และกลิ่นวานิลลา ผสมให้เข้ากัน
3. ค่อย ๆ เทส่วนผสมของเหลวลงในส่วนผสมของแห้ง ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน ก็จะได้ส่วนผสมแบทเทอร์สำหรับทำแพนเค้ก
4. ตักส่วนผสมลงไปทอดในกระทะเทฟลอน พอแป้งเริ่มมีฟองอากาศปุด ๆ ก็กลับด้าน ทอดให้สุกทั้ง 2 ด้าน
5. ทำครีมชีส โดยตีครีมชีสให้นุ่ม ผสมน้ำผึ้งลงไป คนให้เข้ากัน ราดบนแพนเค้ก
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 5 สูตรของหวานเพื่อสุขภาพ ชวนทำเมนูวันหยุดดี๊ดีต้อนรับปีใหม่
+++++++++++++++++++
5. วาฟเฟิลไอศกรีม
ส่วนผสม วาฟเฟิลไอศกรีม
• ไข่ไก่ 3 ฟอง
• น้ำตาลทราย 100 กรัม
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 150 กรัม
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• นมสด 300 มิลลิลิตร
• เนย 50 กรัม
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• ไอศกรีมตามชอบ
• ซอสคาราเมล
• ซอสช็อกโกแลต
• ท็อปปิ้งตามชอบ เช่น เวเฟอร์ช็อกโกแลตและสตรอว์เบอร์รี
• น้ำตาลไอซิ่ง
วิธีทำวาฟเฟิลไอศกรีม
1. ตีไข่ไก่กับน้ำตาลทรายให้ขึ้นฟู ใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงฟู (ที่ร่อนเอาไว้แล้ว) นม เนยละลาย และกลิ่นวานิลลา ตีจนเข้ากัน
2. ทาเนยที่เครื่องทำวาฟเฟิล เทส่วนผสมแป้งลงไปพอประมาณ อบวาฟเฟิลประมาณ 2 นาที จัดใส่ภาชนะ
3. ใส่ไอศกรีมตามชอบลงบนวาฟเฟิล ราดซอสคาราเมล
4. นำวาฟเฟิลอีก 1 แผ่นมาทับไอศกรีม ใส่ท็อปปิ้งตามชอบ ในสูตรใส่เวเฟอร์ช็อกโกแลตและสตรอว์เบอร์รี ราดซอสช็อกโกแลต โรยไอซิ่ง
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วาฟเฟิลไอศกรีม ของหวานเลอค่าน่าลองทำสักครั้งในชีวิต
+++++++++++++++++++
ภาพจาก encha.com
6. วาฟเฟิลชาเขียว
เพิ่มตัวเลือกเมนูวาฟเฟิลสำหรับคนแพ้กลูเตนกันหน่อยเนอะ ขอนำเสนอวาฟเฟิลชาเขียว ใช้แป้งปราศจากกลูเตน แถมยังใส่ผงชาเขียวออแกนิกส์ จะราดน้ำผึ้งหรือไซรัปก็ได้ ท็อปปิ้งด้วยผลไม้สด
ส่วนผสม วาฟเฟิลชาเขียว
• ผงชาเขียว (สูตรออแกนิกส์) 2 ช้อนชา
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ (สูตรปราศจากกลูเตน) 1 ถ้วย
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
• น้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ
• นมสด (ไขมันต่ำ) 1+1/2 ถ้วย
• เมเปิลไซรัป (สำหรับราด)
• ท็อปปิ้งตามชอบ เช่น บลูเบอร์รี ราสป์เบอร์รี มะพร้าวขูด อัลมอนด์สไลซ์
วิธีทำวาฟเฟิลชาเขียว
1. ผสมผงชาเขียว แป้ง ผงฟู และเบกกิ้งโซดาให้เข้ากัน จากนั้นเทนมสดใส่ลงไป ตีผสมให้เข้ากัน
2. เปิดเตาอบวาฟเฟิล ฉีดสเปรย์น้ำมันมะกอก หรือทาน้ำมันมะพร้าว เตรียมไว้
3. หยอดส่วนผสมแป้งลงไปอบประมาณ 5 นาที
4. นำออกจากเตา จัดใส่จาน ราดเมเปิลไซรัป ท็อปปิ้งด้วยบลูเบอร์รี ราสป์เบอร์รี มะพร้าวขูด และอัลมอนด์สไลซ์ ตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ encha.com
+++++++++++++++++++
เอาใจลูกค้าที่ชื่นชอบช็อกโกแลตกันด้วยเมนูช็อกโกแลตลาวา สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1567779 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรไม่ใช้เตาอบ เพราะใช้หม้ออบแทน ผ่าออกมาไส้ช็อกโกแลตเยิ้มแน่นอนจ้า
ส่วนผสม ช็อกโกแลตลาวา
• ช็อกโกแลต 115 กรัม
• เนยจืด 125 กรัม
• ไข่ไก่ 2 ฟอง
• ไข่แดง 2 ฟอง
• น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 30 กรัม
• ผงโกโก้ 25 กรัม
• ถ้วยอะลูมิเนียมฟอยล์แบบกลม
วิธีทำช็อกโกแลตลาวา
1. นำช็อกโกแลตไปละลายพร้อมกับเนยจืด และตีไข่ทั้งหมดจนขึ้นฟู ค่อย ๆ แบ่งน้ำตาลทรายเทลงไปทีละน้อยจนหมดแล้วตีจนส่วนผสมขึ้นฟู
2. นำช็อกโกแลตกับเนยจืดที่ละลายไว้ ค่อย ๆ เทใส่ลงไปผสมกับไข่ที่ตีจนฟู
3. ร่อนแป้งอเนกประสงค์และผงโกโก้ใส่ลงไปแล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน
4. ทาเนยจืดให้ทั่วถ้วยอะลูมิเนียมฟอยล์ แล้วนำแป้ง (หรือน้ำตาลทราย, ผงโกโก้) โรยลงไปให้ทั่วพิมพ์แล้วเคาะส่วนเกินออก (ในสูตรแนะนำเป็นแป้งหรือผงโกโก้ เพราะถ้าโรยด้วยน้ำตาลทรายอบเสร็จจะเป็นเม็ด ๆ)
5. เปิดเตา ใช้ไฟกลาง หาตะแกรงมาวางลงในหม้อก่อนจะวางถ้วยขนมลงไป (เพราะถ้าก้นขนมติดกับก้นหม้อ ขนมชั้นล่างจะไหม้) จากนั้นก็ปิดฝาหม้อแล้วก็จับเวลา ตามปกติช็อกโกแลตลาวาใช้เวลาประมาณ 10 นาที สามารถเพิ่ม-ลดเวลาได้ตามต้องการว่า อยากให้ข้างในเยิ้มแค่ไหน)
หมายเหตุ : ขนมที่ลองใช้หม้ออบ ปกติใช้อุณหภูมิในการอบประมาณ 180 องศาเซลเซียส แต่ถ้าหากว่า ใครมีกระทะไฟฟ้าก็เปลี่ยนเป็น Mode "ปิ้ง" แล้วหาตะแกรงมารองก่อนวางขนมลงไปแล้วปิดฝาหรือใช้ฟอยล์ปิดแทนฝาหม้อ แต่ก็หมั่นดูขนมด้วย เพราะถ้าใช้เตาแก๊ส ไฟอาจจะแรงหรือเบาเกินไป
6. พอครบเวลานำขนมออกจากหม้อ จัดใส่จานให้สวยงาม แต่งด้วยวิปปิ้งครีม และสตรอว์เบอร์รีสดสไลซ์ พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ช็อกโกแลตลาวา สูตรไม่อบ ไม่เวฟ ใช้แค่หม้อใบเดียว
+++++++++++++++++++
ยามเช้ามีลูกค้าเข้าร้านลองเสนออาหารรองท้องเบา ๆ อย่างเมนูพุดดิ้งขนมปัง สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน จับขนมปังหั่นชิ้นราดคัสตาร์ด ใส่กล้วยหอมกับลูกเกด อบจนกรอบ หน้าตาดีแบบนี้ใครเห็นก็อยากลอง
ส่วนผสม พุดดิ้งขนมปัง
• ขนมปังฝรั่งเศสหั่นชิ้น 80 กรัม
• กล้วยหอมสุกหั่นชิ้นบาง 2 ลูก
• นมข้นจืด 1/4 ถ้วยตวง
• นมสด 1+1/4 ถ้วยตวง
• น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
• ไข่ไก่ 2 ฟอง
• กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
• ผงอบเชย 1/4 ช้อนชา
• ลูกเกดสีดำ 1/4 ถ้วยตวง
• เนยสดชนิดเค็ม 2 ช้อนโต๊ะ
• ผงโกโก้สำหรับโรยหน้า
วิธีทำพุดดิ้งขนมปัง
1. ใส่นมข้นจืด นมสด และน้ำตาลทรายลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟ คนให้น้ำตาลละลาย ยกลง พักไว้ให้เย็น
2. ตอกไข่ไก่ใส่ภาชนะ ใส่กลิ่นวานิลลากับผงอบเชย ตีให้เข้ากัน ค่อย ๆ ใส่ส่วนผสมนมสดลงไปตีให้เข้ากัน
3. ทาเนยสดลงในพิมพ์อบ เรียงขนมปังฝรั่งเศส ตามด้วยกล้วยหอมกับลูกเกด ทาเนยสดให้ทั่ว ทำเช่นนี้สลับกันจนเต็มพิมพ์
4. ราดส่วนผสมคัสตาร์ดลงไป นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 30 นาทีหรือจนสุก นำออกมา โรยผงโกโก้ จัดเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ พุดดิ้งขนมปังกรอบกล้วยหอม อาหารเช้าเมนูขนมปังอร่อยหอมกรุ่น
+++++++++++++++++++
ครีมบูเล่ทั่วไปอาจมีรสชาติหวานเลี่ยนไม่ถูกปาก ลองเติมรสชาติเปรี้ยวลงไปก็เข้าท่านะคะ ขอนำเสนอครีมบูเล่เสาวรส สูตรจาก นิตยสาร @Kitchen เนื้อเสาวรสผสมผสานคัสตาร์ดอย่างลงตัว เพิ่มความเก๋จากน้ำตาลไหม้ด้านบน
ส่วนผสม ครีมบูเล่เสาวรส
• วิปปิ้งครีม 150 มิลลิลิตร
• นมสด 150 มิลลิลิตร
• น้ำตาลทราย 200 กรัม
• ไข่ไก่ 3 ฟอง
• เนื้อเสาวรส 6 ลูก
วิธีทำครีมบูเล่เสาวรส
1. ผสมวิปปิ้งครีม นมสด และน้ำตาลทรายเข้าด้วยกันในหม้อ แล้วนำไปต้มด้วยไฟอ่อนจนน้ำตาลทรายละลาย
2. ตีไข่ไก่แล้วเทลงไปผสมกับส่วนผสมวิปปิ้งครีม คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่เนื้อเสาวรสลงไป ผสมคนให้เข้ากัน แล้วยกลงจากเตา
3. เทส่วนผสมที่ได้ใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ (สามารถกรองเอาเม็ดเสาวรสออกได้) นำไปเรียงในถาดอบที่ใส่น้ำร้อนเตรียมไว้สูงประมาณครึ่งหนึ่ง นำไปอบที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส ประมาณ 30 นาที หรือจนเซตตัว จากนั้นนำไปแช่เย็น
4. ก่อนเสิร์ฟตักน้ำตาลทรายโรยบนหน้าขนมให้ทั่ว แล้วใช้ไฟพ่นจนน้ำตาลทรายละลายกลายเป็นคาราเมลเคลือบหน้าขนม
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ครีมบูเล่เสาวรส รสชาติใหม่ชวนลิ้มลอง
+++++++++++++++++++
ลองดัดแปลงเมนูครีมบูเล่ให้มีความเป็นไทยมากขึ้นกันดีไหม ขอนำเสนอเมนูครีมบูเล่มะพร้าว สูตรจาก เฟซบุ๊ก iCook bu Kucook เพิ่มความหอมจากกะทิ กินกับมะพร้าวเชื่อม อ้อ… ก่อนเสิร์ฟอย่าลืมพ่นน้ำตาลทรายให้ไหม้นะคะ
ส่วนผสม ครีมบูเล่มะพร้าว
• ครีมสด 750 มิลลิลิตร
• กะทิคั้น 750 มิลลิลิตร
• ไข่แดง 24 ฟอง
• น้ำตาลทราย 350 กรัม
• ถ้วยกระเบื้อง
• ถาดทรงสูง
วิธีทำครีมบูเล่มะพร้าว
1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 140 องศาเซลเซียส เตรียมไว้
2. ต้มครีมสดและกะทิในหม้อด้วยไฟอ่อน คนผสมให้เข้ากัน พอเดือดให้ปิดไฟทันที (ไม่ควรใช้ไฟแรง และไม่ควรต้มให้เดือดจนเกินไป) พักไว้
3. ตีผสมไข่แดงกับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน ค่อย ๆ เทส่วนผสมครีมลงไป คนผสมตลอดเวลาจนเข้ากันดี กรองส่วนผสมด้วยกระชอน จากนั้นเทส่วนผสมที่ได้ลงในถ้วย ประมาณ 3/4 ของพิมพ์
4. วางถ้วยลงในถาดทรงสูง เทน้ำลงในถาดให้สูงประมาณ 3/4 ของถ้วยครีม (เรียกวิธีการนี้ว่า Bain-marie) นำเข้าเตาอบ นานประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที หรือจนสุก (วิธีการเช็กว่าสุกหรือไม่ให้ใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มลงไปตรงกลางถ้วย ถ้ามีเศษขนมติดออกมาแสดงว่ายังไม่สุก) นำออกจากถาดน้ำ และเก็บไว้ในตู้เย็นจนกว่าจะรับประทาน
5. เวลาจัดเสิร์ฟให้โรยน้ำตาลทรายบาง ๆ ลงบนหน้าขนมให้ทั่ว หลังจากนั้นใช้ปืนพ่นให้น้ำตาลเป็นสีน้ำตาลไหม้จนทั่ว เสิร์ฟคู่กับมะพร้าวเชื่อม
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ครีมบูเล่มะพร้าว เสน่ห์น้ำตาลไหม้ผสมผสานความเป็นไทย
+++++++++++++++++++
เอาใจลูกค้าสาว ๆ กันด้วยเฟรนช์โทสต์สตรอว์เบอร์รี สูตรจาก คุณ #HealthyPD สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับขนมปังชุบไข่ทอดไร้น้ำมัน ใส่ผลไม้ตระกูลเบอร์รี เสิร์ฟกับโยเกิร์ตไขมันต่ำ
ส่วนผสม เฟรนช์โทสต์สตรอว์เบอร์รี
• ขนมปัง 1+1/2 แผ่น
• ไข่ไก่ 1 ฟองเล็ก
• โยเกิร์ตไขมันต่ำ (Non Fat) 1 ถ้วย
• สตรอว์เบอร์รี
• แครนเบอร์รี
• อัลมอนด์สไลซ์
วิธีทำเฟรนช์โทสต์สตรอว์เบอร์รี
1. นำขนมปังไปชุบไข่แล้วย่างบนกระทะเทฟลอนให้สุกทั้งสองด้านแล้วตักใส่จาน
2. ตักโยเกิร์ตไขมันต่ำวางข้าง ๆ เสมือนเป็นไอศกรีม แนะนำว่าเอาไปใส่ฟรีซสัก 30 นาที เพื่อให้จับตัวกันมากขึ้น
3. ท็อปปิ้งด้วยสตรอว์เบอร์รี และแครนเบอร์รี โรยด้วยอัลมอนด์สไลซ์
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 11 สูตรอาหารคลีน ตอน อาหารว่างและขนม อร่อยไม่ทำร้ายสุขภาพ
+++++++++++++++++++
เพิ่มจุดขายเมนูขนมหวานกันด้วยมูสเค้กช็อกโกแลต สูตรจาก คุณ Kat Bake Club สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับมูสเค้กตกแต่งเป็นรูปหมี ลองทำขายรับรองเกลี้ยงจ้า
ส่วนผสม มูสช็อกโกแลต
• น้ำเย็น 2 ช้อนโต๊ะ
• ผงเจลาติน 1 ช้อนชา
• วิปครีมชนิด Dairy (1) 125 กรัม
• เกลือ 1/8 ช้อนชา
• Semi Sweet ช็อกโกแลตชิพ150 กรัม
• วิปครีมชนิด Dairy (2) 250 กรัม
• น้ำตาลทราย 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม เค้กชิฟฟอนช็อกโกแลต
• แป้งเค้ก 40 กรัม
• ผงฟู 1/8 ช้อนชา
• เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
• เกลือ 1/8 ช้อนชา
• ผงโกโก้ 12.5 กรัม
• น้ำตาลทราย 45 กรัม
• ไข่แดง (เบอร์ 0) 1 ฟอง
• น้ำเปล่า 25 กรัม
• นมข้นจืด 12.5 กรัม
• น้ำมันพืช 32.5 กรัม
• ไข่ขาว (เบอร์ 0) 1 ฟอง
• ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/8 ช้อนชา
• น้ำตาลทรายป่นละเอียด 22.5 กรัม
หมายเหตุ : ใช้สูตรเนื้อชิฟฟอนช็อกโกแลตหน้านิ่มของแม่สลิ่ม แต่ทำปอนด์เดียวจึงลดปริมาณสูตรลงเหลือ 1/2 ส่วน
วิธีทำเค้กชิฟฟอนช็อกโกแลต
1. เปิดเตาอบใช้ไฟบน-ล่างที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เตรียมไว้
2. ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เบกกิ้งโซดา ผงโกโก้ และเกลือเข้าด้วยกัน 1 รอบ ใส่น้ำตาลทรายละเอียด คนส่วนผสมให้เข้ากัน พักไว้
3. ตีไข่แดง น้ำเปล่า นมข้นจืด น้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลาให้เข้ากัน
4. ทำหลุมแป้งที่ร่อนพักไว้ เทส่วนผสมที่เป็นของเหลวลงไป ใช้ตะกร้อมือคนเร็ว ๆ พอเข้ากันแล้วหยุดทันที หากตีต่อจะทำให้เค้กมีเนื้อเหนียว
5. ตีไข่ขาวพอแตกฟอง ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไปแล้วตีต่ออีกเล็กน้อย ทยอยใส่น้ำตาลทรายละเอียด โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ตีจนตั้งยอดปานกลาง แบ่งเมอแรงค์ผสมทั้งหมด 3 รอบ ตะล่อมอย่างเบามือจนส่วนผสมเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
6. ปูกระดาษไขบนถาดขนาด 11 x 8 นิ้ว ไม่ทาไขมัน เทส่วนผสมลงไปเกลี่ยให้เต็มถาด กระแทกพิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศ 2 ครั้ง
7. นำเข้าเตาอบใช้เวลาประมาณ 10 นาที (เช็กความสุกโดยใช้ไม้จิ้มฟันจิ้ม หากไม่มีเศษเค้กติดออกมาแสดงว่าสุกแล้ว)
8. นำออกมาจากเตา กระแทกพิมพ์แรง ๆ 1 ครั้ง เพื่อไม่ให้โครงสร้างเค้กยุบตัว นำออกจากพิมพ์ วางบนตะแกรง พักไว้ให้เย็น
9. ใช้พิมพ์รูปวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เซนติเมตร กดเค้กชิฟฟอนให้ขาด ก่อนนำไปประกบกับตัวมูสช็อกโกแลต แช่ให้เย็นจนเซตตัวก่อนเสิร์ฟ
วิธีทำมูสช็อกโกแลต
1. ใส่ผงเจลาตินลงแช่ในน้ำเย็น แช่ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที เสร็จแล้วนำเข้าไมโครเวฟ 20 วินาที หรือจนกว่าจะละลาย พักไว้ให้เย็น (หากนำไปใช้ตอนร้อน ๆ วิปครีมที่ตีไว้จะยุบตัวและกลับมาเหลวเป็นน้ำ)
2. ต้มวิปครีมส่วนที่ 1 (125 กรัม) กับเกลือให้ร้อน พอขอบหม้อเริ่มมีฟองปุด ๆ ปิดไฟ
3. ใส่ช็อกโกแลตชิพลงไปทิ้งไว้สักประมาณ 30 วินาที คนให้ละลายเข้ากัน พักไว้จนเย็นสนิท
4. ตีวิปครีมส่วนที่ 2 (250 กรัม) กับน้ำตาลทรายให้ตั้งยอดแข็ง (เคล็ดลับตีวิปครีมแท้ให้ขึ้นง่าย คือ โถภาชนะและตะกร้อที่ตีต้องเย็น ก่อนตีเอาทั้ง 2 อย่าง แช่ตู้เย็นไว้ได้เลย) ตีส่วนผสมให้ได้ยอดแข็ง
5. แบ่งช็อกโกแลตกานาชที่พักไว้จนเย็นสนิทออกมา 1 ส่วน ผสมเข้ากับวิปครีม ค่อย ๆ ตะล่อมให้เข้ากัน จากนั้นแบ่งช็อกโกแลตส่วนที่เหลือใส่ลงไปผสมให้เข้ากันอย่างเบามือ (หากคนแรงวิปครีมจะยุบทำให้ได้ส่วนผสมที่เหลวเกินไป)
6. ใส่เจลาตินที่ละลายพักไว้ลงไปตะล่อมจนเนื้อเนียนเข้ากัน ตักส่วนผสมช็อกโกแลตใส่พิมพ์ซิลิโคนทรงครึ่งวงกลมจนเต็ม กระแทกพิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศออก นำไปแช่ตู้เย็นข้ามคืน ถ้าแช่ช่องฟรีซได้ยิ่งดี
7. นำฐานเค้กชิฟฟอนที่กดด้วยพิมพ์ทรงกลมแล้วมาวางบนมูสแต่ละก้อนก่อน แล้วค่อยแกะออกจากพิมพ์ ตกแต่งหน้าหมีให้สวยงาม โดยดวงตา ใช้ช็อกโกแลตชิพเม็ดเล็กวางเป็นรูปลูกตาทั้ง 2 ข้าง จมูก ใช้ไวท์ช็อกโกแลตรูปทรงเหรียญ ใช้ดาร์กช็อกโกแลตละลายแล้ววาดลายเส้นจมูกและปาก ส่วนใบหู ใช้มินิโอรีโอเสียบเป็นใบหูทั้ง 2 ข้าง
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ มูสเค้กหมี ไอเดียทำมูสเค้กสุดน่ารัก ใครจะกินลง
+++++++++++++++++++
เมนูชีสพายก็ควรมีติดไว้ในร้านคาเฟ่นะคะ ยกตัวอย่างชีสพายชาเขียว ฐานพายทำจากคุกกี้เนยบด เนื้อครีมชีสใส่ผงชาเขียว แต่งหน้าด้วยผงชาเขียวเพิ่มความงาม
ส่วนผสม ชีสพายชาเขียว
• คุกกี้รสเนย บดละเอียด 175 กรัม
• เนยสดละลาย ชนิดเค็ม 40 กรัม
• เจลาติน 2+1/2 แผ่น
• วิปครีม ชนิดจืด 50 กรัม
• นมสด 45 กรัม
• ผงชาเขียว 1/2 ช้อนโต๊ะ
• ครีมชีส (วางพักไว้ให้นิ่มที่อุณหภูมิห้อง) 65 กรัม
• น้ำตาลไอซิ่ง 25 กรัม
• นมข้นหวาน 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
• ผงชาเขียว สำหรับโรยหน้า
วิธีทำชีสพายชาเขียว
1. นำคุกกี้และเนยสดคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน นำกรุลงในพิมพ์ให้มีความหนา ประมาณ 1/2 เซนติเมตร นำแช่ตู้เย็น เตรียมไว้
2. นำเจลาตินไปแช่น้ำเย็นจนนิ่ม นำไปตุ๋นในน้ำอุ่นจนละลาย เตรียมไว้
3. ตีวิปครีมจนตั้งยอดอ่อน เตรียมไว้
4. ต้มนมสดพอเดือด ใส่ผงชาเขียวลงไปคนให้เข้ากัน เตรียมไว้
5. ตีครีมชีส น้ำตาลไอซิ่ง และนมข้นหวานด้วยความเร็วปานกลางจนส่วนผสมข้นลดความเร็วลงต่ำ ใส่วิปครีมและเจลาตินลงไปผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
6. เทครีมชีสลงพิมพ์ที่กรุด้วยแป้งพาย นำเข้าแช่ตู้เย็น ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจนเซตตัว
7. โรยผงชาเขียวให้ทั่ว พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 15 สูตรชีสเค้ก ชีสพาย อร่อยเพลินหลากสไตล์ เนื้อเนียนครีมชีสฉ่ำ
+++++++++++++++++++
มาลองทำชีสพายสไตล์ไทยกันดีไหม ขอนำเสนอเมนูชีสพายมะนาว สูตรจาก คุณสาวฟู้ดเทค สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ฐานพายทำจากแครกเกอร์ผสมผสานครีมชีสมะนาว และโปะด้วยเยลลี่มะนาว รสเปรี้ยวหวานกินแล้วสดชื่น
ส่วนผสม ฐานพาย
• แครกเกอร์ 1+1/2 แถว (150 กรัม)
• เนยสด 100 กรัม
• เกลือ ปลายช้อน
ส่วนผสม เนื้อครีมชีส
• ครีมชีส 1 ก้อน (250 กรัม)
• โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย
• นมข้นหวาน 4 ช้อนโต๊ะ
• มะนาว 1 ลูก
ส่วนผสม หน้าเยลลี่มะนาว
• เจลาติน 4 แผ่น
• น้ำเปล่า (สำหรับแช่เจลาตินให้อ่อนนุ่ม)
• น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
• มะนาว 3 ลูก
• สีผสมอาหารสีเขียว 3 หยด
วิธีทำชีสพายมะนาว
1. ทำฐานพาย โดยนำแครกเกอร์มาใส่ในถุงแล้วทุบให้ละเอียด (หรือใช้เครื่องปั่น)
2. นำเนย 100 กรัม ไปละลายโดยเข้าไมโครเวฟใช้ไฟกลาง 450 วัตต์ ประมาณ 2 นาที แล้วเติมเกลือปลายช้อน คน ๆ เล็กน้อยแล้วเทใส่แครกเกอร์ที่บดละเอียดแล้ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน กรุใส่พิมพ์ที่สามารถถอดก้นได้ หรือถ้าใครไม่มีพิมพ์จะกรุใส่แก้วหรือภาชนะใด ๆ แทนก็ได้ กรุให้แน่นแล้วนำเข้าช่องแข็งจนเซตตัว
3. ทำครีมชีส โดยนำครีมชีสที่นำออกมาจากตู้เย็นทิ้งไว้ให้นิ่มแล้วประมาณ 30 นาที หั่นใส่ชามผสมใบใหญ่ ตามด้วยโยเกิร์ตรสธรรมชาติ นมข้นหวาน และน้ำมะนาว คนผสมจนเนื้อเนียน เทใส่บนฐานแครกเกอร์ที่เซตตัวดีแล้ว ใช้ช้อนเกลี่ยหน้าให้เรียบแล้วนำแช่ช่องแข็ง
4. ทำเยลลี่มะนาว โดยนำเจลาตินมาแช่น้ำทิ้งไว้ และนำน้ำตาลทรายและน้ำเปล่าใส่ถ้วยแล้วเข้าไมโครเวฟใช้ไฟกลาง 450 วัตต์ ประมาณ 2 นาที ให้ร้อนและน้ำตาลละลาย แล้วนำเจลาตินที่แช่จนนิ่มแล้วมาใส่ (แยกมาเฉพาะเจลาติน น้ำที่แช่ไม่ต้องใส่) คนจนเจลาตินละลาย
5. นำมะนาว 3 ลูกมาคั้นน้ำจะได้น้ำมะนาว ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ เทใส่ลงไปผสม หยดสีผสมอาหารสีเขียวลงไป คนผสมชิมรสตามชอบ เทใส่ฐานพายที่ครีมชีสเซตตัวดีแล้ว นำเข้าแช่ในช่องแข็งต่ออีกประมาณ 30 นาทีหรือจนเยลลี่เซตตัว นำออกมาถอดพิมพ์แล้วตัดแบ่ง แต่งด้วยมะนาวฝานด้านบน สำหรับคนที่ทำใส่แก้วหรือชามใบเล็ก ๆ ก็แค่รอให้เยลลี่เซตตัวแล้วก็นำออกมาตักกินได้เลย
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ชีสพายมะนาว สูตรขนมไม่อบแค่มีตู้เย็นกับไมโครเวฟ
+++++++++++++++++++
ในเมื่อขายเมนูชีสพายก็ต้องมีเมนูชีสเค้กมาเป็นอีกทางเลือก ขอนำเสนอช็อกโกแลตชีสเค้ก สูตรจาก คุณบ่งบ๊ง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ครีมชีสช็อกโกแลตผสมผสานกับฐานแครกเกอร์ แต่งด้วยแยมรสเปรี้ยวตัดเลี่ยนก็เหมาะค่ะ
ส่วนผสม ฐานชีสเค้ก
• แครกเกอร์ หรือคุกกี้บดละเอียด 150 กรัม
• เนยสดชนิดจืด 100 กรัม
• ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม ครีมชีสช็อกโกแลต
• ครีมชีส (อุณหภูมิห้อง) 500 กรัม
• น้ำตาลทราย (ชนิดละเอียด) 1 ถ้วย
• แป้งข้าวโพด หรือแป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ช้อนโต๊ะ
• ไข่ไก่ (ขนาดใหญ่) 3 ฟอง
• วิปปิ้งครีม 1/2 ถ้วยตวง
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
• ดาร์กช็อกโกแลต (ความเข้มข้น 75%) 250 กรัม
วิธีทำฐานชีสเค้ก
1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ใช้ไฟล่าง วางถาดใส่น้ำในเตาอบด้วย เตรียมไว้
2. บดคุกกี้หรือแครกเกอร์ให้ละเอียดผสมกับเนยละลายและผงโกโก้แล้วนำมากรุลงในพิมพ์ แล้วนำแช่เย็นเพื่อให้เซตตัว หรือใส่ในเตาอบประมาณ 10 นาที นำออกมาพักให้เย็น
วิธีทำครีมชีสช็อกโกแลต
1. หั่นครีมชีสเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในโถผสมแล้วใช้ตะกร้อตีให้ขึ้นฟู ทยอยใส่น้ำตาลทรายป่น ตามด้วยใส่แป้ง ตีต่อจนส่วนผสมเนียน
2. ใส่ไข่ไก่ทีละฟองจนครบ ตามด้วยกลิ่นวานิลลา วิปปิ้งครีม หรือซาวด์ครีม ตีผสมให้เข้ากันจนเนียนดี
3. นำช็อกโกแลตไปละลายด้วยไมโครเวฟ หรือใช้วิธีตุ๋นบนไอน้ำ ใส่ลงไปในส่วนผสมครีมชีส คนผสมด้วยพายยางแบบเบามือ อย่าลืมปาดก้นอ่างขึ้นมาด้วย ถ้าเป็นครีมชีสสูตรใส่น้ำมะนาว ควรตีให้เนียนก่อนแล้วค่อยใส่น้ำมะนาว ไม่เช่นนั้นจะทำให้ครีมชีสจับตัวเป็นก้อนทรายเล็ก ๆ ทำให้ละลายตัวยาก
4. ตักใส่พิมพ์ที่กรุฐานไว้แล้วประมาณ 3/4 ของพิมพ์ อย่าให้น้อยเกินไป ในขณะที่อบไม่ต้องตกใจหากครีมชีสฟูขึ้นมามาก หรือปริ่ม ๆ ขอบพิมพ์ เพราะเวลาสุกและเย็นตัวแล้วครีมชีสจะยุบตัวลงอีกเยอะ จะไม่สวย
5. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส อบด้วยไฟล่างอย่างเดียว สำหรับชีสเค้กทุกชนิด อย่าลืมถาดใส่น้ำวางไว้ในเตาอบด้วย พอสุกนำออกมาแต่งหน้าตามชอบ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ช็อกโกแลตชีสเค้ก รับไปชิมสักชิ้นไหมคะ
+++++++++++++++++++
ชีสพายชาเขียวแค่เห็นก็เอียนแทนลูกค้า ลองเพิ่มทางเลือกด้วยการทำชีสพายไอศกรีมชาเขียว สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 3128333 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ฐานพายกรอบผสมผสานเนื้อไอศกรีมชาเขียวกับไอศกรีมครีมชีส ตบท้ายด้วยโรยชาเขียวเพิ่มความมุ้งมิ้ง
ส่วนผสม ไอศกรีมชาเขียวชีสพาย (สำหรับพิมพ์วงกลมขนาด 3 ปอนด์)
ชั้นที่ 1 ฐานพาย :
• แครกเกอร์ 160 กรัม (ในสูตรใช้แครกเกอร์ตราโรซี่)
• เนยสดเค็มละลาย 70 กรัม
ชั้นที่ 2 ถั่วแดงกวน :
• ถั่วแดงกวน 350 กรัม (ในสูตรใช้แบบสำเร็จรูป)
ชั้นที่ 3 ไอศกรีมครีมชีส :
• ครีมชีส 250 กรัม
• นมข้นหวาน 2/3 ถ้วย
• น้ำเลมอน 1-2 ช้อนโต๊ะ (ในสูตรใช้ 1 ช้อนโต๊ะ)
• กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
• วิปปิ้งครีมนมโคแท้ แบบไม่หวาน 250 กรัม
ชั้นที่ 4 ไอศกรีมชาเขียว :
• วิปปิ้งครีมนมโคแท้ แบบไม่หวานเท่านั้น 200 กรัม
• ไวท์ช็อกโกแลต 150 กรัม
• ผงชาเขียว 1 ช้อนโต๊ะ
• ผงเจลาติน 2 ช้อนชา
• น้ำเย็น 3 ช้อนโต๊ะ
ชั้นที่ 5 โรยผงชาเขียว :
• ผงชาเขียว 1-2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำไอศกรีมชาเขียวชีสพาย
ชั้นที่ 1 ทำฐานพาย : โดยบดแครกเกอร์ให้เรียบร้อย เสร็จแล้วนำมาผสมกับเนยละลายให้เข้ากัน นำแครกเกอร์บดกรุในพิมพ์วงกลม เกลี่ยให้ทั่วแล้วใช้ก้นแก้วกดให้แน่น ๆ แล้วเข้าช่องแช่แข็งประมาณ 30 นาทีหรือจนเซตตัว
ชั้นที่ 2 ทำถั่วแดงกวน : โดยนำแครกเกอร์ที่เตรียมไว้ออกจากตู้เย็น ใส่ถั่วแดงกวนลงไป เกลี่ยถั่วแดงกวนให้เสมอกัน นำเข้าช่องแช่แข็งประมาณ 30 นาทีหรือจนเซตตัว จะได้เป็นชั้นสวย ๆ
ชั้นที่ 3 ทำไอศกรีมครีมชีส : โดยใส่ครีมชีสกับนมข้นหวานลงในอ่างผสม ตีครีมชีสกับนมข้นหวานให้เนียนเข้ากัน เติมน้ำเลมอนกับกลิ่นวานิลลา ตีต่อให้เข้ากันอีกครั้ง กรองส่วนผสมครีมชีส 1 รอบ พักไว้ เทวิปปิ้งครีมใส่อ่างผสม ตีให้ขึ้นฟู ตักวิปปิ้งครีมใส่ลงผสมกับครีมชีส ตะล่อมแบบเบามือจนเนื้อเนียน เทใส่พิมพ์ เกลี่ยให้ทั่ว ใช้มือเขย่าพิมพ์จนเนื้อเนียน คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร แช่ช่องแข็งประมาณ 2-3 ชั่วโมงจนเซตตัว
ชั้นที่ 4 ไอศกรีมชาเขียว : โดยผสมผงเจลาตินกับน้ำเย็นพักไว้ให้พองตัว เทวิปครีมใส่ชามผสม เอาเข้าไมโครเวฟประมาณ 4-5 นาที ใส่ไวท์ช็อกโกแลตในอ่างผสม นำวิปครีมเทใส่ลงไป คนผสมจนละลาย ใส่ผงชาเขียวแล้วคนผสมให้เข้ากัน ใส่เจลาตินลงผสมต่อให้เข้ากัน พักให้เย็น เทไอศกรีมชาเขียวลงในพิมพ์ คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร นำไปแช่แข็งข้ามคืน เราทำเป็นไอศกรีมความเย็นต้องถึง
ชั้นที่ 5 : นำไอศกรีมชาเขียวชีสพายออกมา ใช้มีดแซะขอบ เอาออกจากพิมพ์ โรยผงชาเขียวให้ทั่ว ตัดเป็นชิ้นพร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ไอศกรีมชาเขียวชีสพาย สูตรขนมไม่อบไม่มีขายต้องทำเอง
+++++++++++++++++++
เครปสามเหลี่ยมหน้าตาธรรมดาดูไม่เร้าใจ ต้องนี่เลยเครปช็อกโกแลต สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน จับแป้งเครปช็อกโกแลตม้วน สอดไส้ครีมช็อกโกแลตกับสตรอว์เบอร์รี ทั้งนี้สามารถดัดแปลงเป็นแป้งและไส้อื่น ๆ ได้ตามสบายเลยจ้า
ส่วนผสม แป้งเครปช็อกโกแลต
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 150 กรัม
• ผงโกโก้ชนิดสีเข้ม 2 ช้อนโต๊ะ
• นมสด 2 ถ้วย
• ผงอัลมอนด์อบสุก 30 กรัม
• น้ำมันมะพร้าว (ทากระทะ)
• สตรอว์เบอร์รีสดหั่นชิ้น (สำหรับแต่ง)
• อัลมอนด์อบสุกสับหยาบ (สำหรับแต่ง)
ส่วนผสม ไส้เครปช็อกโกแลต
• วิปปิ้งครีม 1/4 ถ้วย
• ช็อกโกแลตสับ 80 กรัม
• นมสด 1/4 ถ้วย
• น้ำเชื่อมเมเปิล 1/2 ช้อนโต๊ะ
• ไวท์รัม (White Rum) 1 ช้อนโต๊ะ
• เกลือป่น
• ผงอัลมอนด์อบสุก 80 กรัม
วิธีทำเครปช็อกโกแลต
1. ทำแป้งเครป โดยร่อนแป้งสาลีและผงโกโก้เข้าด้วยกัน เติมนมสดและผงอัลมอนด์ คนให้เข้ากัน
2. ตั้งกระทะเทฟลอนใช้ไฟอ่อน ทาน้ำมันมะพร้าวให้ทั่ว นำส่วนผสมแป้งเทลงไป กลอกให้เป็นแผ่นบาง รอจนสุกแล้วพลิกกลับอีกด้าน เมื่อสุกแล้วนำขึ้นพักไว้
3. ทำส่วนผสมไส้ โดยนำวิปปิ้งครีมไปต้มพออุ่น ใส่ช็อกโกแลตลงไปคนให้เข้ากัน เติมนมสด น้ำเชื่อมเมเปิล ไวท์รัม เกลือป่น และผงอัลมอนด์ ผสมให้เข้ากัน
4. นำแป้งเครปวางบนจาน ทาส่วนผสมไส้ลงไปให้ทั่ว วางสตรอว์เบอร์รีสดลงไป ม้วนให้เป็นกรวยหรือพับตามชอบ โรยอัลมอนด์ จัดเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ เครปช็อกโกแลต แป้งกรอบทำง่ายสายแข็งจัดไป
+++++++++++++++++++
ในเมื่อร้านคาเฟ่มีเมนูขนมหวานอย่างเครปกรอบก็ต้องมีอีกทางเลือกนั่นคือเครปเย็น ขอนำเสนอเครปไส้ซอสผลไม้ สูตรจาก นิตยสาร Gourmet & Cuisine แป้งเครปนุ่มลิ้นสอดไส้ซอสผลไม้สารพัดชนิด เสิร์ฟแบบม้วนก็ได้ หรือทำเป็นทรงกรวยก็เก๋นะคะ
ส่วนผสม แป้งเครป (สำหรับ 3 ที่)
• แป้งสาลีทำเค้ก 1+1/3 ถ้วย
• ผงฟู 1/4 ช้อนชา
• ไข่ไก่ 3 ฟอง
• นมสด 1/2 ถ้วย
• วิปปิ้งครีม 1/2 ถ้วย
• น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
• น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
• เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
ส่วนผสม ซอสผลไม้
• ลูกพีชสีแดง (ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นเล็ก) 1 ผล
• สตรอว์เบอร์รีผ่า 4 ส่วน ประมาณ 5-6 ลูก
• แอปเปิลเขียว (ปอกเปลือกหั่นชิ้นเล็ก) 2 ลูก
• เนยสดเค็ม 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลไอซิ่ง 1/4 ถ้วย
• เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
• ผงอบเชย 1/8 ช้อนชา
วิธีทำเครปผลไม้
1. ทำซอสผลไม้ โดยใส่ลูกพีช สตรอว์เบอร์รี แอปเปิลเขียว และเนยลงในกระทะ เติมน้ำเปล่าแล้วนำขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ รอจนผลไม้เริ่มนิ่ม ใส่น้ำตาลไอซิ่ง เกลือ และผงอบเชย คนให้เข้ากัน ยกลง เตรียมไว้
2. ทำแป้งเครป โดยใส่แป้งสาลี ผงฟู ไข่ไก่ นมสด วิปปิ้งครีม น้ำเปล่า น้ำตาลทราย น้ำมันพืช เกลือป่น และกลิ่นวานิลลา ลงในโถปั่น ปั่นให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียว เทใส่ภาชนะ
3. ทาน้ำมันบาง ๆ ที่กระทะเทฟลอน ตั้งไฟอ่อนจนร้อน ตักส่วนผสมแป้งเครปใส่แล้วกรอกให้ทั่วกระทะ รอจนแป้งสุกเป็นสีเหลืองอ่อน กลับอีกด้านทอดจนสุก ตักใส่จานไว้ ทำจนหมดแป้ง
4. ก่อนเสิร์ฟนำแผ่นแป้งเครปวางบนจาน ตักซอสผลไม้ใส่แล้วม้วนเรียงใส่จาน โรยน้ำตาลไอซิ่งอีกเล็กน้อย
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ เครปผลไม้ เมนูเครปแป้งนุ่มฉ่ำซอสผลไม้ เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินอร่อย (มาก)
+++++++++++++++++++
ถ้าลูกค้าเบื่อเครปผลไม้ก็เปลี่ยนมาทำเมนูเครปสไตล์ไทยกันดีกว่า ขอนำเสนอเครปข้าวเหนียวมะม่วง สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน แป้งเครปใบเตยนุ่ม ๆ ห่อไส้ข้าวเหนียวกับมะม่วง ราดซอสกะทิหวานหอม
ส่วนผสม เครปข้าวเหนียวมะม่วง
• แป้งเค้ก 80 กรัม
• นมสด 250 กรัม
• เนยเค็ม 50 กรัม
• ไข่ไก่ 2 ฟอง
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• น้ำใบเตย 2 ช้อนโต๊ะ
• สีผสมอาหารสีเขียวเล็กน้อย
• มะม่วงสุก (หั่นเต๋า) 100 กรัม
• ข้าวเหนียวมูน 150 กรัม
• เนยเค็ม (ทากระทะ)
ส่วนผสม ซอสกะทิวานิลลา
• แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
• เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา
• หัวกะทิ 250 กรัม
• วานิลลาขูดเนื้อ 1/2 ฝัก
วิธีทำเครปข้าวเหนียวมะม่วง
1. ร่อนแป้งเค้กลงในอ่างผสม พักไว้
2. นำนมสดและเนยสดใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งไฟ คนจนเนยสดละลายและส่วนผสมร้อน ยกลง พักไว้ให้คลายความร้อน
3. ตีไข่ไก่ด้วยตะกร้อมือพอแตก ค่อย ๆ เทส่วนผสมนมลงมาผสมพอเข้ากัน ใส่กลิ่นวานิลลา น้ำใบเตย และสีผสมอาหารสีเขียว คนให้เข้ากันอีกครั้ง
4. ใส่แป้งเค้กลงผสม คนให้เข้ากัน กรองด้วยกระชอนแล้วพักไว้ประมาณ 15 นาที
5. ตั้งกระทะเทฟลอนใช้ไฟอ่อน ทาเนยสดบาง ๆ พอทั่ว รอจนกระทะร้อนตักส่วนผสมแป้งเครปใส่ลงไป กลอกแป้งให้เป็นแผ่นกลมบาง ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 นิ้ว ทอดจนแป้งสุก ตักขึ้น
6. วางแป้งเครปลงบนภาชนะเรียบ ตักมะม่วงสุกและข้าวเหนียวมูนวางลงตรงกลาง ห่อแป้งให้เป็นรูปสี่เหลี่ยม จัดใส่จานราดด้วยซอสกะทิวานิลลา จัดเสิร์ฟ
วิธีทำซอสกะทิวานิลลา
1. ใส่แป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงในภาชนะ คนพอเข้ากัน
2. ใส่หัวกะทิและกลิ่นวานิลลา คนผสมพอเข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟ คนจนส่วนผสมสุกมีลักษณะข้นเป็นซอส ยกลงกรองด้วยกระชอน พักไว้ให้เย็นสนิท เตรียมไว้ราดเครปที่ทำเสร็จแล้ว
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ เครปข้าวเหนียวมะม่วง ขนมหวานหน้าตาดีที่ต้องฟาดให้เรียบ
+++++++++++++++++++
และแล้วก็ถึงเมนูเครปเค้กที่ช่วยดึงดูดลูกค้าได้มาก สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1561647 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ความพิเศษคือทำแป้งเครปเป็นสีรุ้ง มาพร้อมซอสสตรอว์เบอร์รี
ส่วนผสม ซอสสตรอว์เบอร์รี
• สตรอว์เบอร์รีสดปั่นละเอียด
• น้ำตาลทราย
• แป้งข้าวโพด
ส่วนผสม แป้งเครป
• แป้งเค้กสำเร็จรูป 230 กรัม
• น้ำตาลทราย 120 กรัม
• เนยสด 150 กรัม
• นมสด 600 กรัม
• ไข่ไก่ 8 ฟอง
• วิปปิ้งครีม 400 กรัม
• สีผสมอาหาร 6 สี ตามชอบ
วิธีทำเครปเค้ก
1. ทำซอสสตรอว์เบอร์รี โดยนำสตรอว์เบอร์รีสดปั่นละเอียดไปต้มกับน้ำตาลทราย ใส่แป้งข้าวโพดลงไปนิดหน่อย
2. ทำแป้งเครป โดยนำนมสดไปต้มให้เดือดแล้วยกลงพักไว้ให้เย็น (เพื่อให้นมเข้มข้นขึ้น)
3. นำเนยสดไปละลาย ถ้าใช้ไมโครเวฟให้นำเข้าไปอุ่นประมาณ 1 นาที ถ้ายังไม่ละลายให้อุ่นต่ออีก 30 วินาที ส่วนถ้าบ้านใครไม่มีไมโครเวฟ ให้ตั้งน้ำเปล่าแล้วเอาอ่างที่ทนความร้อนวางทับแล้วละลายเนยสดบนอ่างแทน
4. ตอกไข่ไก่ลงอ่างผสมแล้วตีพอเข้ากัน ใส่น้ำตาลทรายลงไปแล้วตีผสมต่อจนน้ำตาลทรายละลาย ทยอยใส่แป้งเค้กสำเร็จรูปลงไป โดยทยอยใส่ 2-3 รอบ (ค่อย ๆ ใส่ เพราะใส่ทีเดียวแป้งจะเป็นเม็ด) ค่อย ๆ ใส่นมสดที่พักไว้จนเย็นแล้ว ทยอยใส่ 2-3 รอบ ใส่เนยละลายที่พักไว้จนเย็นแล้วลงไป คนผสมต่อให้เข้ากัน นำส่วนผสมไปกรอง (หากไม่กรองส่วนผสมจะทำให้เวลาทอดจะมีเม็ดแป้งอยู่ด้วย) เสร็จแล้วนำไปแช่ตู้เย็นไว้ 1 คืน
5. นำส่วนผสมแป้งเครปออกจากตู้เย็นเพื่อเตรียมใส่สีลงไป (ก่อนผสมสีลงไปควรกวนแป้งเครปให้เข้ากันอีกรอบ) แบ่งใส่ถ้วย 6 ถ้วย ใส่สีผสมอาหารลงในส่วนผสมแป้งสีละ 1 ถ้วย ทอดแป้งครั้งละ 1/4 ถ้วย จะได้ทั้งหมด 24 แผ่น จริง ๆ สูตรนี้จะได้ 25 แผ่น เพราะฉะนั้นเราจะเหลือแป้งเครป 1 แผ่น ไว้ทดลองทำในกระทะเทฟลอนก่อน
6. ทอดแป้งเครปกัน โดยทาเนยสดบาง ๆ บนกระทะเทฟลอน เริ่มจากเอาส่วนผสมแป้งที่เหลือจากการตวงทั้ง 6 สี มาลองทอดดูก่อน โดยใช้ไฟอ่อน ไฟแรงมากจะไม่ออกมาเป็นแผ่น ทดลองเสร็จแล้วจึงทอดแป้งเครปจนครบ 24 แผ่น
7. พักแป้งเครปที่ทอดทั้งหมดไว้ให้เย็น ใครกลัวแป้งเครปติดกันเอากระดาษไขรองชั้นต่อชั้นก็ได้
8. ตีวิปปิ้งครีม โดยตีแค่พอยอดอ่อน ถ้าวิปปิ้งครีมยอดแข็งมากจะปาดแป้งเครปลำบาก
9. ประกอบเครปเค้กสายรุ้ง (ใครมีจานหมุนสำหรับแต่งเค้กเอามาใช้ได้เลย ในสูตรเอาเก้าอี้ในห้องที่หมุนได้มาใช้แทน) เริ่มจากวางแผ่นแป้งเครปสลับกับวิปปิ้งครีม โดยวางไล่ทีละสี ปาดครีมให้พอดี ๆ ราดซอสสตรอว์เบอร์รีลงไป
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำเครปเค้กสายรุ้ง ขนมในฝันสีคัลเลอร์ฟูล ทำกินเองง่าย ๆ ที่บ้าน
+++++++++++++++++++
เอาใจลูกค้าสาว ๆ ที่ชอบพานาคอตต้ากันหน่อยเนอะ ขอนำเสนอพานาคอตต้ามะม่วง สูตรจาก คุณ tukata001 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เนื้อพานาคอตต้าหอมหวานสลับชั้นกับซอสเยลลี่มะม่วง แต่งด้วยมะม่วงด้านบนเพิ่มความฟิน
ส่วนผสม พานาคอตต้ามะม่วง
• มะม่วงสุก 2 ถ้วย
• ผงเจลาติน 2 ซอง (1 ซอง = 1 ช้อนโต๊ะ)
• น้ำมะม่วง หรือน้ำเปล่า 1 ถ้วย
• นมสด 1 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย
• กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
• ครีม หรือวิปปิ้งครีมเข้มข้น 2 ถ้วย
วิธีทำพานาคอตต้ามะม่วง
1. นำมะม่วงสุกมาปั่น หากใครคิดว่ามะม่วงสุกมีรสหวานน้อยไป เติมน้ำตาลทรายในส่วนขั้นตอนที่จะผสมก่อนไปแช่ตู้เย็น เทมะม่วงที่ปั่นไว้ลงในอ่างผสมรอไว้ก่อน
2. ผสมเจลาติน หากมีน้ำมะม่วงก็นำมาใช้ในขั้นตอนนี้ แต่ถ้าไม่มีก็ใช้น้ำเปล่า (แต่รสชาติของมะม่วงจะเจือจางลงเล็กน้อย อาจจะต้องใส่น้ำตาลทรายเพิ่ม) ใส่ผงเจลาติน 1 ช้อนโต๊ะ (1 ซอง) ลงในน้ำมะม่วงแล้วคนผสมให้เข้ากัน นำไปใส่ในไมโครเวฟ 1 นาที เสร็จแล้วเทลงในมะม่วงปั่นที่พักไว้ในอ่างผสม คนให้เข้ากันดี
3. นำแก้วที่ต้องการจะใส่ขนมมาเตรียมไว้ หากต้องการทำขนมที่มีลักษณะเฉียงก็ให้หาถาดที่มีหลุม จัดแก้วให้เอียง 45 องศา และหาผ้ามารองก้นแก้วจะได้ไม่เลื่อน จัดการเทส่วนผสมซอสมะม่วงลงในแก้วให้ถึงขอบ หรือจะหาแก้วสวย ๆ มาแล้วเทส่วนผสมซอสมะม่วงในลักษณะครึ่งแก้วก็ได้ นำเข้าตู้เย็น แช่ไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมงหรือจนกว่าจะเซตตัว
4. ทำครีมนมด้านบนหลังจากที่ตัวซอสมะม่วงเซตตัวเรียบร้อยแล้ว โดยการนำนมสดใส่ในหม้อเล็ก เทผงเจลาติน 1 ช้อนโต๊ะ (1 ซอง) ลงในนม คนให้เข้ากันดี ไม่ต้องตั้งไฟ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ใส่น้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน นำไปตั้งไฟอ่อน ๆ คนให้น้ำตาลละลายดี ไม่ต้องให้เดือด เติมกลิ่นวานิลลาและเกลือลงไปคนให้เข้ากันดี ปิดเตา ยกลง
5. นำครีมหรือวิปปิ้งครีม เทลงในอ่างผสม นำครีมนมที่เพิ่งยกลงมาจากเตา เทผสมลงไปและคนให้เข้ากัน นำแก้วหรือภาชนะที่ใส่ส่วนผสมแรกที่เป็นมะม่วงเซตตัวแล้วออกจากตู้เย็น เทส่วนผสมที่สองที่เป็นครีมลงในถ้วยให้เต็ม ตามสูตรจะได้พานาคอตต้า 7 แก้ว นำเข้าตู้เย็นอย่างน้อยอีก 3 ชั่วโมง หรือจนกว่าจะเซตตัว
6. นำออกมาแต่งด้านบนด้วยมะม่วงกับใบสะระแหน่
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ พานาคอตต้ามะม่วง เนื้อเนียนหอมละมุนน่าลองทำ
+++++++++++++++++++
มาต่อกันที่พานาคอตต้าสุดคลาสสิกนั่นคือ พานาคอตต้าสตรอว์เบอร์รี สูตรจาก คุณเนินน้ำ มาพร้อมซอสเยลลี่สตรอว์เบอร์รี แต่งด้วยสตรอว์เบอร์รีเพิ่มความเลอค่า
ส่วนผสม พานาคอตต้าสตรอว์เบอร์รี
• เจลาตินชนิดแผ่น 4 แผ่น
• วิปปิ้งครีม 1+1/2 ถ้วย
• นมสด 1/2 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย
• วานิลลา 1 ฝัก
• สตรอว์เบอร์รี
• ใบสะระแหน่
ส่วนผสม ซอสเยลลี่สตรอว์เบอร์รี
• สตรอว์เบอร์รีเพียวเร 1/2 ถ้วย (ทำมาจากสตรอว์เบอร์รีแช่แข็งปั่นจนเหลว)
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
• เจลาติน 2 แผ่น
• น้ำมะนาว ตามชอบ
วิธีทำพานาคอตต้าสตรอว์เบอร์รี
1. ทำพานาคอตต้า โดยแช่เจลาตินในน้ำเย็นจัด นานประมาณ 5-10 นาที จนนุ่ม
2. ใส่วิปปิ้งครีมและนมสดลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง พอนมเริ่มร้อน ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้ละลายจนหมด ใส่แผ่นเจลาตินที่นุ่มแล้วลงไป คนผสมจนเจลาตินละลาย ปิดไฟ แล้วใส่ฝักวานิลลา
3. ทำซอสเยลลี่สตรอว์เบอร์รี โดยนำสตรอเบอรีเพียวเร ใส่ลงในหม้อตั้งไฟพอร้อน ใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลาย ใส่น้ำมะนาว และเจลาตินที่แช่น้ำจนนุ่มแล้ว ใส่ลงไปในหม้อ คนผสมให้เข้ากัน พักไว้จนหายร้อน
4. ตักใส่พิมพ์ จะใส่เนื้อพานาคอตต้าหรือซอสเยลลี่สตรอว์เบอร์รีไว้ด้านบน หรือล่างก็ได้ตามชอบ นำเข้าแช่ตู้เย็นช่องแช่แข็งประมาณ 30 นาที เมื่อเซตตัวแล้วจึงนำออกมาใส่เยลลี่สตรอว์เบอร์รี แล้วนำเข้าแช่ตู้เย็นอีกครั้งจนเซตตัว ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รี และใบสะระแหน่
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ พานาคอตต้าสตรอว์เบอร์รี ขนมหวานสีสันสดใส
+++++++++++++++++++
เอาใจลูกค้าคอกาแฟด้วยขนมหวานอย่างทีรามิสุ สูตรจาก นิตยสาร Health & Cuisine เนื้อครีมชีสเนียนนุ่มผสมผสานเลดี้ฟิงเกอร์หอมกลิ่นกาแฟ โรยผงโกโก้เพิ่มรสขม
ส่วนผสม ทีรามิสุ
• กาแฟเอสเปรสโซ่ 2 ถ้วย
• ขนมเลดี้ฟิงเกอร์ 250 กรัม
• เหล้าคาลัวร์ (เหล้าหวานกลิ่นกาแฟ Kahlua) 1/4 ถ้วย
• มาสคาร์โปเน่ชีส 250 กรัม
• วิปปิ้งครีม 350 กรัม
• ไข่แดง 4 ฟอง
• น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
• ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำทีรามิสุ
1. ตีวิปปิ้งครีมด้วยหัวตีแบบตะกร้อจนตั้งยอดอ่อน พักไว้ในตู้เย็น
2. ตีไข่แดงกับน้ำตาลทรายด้วยหัวตีแบบตะกร้อจนขึ้นฟู ใส่มาสคาร์โปเน่ชีสตามลงไป ตีจนส่วนผสมเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน นำวิปปิ้งครีมที่ตีไว้ใส่ลงไป คนอย่างเบามือจนส่วนผสมเข้ากันดี
3. ผสมกาแฟเอสเปรสโซ่และเหล้าคาลัวร์ลงในชามผสม นำเลดี้ฟิงเกอร์ลงจุ่มให้ทั่วแล้วเรียงลงถาดฟอยล์สี่เหลี่ยมขนาด 6×16 เซนติเมตร (สูง 5 เซนติเมตร) จนเต็มถาด
4. ตักส่วนผสมในข้อ 2 ราดทับด้านบน เกลี่ยให้เรียบ ทำทั้งหมดสองชั้น นำไปแช่เย็น 2-3 ชั่วโมงจนขนมเซตตัว โรยหน้าขนมด้วยผงโกโก้ก่อนเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ทีรามิสุ สูตรทำง่าย ขนมยอดฮิตหอมกรุ่นกาแฟ
+++++++++++++++++++
เอาใจลูกค้าที่อยากคลายง่วงยามบ่ายกันหน่อย ลองแนะนำเจลลี่กาแฟ สูตรจาก เฟซบุ๊ก Rakucook เนื้อเจลลี่ใส่กาแฟ กินกับครีมหวาน ๆ ถ้วยเดียวก็สุขล้ำ
ส่วนผสม เจลลี่กาแฟ
• น้ำร้อน 200 มิลลิลิตร
• ผงกาแฟ 10 กรัม
• น้ำตาลทราย 10 กรัม
• เจลาตินผง 5 กรัม
• วิปปิ้งครีม 4 ช้อนโต๊ะ
• นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำเจลลี่กาแฟ
1. ผสมผงกาแฟ น้ำตาลทราย เจลาตินผง และน้ำร้อน คนให้ละลายเข้ากัน เทใส่ภาชนะ นำเข้าตู้เย็นช่องธรรมดาประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจนกว่าเจลลี่เซตตัว
2. ทำครีม โดยผสมวิปปิ้งครีมกับนมข้นหวาน คนให้เข้ากัน
3. พอเจลลี่เซตตัวแล้วก็ใช้ช้อนตักออกมาเป็นชิ้น ๆ หรือใครจะใช้มีดตัดเป็นบล็อก ๆ ก็ได้ เทส่วนผสมครีมลงไป จัดเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ เจลลี่กาแฟ เสิร์ฟขนมหวานสไตล์คาเฟ่ญี่ปุ่นเคี้ยวหนึบ
+++++++++++++++++++
แม้ขั้นตอนทำบานอฟฟี่พายจะยุ่งยากแต่ก็ขายดีนะคะ สูตรจาก เฟซบุ๊ก Pimmy ชวนกินของอร่อย ชิ้นเดียวได้ความอร่อยทั้งจากช็อกโกแลต กล้วยคาราเมล วิปครีม แช่เย็นอร่อยเหาะจริงเชียว
บานอฟฟี่พาย สำหรับพิมพ์ 3 ปอนด์
• ส่วนผสม ชั้นที่ 1 (A) ฐานพาย
• บิสกิต 240 กรัม (หรือคุกกี้โอรีโอ้)
• เนยสดจืด 100 กรัม
ส่วนผสม ชั้นที่ 2 (B) ช็อกโกแลต
• ดาร์กช็อกโกแลต 60% 130 กรัม
• วิปปิ้งครีมชนิดนมโคแท้ 140 กรัม
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
ส่วนผสม ชั้นที่ 3 (C) กล้วยคาราเมล
• น้ำสะอาด 1/4 ถ้วย
• น้ำตาลคาราเมล 1/2 ถ้วย
• น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
• วิปปิ้งครีมนมโคแท้ (Dairy Whipping Cream) 3/4 ถ้วย (นำเข้าไมโครเวฟให้ร้อน 1 นาที)
• เนยสดจืด 30 กรัม
• กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
• กล้วยหอม 5-6 ลูก หรือตามชอบ
ส่วนผสม ชั้นที่ 4 (D) วิปปิ้งครีม
• วิปปิ้งครีม ใช้ได้ทั้งครีมสด (Dairy) และ ครีมไขมันพืช (Non-Dairy) 300-400 กรัม (ใส่มากหรือน้อยตามชอบ)
• กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
หมายเหตุ : สามารถเติมน้ำตาลไอซิ่งได้ตามชอบ โดยชิมรสวิปครีมก่อนค่อยเติม ในสูตรใช้วิปครีมที่มีรสหวานอยู่แล้วเลยไม่ได้เติมไอซิ่ง โดยส่วนมากถ้ารสไม่หวานจะเพิ่มไอซิ่ง 10% ของน้ำหนักวิปครีมที่ใช้
ส่วนผสม ชั้นที่ 5 (F) ผงโกโก้ (สำหรับโรย)
• ผงโกโก้ชนิดไม่หวาน 2-3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำชั้นที่ 1 ฐานพาย (A)
• นำบิสกิตไปปั่นหรือใส่ถุงทุบให้ละเอียด (หรือใช้โอรีโอ้ก็ได้) เทเนยละลายลงผสมให้เข้ากัน นำไปกรุใส่พิมพ์ กดให้แน่น แล้วเข้าช่องแช่แข็งประมาณ 1 ชั่วโมงหรือจนเซตตัว
วิธีทำชั้นที่ 2 ช็อกโกแลต (B)
• นำวิปครีมแบบ Dairy และดาร์กช็อกโกแลตไปตุ๋นด้วยไฟอ่อน ย้ำต้องอ่อน พอช็อกโกแลตละลายก็ยกลงจากเตาเลย แล้วค่อยมาคนให้เข้ากัน เพิ่มความหอมด้วยกลิ่นวานิลลา รอจนเย็นแล้วนำไปเทใส่พิมพ์ที่กรุบิสกิตไว้ นำไปเข้าช่องแช่แข็ง หรือแช่เย็นให้เซตตัวดีก่อนค่อยทำชั้นต่อไป
วิธีทำชั้นที่ 3 กล้วยกับคาราเมล (C)
• ทำคาราเมล โดยใส่น้ำสะอาดลงในหม้อทนความร้อน ใส่น้ำตาลทรายคาราเมล ตามด้วยน้ำตาลทรายแดงกับเกลือ ตั้งไฟปานกลางกวนจนน้ำตาลละลายหมด และมีลักษณะข้นเหนียว มีกลิ่นไหม้นิด ๆ ปิดไฟ ค่อย ๆ เทวิปครีม (ที่นำเข้าไมโครเวฟให้ร้อน) คนจนเข้ากันแล้วเปิดไฟกลางอีกครั้ง กวนต่อจนข้นขึ้นแล้วยกลงจากเตา ใส่เนยและกลิ่นวานิลลา คนจนเนยละลายหมด พักไว้ให้เย็น จัดเรียงกล้วยลงในพิมพ์ ราดด้วยคาราเมลแล้วนำไปแช่เย็นให้คาราเมลแข็งตัว โปะวิปครีม
วิธีทำชั้นที่ 4 วิปครีม (D)
• ถ้าอยากให้อยู่ตัวนานขึ้นแนะนำใช้ครีมแบบ Non-Dairy แต่ถ้าไม่อยากซื้อหลายอันก็ใช้ครีม Dairy ได้เลย ใส่วิปครีมลงไปในอ่างผสม เติมกลิ่นวานิลลา ตีวิปครีมให้ขึ้นฟู นำไปโปะในพิมพ์ เกลี่ยให้เรียบ
วิธีทำชั้นที่ 5 (E)
• โรยด้วยผงโกโก้ก่อน หรือเอาเข้าแช่ตู้เย็นให้คาราเมลและวิปครีมเซตตัวก่อนค่อยมาโรยผงโกโก้ หั่นตามชอบ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บานอฟฟี่พาย ความอร่อยที่คุณทำได้ไม่ง้อเตาอบ
+++++++++++++++++++
เค้กกาแฟครีมสดดูไม่แปลกจากร้านคาเฟ่อื่น ขอนำเสนอเค้กกาแฟกล้วยหอมคาราเมล สูตรจาก นิตยสาร Health & Cuisine เค้กกาแฟสอดไส้กล้วยคาราเมล โปะครีมคาราเมลเพิ่มความสวยงาม
ส่วนผสม เค้กกาแฟ
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 100 กรัม
• แป้งข้าวโพด 8 กรัม
• เกลือป่น 1 กรัม
• ผงฟู 4 กรัม
• น้ำตาลไอซิ่ง (1) 72 กรัม (สำหรับผสมแป้ง)
• ไข่แดง 4 ฟอง
• น้ำมันพืช 32 กรัม
• น้ำเปล่า 65 กรัม
• ผงกาแฟ 8 กรัม
• กลิ่นกาแฟ 4 กรัม
• ไข่ขาว 4 ฟอง
• น้ำตาลไอซิ่ง (2) 30 กรัม (สำหรับผสมไข่ขาว)
• ครีมออฟทาร์ทาร์ 1 กรัม
• พิมพ์ทรงกระบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 นิ้ว
ส่วนผสม ซอสคาราเมล
• น้ำตาลทรายขาว 13 กรัม
• เกลือป่น 0.2 กรัม
• เนยเค็ม 20 กรัม
• นมข้นจืด 24 กรัม
• นมข้นหวาน 60 กรัม
ส่วนผสม น้ำตาลคาราเมล
• น้ำตาลทรายขาว 200 กรัม
• เกลือป่น 0.8 กรัม
• น้ำเปล่า 54 กรัม
• เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 69 กรัม
ส่วนผสมอื่น ๆ
• วิปปิ้งครีม 74 กรัม
• กล้วยหอม 3 ลูก
• ช็อกโกแลตขูด
• ผงกาแฟ
วิธีทำเค้กกาแฟ
1. ร่อนแป้ง เกลือป่น ผงฟู และน้ำตาลไอซิ่ง (1) เข้าด้วยกัน พักไว้
2. ผสมไข่แดง น้ำมันพืช น้ำ ผงกาแฟ และกลิ่นกาแฟ ตีผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำส่วนผสมของแห้งที่ร่อนไว้มาเทใส่แล้วคนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน
3. ตีไข่ขาวกับน้ำตาลไอซิ่ง (2) และครีมออฟทาร์ทาร์ด้วยหัวตีตะกร้อจนตั้งยอดอ่อน ทยอยเทใส่ส่วนผสมแป้งลงไป ตีจนส่วนผสมทั้งหมดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
4. ตักใส่พิมพ์ทรงกระบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 นิ้ว นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส อบนานประมาณ 30 นาที จนเค้กสุก พักไว้จนเย็น
5. แกะออกจากพิมพ์ สไลซ์ผิวเค้กด้านบนออก แล้วสไลซ์ครึ่งเค้กตามแนวนอนแบ่งเป็นสองส่วนเท่า ๆ กัน
วิธีทำซอสคาราเมล
1. ละลายน้ำตาลทรายขาวด้วยไฟกลางจนกลายเป็นคาราเมล
2. เติมเกลือป่น เนยสด นมข้นจืด และนมข้นหวานลงไป คนให้เข้ากัน รอให้เดือดสักพัก ปิดไฟ ยกลงพักไว้จนเย็น
วิธีทำไส้กล้วยคาราเมล
• สไลซ์กล้วยหอมเป็นชิ้นบางแล้วนำไปคลุกกับซอสคาราเมลประมาณ 50 กรัม
วิธีทำทำครีมคาราเมล
• ตีวิปปิ้งครีมจนตั้งยอดอ่อน จากนั้นใส่ซอสคาราเมลลงไปประมาณ 55 กรัม ตีผสมต่อจนเข้ากัน
วิธีทำน้ำตาลคาราเมล
1. ผสมน้ำตาลทรายและน้ำ นำขึ้นตั้งไฟกลางต้มจนกลายเป็นคาราเมล เติมเม็ดมะม่วงหิมพานต์และเกลือป่น คนให้เข้ากัน ปิดไฟ ยกลงจากเตา
2. เทลงในถาดแบน รอจนน้ำตาลแข็ง ตัดเป็นชิ้น ๆ พักไว้
วิธีประกอบชิ้นเค้ก
• วางไส้กล้วยคาราเมลลงบนชิ้นเค้ก นำเค้กอีกชิ้นปิดทับ แล้วบีบครีมคาราเมล ตกแต่งด้วยน้ำตาลคาราเมล ช็อกโกแลตขูด คาราเมล และผงกาแฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ Banana Caramel Macchiato เค้กกาแฟเนื้อนุ่มหอมคาราเมล
+++++++++++++++++++
ถ้าในร้านคาเฟ่มีเครื่องดื่มชาเขียวก็เหมาะมากที่จะจับคู่กับเมนูของหวานอย่างเค้กชาเขียว สูตรจาก เฟซบุ๊ก Baking Glory เนื้อเค้กฟูนุ่มสอดไส้ครีม โรยผงชาเขียวเพิ่มความงาม
ส่วนผสม ของแห้ง
• แป้งเค้ก (ที่ร่อนแล้ว) 1/2 ถ้วย
• ผงฟู 1/2 ช้อนชา
• ผงชาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ (สูตรนี้ใช้ผงชาเขียวจากเชียงราย)
• เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1) 1/4 ถ้วย
ส่วนผสม ไข่แดง
• ไข่แดง 2 ฟอง
• น้ำมันเมล็ดชา 2 ช้อนโต๊ะ (หรือใช้น้ำมันพืชแทนได้)
• น้ำ 2 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม ไข่ขาว
• ไข่ขาว 2 ฟอง
• น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) 1/3 ถ้วย
• สีผสมอาหารสีเขียว เล็กน้อย (เพื่อเพิ่มสีสัน แต่ไม่ใส่ก็ไม่เป็นไรค่ะ)
• ครีมสด (สำหรับแต่งหน้าเค้ก) สามารถเข้าไปดูเคล็ดลับวิธีตีครีมสดได้ที่ เฟซบุ๊ก Baking Glory
วิธีทำเค้กชาเขียว
1. แบ่งส่วนผสมเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนของแห้ง ส่วนไข่แดง และส่วนไข่ขาว
2. ร่อนแป้งเค้ก (ที่ร่อนแล้ว) กับผงฟู ผงชาเขียว และเกลือป่นเข้าด้วยกัน จากนั้นใส่น้ำตาลทรายส่วนที่ 1 ลงไป เตรียมไว้
3. ผสมไข่แดง น้ำมัน และน้ำเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
4. ตีไข่ขาวกับน้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2) เข้าด้วยกันจนตั้งยอดแข็ง
เคล็ดลับ : ภาชนะตีไข่ขาวต้องแห้งและสะอาด เพราะถ้าไม่แห้งไข่ขาวจะตีไม่ขึ้นฟูแน่นอน
5. นำส่วนผสมไข่แดงผสมกับแป้งที่ร่อนไว้ คนผสมให้เข้ากันจนเนียน และชาเขียวไม่เป็นเม็ด ใส่สีผสมอาหารสีเขียวลงไปเล็กน้อย จากนั้นนำไปผสมกับไข่ขาวที่ตีไว้ คนผสมพอเข้ากัน
6. เทส่วนผสมใส่พิมพ์ นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส นานประมาณ 30 นาที
7. นำเค้กที่อบเสร็จแล้วมาผ่าครึ่งแล้วทาด้วยวิปปิ้งครีมที่ตีไว้ตามชอบ ประกบกับเค้กอีกครึ่งหนึ่ง ปาดครีมรอบเค้กให้สวยงาม หั่นชิ้น ก่อนเสิร์ฟโรยผงชาเขียว
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ เค้กชาเขียว เนื้อฟูนุ่ม สูตรหวานน้อย หน้าตาดี
+++++++++++++++++++
เอาใจลูกค้าที่ชอบแอปเปิลเลยจับมาแปลงร่างเป็นเมนูแอปเปิลครัมเบิลเค้ก สูตรจาก คุณ AdrenalineRush สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เนื้อเค้กกรุบกรอบสอดไส้แอปเปิล ก่อนเสิร์ฟก็ราดซอสวานิลลาหน่อย
ส่วนผสม เค้ก
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 135 กรัม
• ผงฟู 3/4 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 85 กรัม
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• เนยสด 87 กรัม (วางทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องจนนิ่ม)
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
ส่วนผสม ครัมเบิล
• น้ำตาลทราย 50 กรัม
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 80 กรัม
• อัลมอนด์ป่น 30 กรัม
• ผงฟู 1/2 ช้อนชา
• เนยสดเย็น 60 กรัม
ส่วนผสม ไส้แอปเปิล
• แอปเปิลเขียว (Grand Smith Apples) 3 ลูก
• น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
• อบเชยป่น 1 ช้อนชา
• น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
หมายเหตุ : ถ้าใช้ผลไม้ชนิดอื่นให้เปลี่ยนน้ำตาลทรายแดงเป็นน้ำตาลทรายและไม่ต้องใส่ผงอบเชย
ส่วนผสม ซอสวานิลลา
• ไข่แดง 2 ฟอง
• น้ำตาลไอซิ่ง 3-4 ช้อนโต๊ะ
• ฝักวานิลลา 1/2-1 ฝัก
• วิปปิ้งครีม 200 มิลลิลิตร
วิธีทำแอปเปิลครัมเบิลเค้ก
1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส และเตรียมพิมพ์ถอดก้นได้ขนาด 8 นิ้วหรือพิมพ์สี่เหลี่ยม ถ้าไม่มีแบบถอดก้นได้ก็ไม่เป็นไร)
2. ทำไส้แอปเปิล โดยปอกเปลือกแอปเปิลแล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ แต่อย่าหนามาก ใส่ลงในอ่างผสม ใส่น้ำตาลทรายแดง อบเชยป่น และน้ำมะนาวลงไป ผสมให้เข้ากัน พักไว้
3. ทำครัมเบิล โดยผสมน้ำตาลทราย แป้งสาลีอเนกประสงค์ อัลมอนด์ป่น ผงฟู และเนยสดเข้าด้วยกัน จากนั้นนำไปแช่เย็นก่อนนำมาใช้
4. ทำเค้ก โดยผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงฟู น้ำตาลทราย กลิ่นวานิลลา เนยสด และไข่ไก่ให้เข้ากัน นำไปกรุลงในพิมพ์ ใส่ไส้แอปเปิลลงไปแล้วโรยครัมเบิล นำไปอบประมาณ 25-30 นาที นำขนมออกจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น ตัดเป็นชิ้น
5. ทำซอสวานิลลา โดยตีไข่แดง น้ำตาลไอซิ่ง และวานิลลาจนขึ้นฟู พักไว้ จากนั้นตีวิปปิ้งครีมจนตั้งยอดอ่อน นำมาผสมกับส่วนผสมไข่แดง นำไปแช่เย็น เตรียมไว้
6. ก่อนเสิร์ฟราดซอสวานิลลาลงบนแอปเปิลครัมเบิลเค้ก
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ แอปเปิลครัมเบิ้ลเค้ก กรุบกรอบ ทำง่ายไม่ต้องใช้เครื่อง
+++++++++++++++++++
มาต่อกันที่เมนูน้ำแข็งไสสไตล์เกาหลีเอาใจลูกค้าติ่งเกาหลีกันหน่อย ขอนำเสนอบิงซูเมลอน สูตรจาก คุณ May Thanprasoet สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม น้ำแข็งไสนมสดเสิร์ฟในลูกเมลอน และโปะเมลอนแน่น ๆ เพิ่มความอลัง
ส่วนผสม บิงซูเมลอน
• เมลอน 1/2 ลูก (เราใช้เมลอนลูกเล็กเลยไม่ต้องผ่าครึ่งลูก)
• นมสด 500 มิลลิลิตร (ถ้าใช้นมรสหวานจะอร่อยกว่านมจืด)
• นมข้นหวาน
• ไอศกรีมวานิลลา
• ถั่วอัลมอนด์
• ถุงซิปล็อก
วิธีทำบิงซูเมลอน
1. เทนมใส่ถุงซิปล็อก ปิดให้สนิทแล้วนำไปแช่ช่องฟรีซไว้ 3 ชั่วโมง
2. เมลอนที่เราใช้มันเป็นลูกเล็ก ถ้าที่บ้านมีลูกใหญ่ก็ผ่าครึ่งนะ ของเราใช้ทั้งลูก แต่หั่นข้างบนกับข้างล่างออก
3. เอาเม็ดเมลอนออกให้หมด
4. ตักเมลอนออกเป็นลูกกลม ๆ หรือจะใช้มีดแงะ ๆ เนื้อออกแล้วหั่นเป็นลูกเต๋าก็ได้นะ ตักเนื้อเมลอนออกมาจนเกือบหมดแล้วก็ตักใส่ภาชนะไว้ เพื่อนำมาจัดวางบนน้ำแข็งไสทีหลัง
5. นำนมที่เราแช่ไว้ในช่องฟรีซออกมาทุบ ๆ ให้มันละเอียด แล้วตักใส่ในลูกเมลอน
6. เทนมข้นหวานลงไปเยอะ ๆ เลย จะอร่อยมาก
7. เอาเมลอนมาจัดเรียงกันเลยจ้า เหลือช่องตรงกลางด้วยนะ เพื่อวางไอศกรีม
8. ตักไอศกรีมมาวางไว้ตรงกลาง โรยถั่วอัลมอนด์ ราดด้วยนมข้นหวานอีกรอบ เสร็จแล้ว ง่ายไหมล่ะ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำเมลอนบิงซู น้ำแข็งไสเกาหลีไซส์บิ๊ก หอมหวานเย็นฉ่ำอร่อยจุใจ
+++++++++++++++++++
นั่นแน่ เห็นภาพก็อยากทำขายกันแล้วละสิ เตรียมกระดาษกับปากกามาจดเมนูเค้กหยดน้ำ โมจิหยดน้ำ สูตรจาก คุณชาเขียวมะลิเย็นหวานน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เนื้อเค้กใสแจ๋วสมชื่อ หน้าตางามงด เสิร์ฟกับผงถั่วคินาโกะ ราดด้วยน้ำตาลเคี่ยว
ส่วนผสม โมจิหยดน้ำ
• ผงวุ้นญี่ปุ่น 12-15 กรัม
• น้ำตาลทราย 30-40 กรัม (เพิ่ม-ลดได้ตามความชอบ)
• น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร
• ผงถั่วคินาโกะ
• น้ำตาลเคี่ยว หรือน้ำตาลสีดำ (ใช้น้ำเปล่ากับน้ำตาลแดง หรือน้ำตาลทรายแดงที่ใส่ในเฉาก๊วยอย่างละเท่า ๆ กัน เคี่ยวจนเหนียว ทั้งนี้อาจใช้น้ำผึ้งหรือไซรัปแทนได้)
• พิมพ์เค้กหยดน้ำ
วิธีทำโมจิหยดน้ำ
1. ผสมผงวุ้นกับน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน
2. ใส่น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ ลงไปคนเบา ๆ ให้ส่วนผสมละลาย เติมน้ำเปล่าอีก 1 ช้อนโต๊ะ ประมาณ 1-2 ครั้ง แล้วใส่น้ำเปล่าที่เหลือจนหมด คนให้เข้ากัน (เคล็ดลับ : ตอนคนส่วนผสมให้คนเบา ๆ นะคะ ใช้ไฟกลางไม่แรงค่อย ๆ คน ถ้าคนเบามือวุ้นจะใส)
3. นำส่วนผสมไปต้ม พอเริ่มเดือด มีฟองอากาศที่ก้นและขอบ ๆ ยกลง
4. ช้อนฟองออก พักไว้ พออุ่นเทใส่พิมพ์ นำเข้าตู้เย็น
5. จัดใส่จาน โรยผงถั่วคินาโกะ ราดด้วยน้ำตาลเคี่ยว
หมายเหตุ : ผงวุ้น ถั่วคินาโกะและน้ำตาล เราซื้อมาจาก บ้านสวนสุดาพร (BaanSuan Sudaporn)
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ เค้กหยดน้ำ โมจิหยดน้ำ ไม่ต้องไปญี่ปุ่นก็ทำกินเองได้
ใครอยากเปิดร้านคาเฟ่ก็มาลองทำเมนูของหวานซ้อมมือกันก่อนเลยจ้า ถ้าตัวไหนขายดีก็ทำเป็นซิกเนเจอร์ของร้าน รับรองสูตรที่ให้ทำขายจริงได้ อร่อยเว่อร์วัง